คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า
จำเลย(สนธิ ลิ้มทองกุล) ได้ปราศรัยที่วัดป่าปะพงนอก จ.ระนอง
โดยกล่าวหาว่า นายเก่งกาจ พาพวกอุทยานป่าไม้มาป่วนการปราศรัยในรายการเวทีสัญจร ครั้งที่ 15 ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ
ถึงขั้นขว้างประทัดยักษ์เข้าไปขณะมีการปราศรัย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน
ทั้งที่จริงแล้วคนที่ขว้างคือบุคคลอื่น ซึ่งต่อมาตำรวจได้ดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับไปแล้ว
ดังนั้น โจทก์จึงเห็นว่าตัวเองได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นการหมิ่นประมาท
นอกจากนั้นจำเลยยังนำไปออกวิทยุและอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 22-31 ม.ค.2549 เป็นการเผยแพร่ข้อความให้แพร่หลาย
มีลักษณะจูงใจให้คนเกลียดชังตน
ศาลขั้นต้น พิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ให้จำคุกนายสนธิเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา
เนื่องจากว่าจำเลยมีความผิดลักษณะเดียวกันอย่างซ้ำซ้อน
(มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
ชัดครับ มูลฟ้อง ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ไม่มีอะไรเคลือบแคลง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน
แต่มีเหตุบรรเทาโทษจึงให้ลดโทษลง 1 ใน 3 หรือคงให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา
(มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษร
ที่ทำให้ปรากฎไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ
หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท)
นี่ก็ชัดครับ ทั้งมูลฟ้อง ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย
(
มูลฟ้อง คือฟ้องว่าสนธิพูดให้เสียหาย พูดให้คนเกลียดชัง นำไปออกอากาศทางวิทยุและออกอินเตอร์เน็ต
ข้อเท็จจริง คือเป็นอย่างมูลฟ้องว่า
ข้อกฎหมายคือ ผิดมาตรา 326 ตามศาลชั้นต้นพิพากษา ผิดมาตรา 328 ตามศาลอุทธรณ์พิพากษา ต้องตามตัวบทกฎหมาย)
ทีนี้ มาดูคำพิพากษายกฟ้องของศาลฎีกา ที่ทำไมถึงได้พิลึกกึกกือไปได้ขนาดนี้
ศาลฎีกา พิพากษาว่า
องค์คณะศาลฎีกาประชุมปรึกษาหารือกันในเรื่องดังกล่าวและมีคำสั่งพิพากษาว่า
จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา 329 (3)
(มาตรา 329 (3) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท)
ประเด็นคือ
การปราศรัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น
เป็นการ ติ ชม ด้วยความเป็นธรม หรือเป็นการใส่ร้าย กล่าวหา ???
การปราศรัยของนายสนธิ เป็นการกระทำตามวิสัยที่ประชาชนย่อมกระทำจริงหรือ ???
ขัดข้อเท็จจริง ไม่ต้องตามตัวบทกฎหมาย
ว้าเหว่ วังเวง และไม่เชื่อถือครับ
หมดความเชื่อถือจริง ๆ
ผมยังคาใจคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกฟ้องคดีสนธิ ลิ้มทองกุล หมิ่นประมาทป่าไม้ คาใจจริง ๆ ครับ หาเหตุผลไม่เจอ
จำเลย(สนธิ ลิ้มทองกุล) ได้ปราศรัยที่วัดป่าปะพงนอก จ.ระนอง
โดยกล่าวหาว่า นายเก่งกาจ พาพวกอุทยานป่าไม้มาป่วนการปราศรัยในรายการเวทีสัญจร ครั้งที่ 15 ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ
ถึงขั้นขว้างประทัดยักษ์เข้าไปขณะมีการปราศรัย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน
ทั้งที่จริงแล้วคนที่ขว้างคือบุคคลอื่น ซึ่งต่อมาตำรวจได้ดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับไปแล้ว
ดังนั้น โจทก์จึงเห็นว่าตัวเองได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นการหมิ่นประมาท
นอกจากนั้นจำเลยยังนำไปออกวิทยุและอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 22-31 ม.ค.2549 เป็นการเผยแพร่ข้อความให้แพร่หลาย
มีลักษณะจูงใจให้คนเกลียดชังตน
ศาลขั้นต้น พิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ให้จำคุกนายสนธิเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา
เนื่องจากว่าจำเลยมีความผิดลักษณะเดียวกันอย่างซ้ำซ้อน
(มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
ชัดครับ มูลฟ้อง ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ไม่มีอะไรเคลือบแคลง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน
แต่มีเหตุบรรเทาโทษจึงให้ลดโทษลง 1 ใน 3 หรือคงให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา
(มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษร
ที่ทำให้ปรากฎไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ
หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท)
นี่ก็ชัดครับ ทั้งมูลฟ้อง ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย
(มูลฟ้อง คือฟ้องว่าสนธิพูดให้เสียหาย พูดให้คนเกลียดชัง นำไปออกอากาศทางวิทยุและออกอินเตอร์เน็ต
ข้อเท็จจริง คือเป็นอย่างมูลฟ้องว่า
ข้อกฎหมายคือ ผิดมาตรา 326 ตามศาลชั้นต้นพิพากษา ผิดมาตรา 328 ตามศาลอุทธรณ์พิพากษา ต้องตามตัวบทกฎหมาย)
ทีนี้ มาดูคำพิพากษายกฟ้องของศาลฎีกา ที่ทำไมถึงได้พิลึกกึกกือไปได้ขนาดนี้
ศาลฎีกา พิพากษาว่า
องค์คณะศาลฎีกาประชุมปรึกษาหารือกันในเรื่องดังกล่าวและมีคำสั่งพิพากษาว่า
จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา 329 (3)
(มาตรา 329 (3) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท)
ประเด็นคือ
การปราศรัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น
เป็นการ ติ ชม ด้วยความเป็นธรม หรือเป็นการใส่ร้าย กล่าวหา ???
การปราศรัยของนายสนธิ เป็นการกระทำตามวิสัยที่ประชาชนย่อมกระทำจริงหรือ ???
ขัดข้อเท็จจริง ไม่ต้องตามตัวบทกฎหมาย
ว้าเหว่ วังเวง และไม่เชื่อถือครับ
หมดความเชื่อถือจริง ๆ