สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 54
ขออนุญาตนำบทความจากคุณต่อ เอกชยา สุขสิริ บรรณาธิการ นิตยสาร VOLUME มาให้อ่านกันนะคะ เป็นบทความที่เขียนเอาไว้ดีมากๆ
...............
เขียนถึงพี่เบิร์ด (ยาวสักหน่อย)
ตอนแรกผมเองก็ขำ เห็นมีคนแซวพี่เบิร์ดด้วยการเอารูปถ่ายในละครมาปัดมาสคาร่า ติดขนตาปลอม เข้าใจว่ารักจึงล้อเลียน หยิกแกมหยอก แต่พักหลังชักออกทุ่ง เถิดไถ วิจารณ์และแซวหนักด้วยน้ำเสียงแปร่งแปลก
ในฐานะซูเปอร์สตาร์ที่มีผลงานต่อเนื่อง ยืนหยัดและยาวนาน พูดให้ตรงคือเป็นผู้ใหญ่ เป็นเสาหลักคุณภาพ ผมเชื่อสนิทใจว่าพี่เบิร์ดเมื่อเห็นภาพล้อเลียนก็คงขำ รุ่นนี้ไม่โกรธง่าย ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์...เปลืองเวลา
ที่เชื่อเช่นนั้นเพราะสำหรับผมแล้วนับถือและเชื่อเสมอว่าพี่เบิร์ดละเอียดอ่อนและมีความเป็นครูสูง ครูคือผู้ให้ ให้อย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้เพราะเมตตา ให้ด้วยปรารถนาดี และที่สำคัญคือ...ให้อภัย
เร่เข้ามาครับ...จะรำลึกถึงความน่ารักของครูเบิร์ดให้กันและกันฟัง
ครั้งแรกเจอเมื่อแกรมมี่ฯ ตอบรับ และให้คิวพี่เบิร์ดถ่ายภาพปกและสัมภาษณ์นิตยสาร Trendy Man ผมในฐานะกอง บ.ก. ตอนนั้นอายุงานยังละอ่อน อดตื่นเต้นไม่ได้ ขอร้องแกมบังคับให้พี่หนุ่ม-โตมร ศุขปรีชา ไปด้วยกัน ลิสต์คำถามถามพี่เบิร์ดแบบยาวเหยียด ประมาณ 2 หน้า A4 ได้
หลังจากถ่ายภาพปกเสร็จ พี่เบิร์ดให้เวลาผมกับพี่หนุ่มนั่งสัมภาษณ์ยาวๆ บรรยากาศด้านนอกฝนโปรยสาย ตึกแกรมมี่แอร์เย็น และทวีความยะเยือกเมื่อเด็กจบใหม่มีโอกาสได้นั่งคุยกับซูเปอร์สตาร์ประสบการณ์ยังน้อยนิด จึงบรรจงหยิบแผ่นคำถาม 2 หน้า A4 ขึ้นมานั่งไล่เรียง อ่านไป-ถามไป พี่เบิร์ดตั้งใจฟังทุกคำถาม และตั้งใจตอบ เรา 3 คนนั่งคุยกันยาวนานนับชั่วโมงจนเสร็จสิ้นทุกคำถาม (ที่เตรียมมา)...จบสักที...สบายใจจัง
เครื่องเทปหยุด พี่เบิร์ดพูด "ต่อครับ พี่เบิร์ดจะสอนอะไรให้ คนทำสัมภาษณ์ที่เก่งเขาจะทำการบ้านและเตรียมคำถามมาเป็นอย่างดีเหมือนที่ต่อทำนี่แหละ แต่...ถึงเวลาเขาจะเก็บและคว่ำกระดาษคำถามที่เตรียมไว้ และตั้งใจฟังคนให้สัมภาษณ์ ตามองตา (ใช้ 2 นิ้วชี้ที่ตาประกอบขณะพูด) ป้อนและยิงคำถามอย่างต่อเนื่อง คือทำบรรยากาศการพูดคุยให้สนุก โดยแทบไม่เปิดกระดาษคำถามขึ้นมาอ่านเลย"
"ยกตัวอย่างพี่อ้อย-มนทิรา บ.ก. แพรวสุดฯ พี่อ้อยเป็นนักสัมภาษณ์ที่เก่ง (เล่าพลางหยิบกระดาษคำถามมาคว่ำให้ดู) เวลาคุยกับใครสักคนที่ตั้งใจฟังและพูดคุยกันแบบเป็นธรรมชาติ เราจะอยากตอบ อยากคุยด้วย และแน่นอนว่าเรื่องที่ได้จะสนุก เชื่อพี่นะ ทีหลังให้ท่องคำถามที่เตรียมมาไว้ในใจ ถ้าไม่จำเป็นอย่าเปิดโพลคำถามขึ้นมาอ่าน"
พี่เบิร์ด--ซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเมืองไทย คงอดทนกับการอ่านคำถามของผมมาตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมงผ่าน โดยไม่ขัด ไม่ต่อว่า แต่รอจังหวะให้จบการสัมภาษณ์ แล้วสอนน้อง สอนแบบพี่ที่ปรารถนาดี ไม่ให้รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ
นับแต่นั้นผมยกให้พี่เบิร์ดเป็นครูอีกคนหนึ่งในการทำงานนิตยสาร รู้สึกขอบคุณพี่เบิร์ดจากหัวใจ ทุกวันนี้ยังจดจำเอาคำสอนนั้นมาสอนน้องๆ กอง บ.ก. นิตยสารทุกเล่ม และทุกคนที่ตนเองมีโอกาสปั้น...มากับมือ
ได้เจอพี่เบิร์ดอีกบ่อยครั้ง เพราะย้ายไปทำงานที่กองแพรว (ในเครืออมรินทร์ฯ) ทุกปีพี่เบิร์ดจะให้คิวถ่ายแบบปก ผมมีหน้าที่ตามติดกองแฟชั่นไปนั่งคุย นั่งสัมภาษณ์ เขียนเบื้องหลังการทำงาน พี่เบิร์ดให้ความรัก ความเป็นกันเอง ยิ่งได้รู้ว่าน้องคนนี้เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกัน ก็ยิ่งให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ แอบดีใจที่มีพี่โรงเรียนเก่ง มีความสามารถและเป็นที่รัก
มีเหตุให้ย้ายงาน ย้ายเล่ม ไม่มีโอกาสได้เจอะเจอพี่เบิร์ดอีกเลย ล่าสุดเราเจอกันโดยบังเอิญบนเครื่องบินไฟลท์กรุงเทพฯ-มัลดีฟส์ ทั้งขาไปและขากลับ พี่เบิร์ดกับพี่นกน้อยนั่งด้านหน้า ถัดมาด้านหลังคือผมกับพี่จุ๋ม-เพื่อนเดินทาง บนเครื่องบินไปมัลดีฟส์เวลาช่างแสนสั้น เพราะมีไวน์กรึ่มให้เรานั่งชนแก้ว จัดปาร์ตี้เล็กๆ โดยมีพี่เบิร์ดหันหลังมาคุยฟุ้งเรื่องสัพเพเหระแบบไม่ถือตัว
ชีวิตการทำงานนิตยสารยาวนานร่วม 20 ปีผ่าน ไม่เคยเลยสักครั้งที่ได้รับฟีดแบ๊กจากซูเปอร์สตาร์ แต่จู่ๆ วันหนึ่งผมได้รับจดหมายทักทายพร้อมคำขอบคุณจากพี่เบิร์ด เขียนด้วยลายมือ เนื่องด้วยมีบทความบทหนึ่งใน Volume (คอลัมนิสต์คือน้องโน๊ต-ศรัณย์ คุ้งบรรพต) เขียนถึงและชื่นชมพี่เบิร์ดในฐานะดีโว่ และซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเมืองไทยที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ตอนเปิดจดหมายอ่าน...บอกตรงๆ ครับว่าช็อก ไม่คิดว่าพี่เบิร์ดจะอ่านเจอบทความชิ้นนั้น แถมเล่าว่าติดตามอ่าน Volume มาโดยตลอด (อย่างเหนียวแน่น) นั่นยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจ
ครับ, ที่เขียนเล่ามาทั้งหมดนี้แค่อยากแชร์ตัวตนจริงของพี่เบิร์ดที่หลายคนไม่เคยรู้ นี่เป็นเพียงส่วนน้อยนิดที่ผมได้สัมผัส พี่เบิร์ดในภาพจำน่าเคารพยกย่อง เป็นคนใจดี คิดดี ปรารถนาดี การกล่าวถึงและวิจารณ์นั้นทำได้ แม้เลยเถิดถึงแซวหยอกก็ย่อมได้ เพราะพี่เบิร์ดคือบุคคลสาธารณะ แต่...ควรอยู่บนพื้นฐานของเมตตา อย่าใช้คำหยาบเหยียบคนอื่นให้จมมิด การวิจารณ์ด้วยอคติไม่เป็นผลดี ตรงกันข้ามกลับจะสร้างความเจ็บช้ำและเป็นบาป
พี่เบิร์ดไม่เคยร้าย และไม่เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับคุณจริงหรือไม่...ใช่ไหม...
ถ้าคุณ 'รัก' หรือแม้แต่ 'เคยรัก' พี่เบิร์ด ไม่ผิดที่จะวิจารณ์ แต่โปรดวิจารณ์เนื้องานด้วยน้ำเสียงที่มีความเมตตาเถิด
บอกแล้วไงว่าเขียนยาว
.............
รักพี่เบริ์ดจัง
...............
เขียนถึงพี่เบิร์ด (ยาวสักหน่อย)
ตอนแรกผมเองก็ขำ เห็นมีคนแซวพี่เบิร์ดด้วยการเอารูปถ่ายในละครมาปัดมาสคาร่า ติดขนตาปลอม เข้าใจว่ารักจึงล้อเลียน หยิกแกมหยอก แต่พักหลังชักออกทุ่ง เถิดไถ วิจารณ์และแซวหนักด้วยน้ำเสียงแปร่งแปลก
ในฐานะซูเปอร์สตาร์ที่มีผลงานต่อเนื่อง ยืนหยัดและยาวนาน พูดให้ตรงคือเป็นผู้ใหญ่ เป็นเสาหลักคุณภาพ ผมเชื่อสนิทใจว่าพี่เบิร์ดเมื่อเห็นภาพล้อเลียนก็คงขำ รุ่นนี้ไม่โกรธง่าย ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์...เปลืองเวลา
ที่เชื่อเช่นนั้นเพราะสำหรับผมแล้วนับถือและเชื่อเสมอว่าพี่เบิร์ดละเอียดอ่อนและมีความเป็นครูสูง ครูคือผู้ให้ ให้อย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้เพราะเมตตา ให้ด้วยปรารถนาดี และที่สำคัญคือ...ให้อภัย
เร่เข้ามาครับ...จะรำลึกถึงความน่ารักของครูเบิร์ดให้กันและกันฟัง
ครั้งแรกเจอเมื่อแกรมมี่ฯ ตอบรับ และให้คิวพี่เบิร์ดถ่ายภาพปกและสัมภาษณ์นิตยสาร Trendy Man ผมในฐานะกอง บ.ก. ตอนนั้นอายุงานยังละอ่อน อดตื่นเต้นไม่ได้ ขอร้องแกมบังคับให้พี่หนุ่ม-โตมร ศุขปรีชา ไปด้วยกัน ลิสต์คำถามถามพี่เบิร์ดแบบยาวเหยียด ประมาณ 2 หน้า A4 ได้
หลังจากถ่ายภาพปกเสร็จ พี่เบิร์ดให้เวลาผมกับพี่หนุ่มนั่งสัมภาษณ์ยาวๆ บรรยากาศด้านนอกฝนโปรยสาย ตึกแกรมมี่แอร์เย็น และทวีความยะเยือกเมื่อเด็กจบใหม่มีโอกาสได้นั่งคุยกับซูเปอร์สตาร์ประสบการณ์ยังน้อยนิด จึงบรรจงหยิบแผ่นคำถาม 2 หน้า A4 ขึ้นมานั่งไล่เรียง อ่านไป-ถามไป พี่เบิร์ดตั้งใจฟังทุกคำถาม และตั้งใจตอบ เรา 3 คนนั่งคุยกันยาวนานนับชั่วโมงจนเสร็จสิ้นทุกคำถาม (ที่เตรียมมา)...จบสักที...สบายใจจัง
เครื่องเทปหยุด พี่เบิร์ดพูด "ต่อครับ พี่เบิร์ดจะสอนอะไรให้ คนทำสัมภาษณ์ที่เก่งเขาจะทำการบ้านและเตรียมคำถามมาเป็นอย่างดีเหมือนที่ต่อทำนี่แหละ แต่...ถึงเวลาเขาจะเก็บและคว่ำกระดาษคำถามที่เตรียมไว้ และตั้งใจฟังคนให้สัมภาษณ์ ตามองตา (ใช้ 2 นิ้วชี้ที่ตาประกอบขณะพูด) ป้อนและยิงคำถามอย่างต่อเนื่อง คือทำบรรยากาศการพูดคุยให้สนุก โดยแทบไม่เปิดกระดาษคำถามขึ้นมาอ่านเลย"
"ยกตัวอย่างพี่อ้อย-มนทิรา บ.ก. แพรวสุดฯ พี่อ้อยเป็นนักสัมภาษณ์ที่เก่ง (เล่าพลางหยิบกระดาษคำถามมาคว่ำให้ดู) เวลาคุยกับใครสักคนที่ตั้งใจฟังและพูดคุยกันแบบเป็นธรรมชาติ เราจะอยากตอบ อยากคุยด้วย และแน่นอนว่าเรื่องที่ได้จะสนุก เชื่อพี่นะ ทีหลังให้ท่องคำถามที่เตรียมมาไว้ในใจ ถ้าไม่จำเป็นอย่าเปิดโพลคำถามขึ้นมาอ่าน"
พี่เบิร์ด--ซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเมืองไทย คงอดทนกับการอ่านคำถามของผมมาตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมงผ่าน โดยไม่ขัด ไม่ต่อว่า แต่รอจังหวะให้จบการสัมภาษณ์ แล้วสอนน้อง สอนแบบพี่ที่ปรารถนาดี ไม่ให้รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ
นับแต่นั้นผมยกให้พี่เบิร์ดเป็นครูอีกคนหนึ่งในการทำงานนิตยสาร รู้สึกขอบคุณพี่เบิร์ดจากหัวใจ ทุกวันนี้ยังจดจำเอาคำสอนนั้นมาสอนน้องๆ กอง บ.ก. นิตยสารทุกเล่ม และทุกคนที่ตนเองมีโอกาสปั้น...มากับมือ
ได้เจอพี่เบิร์ดอีกบ่อยครั้ง เพราะย้ายไปทำงานที่กองแพรว (ในเครืออมรินทร์ฯ) ทุกปีพี่เบิร์ดจะให้คิวถ่ายแบบปก ผมมีหน้าที่ตามติดกองแฟชั่นไปนั่งคุย นั่งสัมภาษณ์ เขียนเบื้องหลังการทำงาน พี่เบิร์ดให้ความรัก ความเป็นกันเอง ยิ่งได้รู้ว่าน้องคนนี้เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกัน ก็ยิ่งให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ แอบดีใจที่มีพี่โรงเรียนเก่ง มีความสามารถและเป็นที่รัก
มีเหตุให้ย้ายงาน ย้ายเล่ม ไม่มีโอกาสได้เจอะเจอพี่เบิร์ดอีกเลย ล่าสุดเราเจอกันโดยบังเอิญบนเครื่องบินไฟลท์กรุงเทพฯ-มัลดีฟส์ ทั้งขาไปและขากลับ พี่เบิร์ดกับพี่นกน้อยนั่งด้านหน้า ถัดมาด้านหลังคือผมกับพี่จุ๋ม-เพื่อนเดินทาง บนเครื่องบินไปมัลดีฟส์เวลาช่างแสนสั้น เพราะมีไวน์กรึ่มให้เรานั่งชนแก้ว จัดปาร์ตี้เล็กๆ โดยมีพี่เบิร์ดหันหลังมาคุยฟุ้งเรื่องสัพเพเหระแบบไม่ถือตัว
ชีวิตการทำงานนิตยสารยาวนานร่วม 20 ปีผ่าน ไม่เคยเลยสักครั้งที่ได้รับฟีดแบ๊กจากซูเปอร์สตาร์ แต่จู่ๆ วันหนึ่งผมได้รับจดหมายทักทายพร้อมคำขอบคุณจากพี่เบิร์ด เขียนด้วยลายมือ เนื่องด้วยมีบทความบทหนึ่งใน Volume (คอลัมนิสต์คือน้องโน๊ต-ศรัณย์ คุ้งบรรพต) เขียนถึงและชื่นชมพี่เบิร์ดในฐานะดีโว่ และซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเมืองไทยที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ตอนเปิดจดหมายอ่าน...บอกตรงๆ ครับว่าช็อก ไม่คิดว่าพี่เบิร์ดจะอ่านเจอบทความชิ้นนั้น แถมเล่าว่าติดตามอ่าน Volume มาโดยตลอด (อย่างเหนียวแน่น) นั่นยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจ
ครับ, ที่เขียนเล่ามาทั้งหมดนี้แค่อยากแชร์ตัวตนจริงของพี่เบิร์ดที่หลายคนไม่เคยรู้ นี่เป็นเพียงส่วนน้อยนิดที่ผมได้สัมผัส พี่เบิร์ดในภาพจำน่าเคารพยกย่อง เป็นคนใจดี คิดดี ปรารถนาดี การกล่าวถึงและวิจารณ์นั้นทำได้ แม้เลยเถิดถึงแซวหยอกก็ย่อมได้ เพราะพี่เบิร์ดคือบุคคลสาธารณะ แต่...ควรอยู่บนพื้นฐานของเมตตา อย่าใช้คำหยาบเหยียบคนอื่นให้จมมิด การวิจารณ์ด้วยอคติไม่เป็นผลดี ตรงกันข้ามกลับจะสร้างความเจ็บช้ำและเป็นบาป
พี่เบิร์ดไม่เคยร้าย และไม่เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับคุณจริงหรือไม่...ใช่ไหม...
ถ้าคุณ 'รัก' หรือแม้แต่ 'เคยรัก' พี่เบิร์ด ไม่ผิดที่จะวิจารณ์ แต่โปรดวิจารณ์เนื้องานด้วยน้ำเสียงที่มีความเมตตาเถิด
บอกแล้วไงว่าเขียนยาว
.............
รักพี่เบริ์ดจัง

ความคิดเห็นที่ 4
ขออนุญาต
ยกคอมเม้นต์มาจากกระทู้ก่อนหน้า
หลายคนไม่ทันละครที่พี่เค้าเล่นเมื่อก่อน พอมาเห็นเค้าเล่นเรื่องนี้บทอ่อนโยนเลยพาลคิดว่าเล่นจริตเกิน
เราเองก็สามสิบอัพ ผ่านละครพี่เบิร์ดมาก็หลายเรื่อง ฉะนั้นเรื่องนี้สำหรับเราเรามองว่าเหมาะและไม่เว่อร์
พี่เบิร์ดเคยเล่นบทผู้ชายอ่อนโยนมาก็หลายเรื่องเช่นในนิรมิตหรือวันนี้ที่รอคอย เราว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว
บทเรื่องนี้เราไม่เคยอ่านนิยายแต่จากความเข้าใจว่าเป็นเทพเจ้านกกระเรียน จะให้มาโวยวายฉงฉางหรือใส่ความเป็นมนุษย์มากมันคงไม่ถูกนัก
เค้าตีความมาว่าเป็นเทพ ที่มีเมตตาช่วยเหลือคนเมืองนี้จนสุดท้ายต้องเสียสละความเป็นเทพเพื่อช่วยเหลือคนในเมืองจนตัวเองสูญสิ้นความเป็นเทพ กลับสวรรค์ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ เป็นอมตะที่ไม่น่าจะมีความสุขหรอก บทเทพเจ้าอายุ400ปี จะให้เล่นแบบไหน ให้เล่นเป็นเทพยุคดิจิตอลเหรอ?
ในเมื่อร่างกายไม่สูญสลาย จิตใจยังวนเวียนเกี่ยวกับคนรักที่จากไกลไม่จากลา บทก็อึนๆหน่วงแบบนี้ เราว่าที่พี่เบิร์ดเล่นในบทท่านชายโยชิตรงใจเราที่สุดแล้ว
ประเด็นของคนที่มองเค้าว่าเค้าแสดงแปลกแตกต่างหรือไปพูดจาดูหมิ่นดูถูกพี่เค้า ไม่ว่าพี่เค้าจะเป็นอะไรเราก็ไม่เห็นว่ามันจะทำให้ละครมันแย่ เรามองไม่เห็นว่ามันสร้างความเสื่อมเสียตรงไหน ไม่ว่าพี่เบิร์ดจะเป็นยังไงเราก็ยังเห็นพี่เบิร์ดเป็นคนที่รับผิดชอบต่อสังคมนี้และเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอมา
บอกเลยว่า จะด่าพี่เค้าว่าอะไรก็ช่าง ใจคนที่ร้อนรนคือคนที่ไปด่าพี่เค้า ด่าไปเพราะใจคุณมีอคติ คนที่ทุกข์ไม่ใช่พี่เบิร์ดหรอก ถ้าพี่เค้าไม่แข็งแกร่งพอจะอยู่วงการมา30ปีเหรอ
ด่าเค้าเอามัน จิตใจเหี้ยมกันจริงๆ
ยกคอมเม้นต์มาจากกระทู้ก่อนหน้า
หลายคนไม่ทันละครที่พี่เค้าเล่นเมื่อก่อน พอมาเห็นเค้าเล่นเรื่องนี้บทอ่อนโยนเลยพาลคิดว่าเล่นจริตเกิน
เราเองก็สามสิบอัพ ผ่านละครพี่เบิร์ดมาก็หลายเรื่อง ฉะนั้นเรื่องนี้สำหรับเราเรามองว่าเหมาะและไม่เว่อร์
พี่เบิร์ดเคยเล่นบทผู้ชายอ่อนโยนมาก็หลายเรื่องเช่นในนิรมิตหรือวันนี้ที่รอคอย เราว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว
บทเรื่องนี้เราไม่เคยอ่านนิยายแต่จากความเข้าใจว่าเป็นเทพเจ้านกกระเรียน จะให้มาโวยวายฉงฉางหรือใส่ความเป็นมนุษย์มากมันคงไม่ถูกนัก
เค้าตีความมาว่าเป็นเทพ ที่มีเมตตาช่วยเหลือคนเมืองนี้จนสุดท้ายต้องเสียสละความเป็นเทพเพื่อช่วยเหลือคนในเมืองจนตัวเองสูญสิ้นความเป็นเทพ กลับสวรรค์ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ เป็นอมตะที่ไม่น่าจะมีความสุขหรอก บทเทพเจ้าอายุ400ปี จะให้เล่นแบบไหน ให้เล่นเป็นเทพยุคดิจิตอลเหรอ?
ในเมื่อร่างกายไม่สูญสลาย จิตใจยังวนเวียนเกี่ยวกับคนรักที่จากไกลไม่จากลา บทก็อึนๆหน่วงแบบนี้ เราว่าที่พี่เบิร์ดเล่นในบทท่านชายโยชิตรงใจเราที่สุดแล้ว
ประเด็นของคนที่มองเค้าว่าเค้าแสดงแปลกแตกต่างหรือไปพูดจาดูหมิ่นดูถูกพี่เค้า ไม่ว่าพี่เค้าจะเป็นอะไรเราก็ไม่เห็นว่ามันจะทำให้ละครมันแย่ เรามองไม่เห็นว่ามันสร้างความเสื่อมเสียตรงไหน ไม่ว่าพี่เบิร์ดจะเป็นยังไงเราก็ยังเห็นพี่เบิร์ดเป็นคนที่รับผิดชอบต่อสังคมนี้และเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอมา
บอกเลยว่า จะด่าพี่เค้าว่าอะไรก็ช่าง ใจคนที่ร้อนรนคือคนที่ไปด่าพี่เค้า ด่าไปเพราะใจคุณมีอคติ คนที่ทุกข์ไม่ใช่พี่เบิร์ดหรอก ถ้าพี่เค้าไม่แข็งแกร่งพอจะอยู่วงการมา30ปีเหรอ
ด่าเค้าเอามัน จิตใจเหี้ยมกันจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 12
ไม่ใช่ว่าเรื่องเพศจะพูดไม่ได้ แตะต้องไม่ได้เลยนะ แต่ตราบใดที่เค้ายังไม่ได้ยอมรับแบบ official ก็ให้เกียรติกันนิดนึงคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงไปมั้งคะ เพราะเรื่องแบบนี้บางทีมันก็เซนสิทีฟสำหรับบางคน บางคนอาจจะภูมิใจประกาศให้โลกรู้ได้โดยไม่รู้สึกอะไร (เพราะคุณอาจจะโชคดีเกิดมาในสังคมที่เค้ายอมรับได้แล้วนี่) แต่บางคนเค้าก็ไม่โชคดีเหมือนคุณ
ส่วนเรื่องการวิจารณ์นะ ยกตัวอย่างให้ดู
- พี่เบิร์ดเล่นไม่ดี, อยากให้ดูแมน เข้มแข็งกว่านี้ให้สมเป็นคุณชาย, ดูอ้อนแอ้นไป ฯลฯ - แบบนี้คือวิจารณ์ อาจจะดูตรงไปบ้าง แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตของการวิจารณ์
- เรียกเค้าเจ้าป้า, บอกว่าสาวกว่านี้ก็ต้องไปใส่วิกแล้ว, ตัดต่อภาพ ฯลฯ - อันนี้ไม่ใช่วิจารณ์ค่ะ มันคือการล้อเลียน และคือการเหยียดเพศดีๆนี่เอง
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าหลายๆคนที่เห็น "ล้อเลียน" เค้าเนี่ย ตัวเองก็เป็นเพศที่ 3 เหมือนกัน ซึ่งคนกลุ่มนี้ยิ่งน่าจะเป็นคนที่เข้าใจหัวอกความรู้สึกของคนที่ถูกสังคมแบ่งแยกทางเพศ ถูกมองว่าไม่ปกติ ได้ดีกว่าคนทั่วๆไปไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคนที่น่าจะเข้าใจสถานการณ์แบบนี้ได้ดีแท้ๆกลับมาทำเสียเองคะ คุณไม่คิดย้อนกลับถึงเวลาที่ตัวเองจะเจอสถานการณ์อะไรแบบนี้มั่งเหรอ แทนที่จะเป็นคนเบรคเตือนๆกัน กลับต้องให้คนที่เป็นผู้ชายแท้ๆหรือผู้หญิงแท้ๆซะอีกมาคอยนั่งเตือนเรื่องพวกนี้แทนซะงั้น
ส่วนเรื่องการวิจารณ์นะ ยกตัวอย่างให้ดู
- พี่เบิร์ดเล่นไม่ดี, อยากให้ดูแมน เข้มแข็งกว่านี้ให้สมเป็นคุณชาย, ดูอ้อนแอ้นไป ฯลฯ - แบบนี้คือวิจารณ์ อาจจะดูตรงไปบ้าง แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตของการวิจารณ์
- เรียกเค้าเจ้าป้า, บอกว่าสาวกว่านี้ก็ต้องไปใส่วิกแล้ว, ตัดต่อภาพ ฯลฯ - อันนี้ไม่ใช่วิจารณ์ค่ะ มันคือการล้อเลียน และคือการเหยียดเพศดีๆนี่เอง
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่น่าเชื่อว่าหลายๆคนที่เห็น "ล้อเลียน" เค้าเนี่ย ตัวเองก็เป็นเพศที่ 3 เหมือนกัน ซึ่งคนกลุ่มนี้ยิ่งน่าจะเป็นคนที่เข้าใจหัวอกความรู้สึกของคนที่ถูกสังคมแบ่งแยกทางเพศ ถูกมองว่าไม่ปกติ ได้ดีกว่าคนทั่วๆไปไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคนที่น่าจะเข้าใจสถานการณ์แบบนี้ได้ดีแท้ๆกลับมาทำเสียเองคะ คุณไม่คิดย้อนกลับถึงเวลาที่ตัวเองจะเจอสถานการณ์อะไรแบบนี้มั่งเหรอ แทนที่จะเป็นคนเบรคเตือนๆกัน กลับต้องให้คนที่เป็นผู้ชายแท้ๆหรือผู้หญิงแท้ๆซะอีกมาคอยนั่งเตือนเรื่องพวกนี้แทนซะงั้น
ความคิดเห็นที่ 19
รู้แต่ว่าพี่เบิร์ดสั่งไว้กับแฟนคลับวันที่มารายการเรื่องเล่าเช้านี้
"ถ้าเค้าว่าอะไรเราอย่าไปว่าอะไรเค้านะ"
เชื่อว่าพี่เบิร์ดไม่คิดอะไรคะ ถ้าเค้าจิกแล้วเค้าชอบเค้าดูก็ไม่ว่าอะไร จิกได้ขำๆนะ แต่ประเภทบางคนบอกว่าเห็นหน้าพี่เบิร์ดรับไม่ได้ไม่อิน เปลี่ยนช่องหนี ก็ไม่รู้ว่าเค้าเกลียดอะไรพี่เบิร์ด หรือมีศิลปินที่เค้าชอบแล้วไม่ชอบหน้าพี่เบิร์ดขนาดนั้นเลยเหรอ
"ถ้าเค้าว่าอะไรเราอย่าไปว่าอะไรเค้านะ"
เชื่อว่าพี่เบิร์ดไม่คิดอะไรคะ ถ้าเค้าจิกแล้วเค้าชอบเค้าดูก็ไม่ว่าอะไร จิกได้ขำๆนะ แต่ประเภทบางคนบอกว่าเห็นหน้าพี่เบิร์ดรับไม่ได้ไม่อิน เปลี่ยนช่องหนี ก็ไม่รู้ว่าเค้าเกลียดอะไรพี่เบิร์ด หรือมีศิลปินที่เค้าชอบแล้วไม่ชอบหน้าพี่เบิร์ดขนาดนั้นเลยเหรอ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
นักแสดง
นักร้องนักดนตรี
นักร้องนักดนตรีไทย
ธงไชย แมคอินไตย์ (เบิร์ด)
ไม่ใช่ว่าพี่เบิร์ดแตะต้องไม่ได้ แต่ที่สำคัญกว่าน่าจะเป็นมารยาททางสังคม
แต่ได้เล่นโซเชียลหลายช่องทาง รวมทั้งทวิตเตอร์
ซึ่งกระแสพี่เบิร์ดหนักมากนะ ในความคิดเรา
คนที่วิจารณ์เรื่องการแสดง หรือบทละคร เราว่ามันเข้าใจได้นะว่าคนดูมีสิทธิ์วิจารณ์ผลงาน
แต่คนที่ เอาเรื่องเพศของคนอื่นมาล้อเล่น โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน และเค้าอายุมากกว่ามาก
มันไม่เป็นการน่าเกลียดไปหน่อยเหรอ?
พี่เบิร์ดเค้าอยู่ในวงการก็จริง บางคนจะใช้ข้ออ้างว่าก็เป็นคนของประชาชน ทำไมจะวิจารณ์ไม่ได้
แต่อย่าลืมนะว่าพี่เบิร์ดก็คือผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ไม่ว่าเค้าจะเป็นเพศไหนก็เป็นสิทธิ์ของเค้า ตราบใดที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อน
ที่พูดมาไม่ใช่การปกป้องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเราก็ไม่รู้จะปกป้องไปทำไม
แต่เห็นหลายคนที่เมามันส์กันเหลือเกินกับการที่เหยียดคนเพื่อสร้างความสนใจในโลกโซเชียล
โดยไม่แคร์ ไม่เคารพสิทธิของคนที่คุณว่าอยู่เลย
เราก็ไม่ใช่ว่าโลกสวย ต้องพูดจาดี ห้ามด่าห้ามวิจารณ์นะ
อะไรที่เกี่ยวกับการแสดง คุณจะติเพื่อก่อ เพื่อให้เค้าปรับปรุงก็ทำไป
แต่มารยาททางสังคมกับการให้เกียรติในความเป็นคนของคนคนหนึ่ง คุณก็ควรมีนะ
อยากฝากถึงพี่เบิร์ดว่า ไม่ต้องไปสนใจคนที่จ้องแต่จะจับผิดเราในเรื่องที่ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายหรอก
ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุดดีกว่าคนที่เค้าคอยว่า คอยแซวเรื่องเพศจนสนุกปาก ก็แค่คนที่ไม่มีมารยาท
การกระทำของเค้าไม่ได้ทำให้ตัวเราคุณค่าน้อยลงเลยค่ะ