นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ศาลอาญารัชดา พิพากษายกฟ้อง กรณี บ.ไทยเดย์ ด็อทคอม บ.เอเอสทีวี และ สนธิ ร่วมกันปราศรัยหมิ่น อดีตนายกฯ ทักษิณ
ศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง ยื่นฟ้อง บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด บริษัท เอเอสทีวี และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลยรวม 3 คน ในฐานร่วมกันหมิ่นประมาท จากกรณีปราศัยหมิ่นประมาทกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเอาเงินไปจ่ายให้นายทหารบางคน รวมทั้งใช้เงินซื้อข้าราชการและประชาชาชนบางส่วนเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอ โดยถ่ายทอดออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีและเว็บไซต์ผู้จัดการ ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2551
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า
แม้คำปราศรัยของจำเลยที่ 3 จะเข้าข่ายหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ จริง แต่จำเลยเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าโจทก์มีพฤติการณ์การก้าวล่วงสถาบัน รวมถึงบุคคลแวดล้อมของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการปราศรัยหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
การปราศรัยของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อปกป้องสถาบัน ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 3 จึงไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้นำสืบให้ศาลเห็นว่าร่วมกับจำเลยที่ 3 หมิ่นประมาท พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน
http://news.sanook.com/1750945/
แก้ไข เพื่อ เพิ่มเติม เนื้อหาของกฎหมายหมิ่นประมาท เพื่อใช้อ่านประกอบนะครับ
มาตรา 326* ผู้ใด "ใส่ความ" ผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 329 ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(3) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา 330 ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ศาล ตัดสิน สนธิ ปราศัยหมิ่น ทักษิณ ปี 51 จริง แต่ยกฟ้อง เพราะ ....
ศาลอาญารัชดา พิพากษายกฟ้อง กรณี บ.ไทยเดย์ ด็อทคอม บ.เอเอสทีวี และ สนธิ ร่วมกันปราศรัยหมิ่น อดีตนายกฯ ทักษิณ
ศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง ยื่นฟ้อง บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด บริษัท เอเอสทีวี และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลยรวม 3 คน ในฐานร่วมกันหมิ่นประมาท จากกรณีปราศัยหมิ่นประมาทกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเอาเงินไปจ่ายให้นายทหารบางคน รวมทั้งใช้เงินซื้อข้าราชการและประชาชาชนบางส่วนเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอ โดยถ่ายทอดออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีและเว็บไซต์ผู้จัดการ ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2551
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้คำปราศรัยของจำเลยที่ 3 จะเข้าข่ายหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ จริง แต่จำเลยเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าโจทก์มีพฤติการณ์การก้าวล่วงสถาบัน รวมถึงบุคคลแวดล้อมของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการปราศรัยหมิ่นสถาบันเบื้องสูง การปราศรัยของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อปกป้องสถาบัน ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 3 จึงไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ส่วนจำเลยที่ 1 และ 2 โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้นำสืบให้ศาลเห็นว่าร่วมกับจำเลยที่ 3 หมิ่นประมาท พิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน
http://news.sanook.com/1750945/
แก้ไข เพื่อ เพิ่มเติม เนื้อหาของกฎหมายหมิ่นประมาท เพื่อใช้อ่านประกอบนะครับ
มาตรา 326* ผู้ใด "ใส่ความ" ผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 329 ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(3) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา 330 ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน