หลังจากการรับประทานอาหารกลางวันเสร็จสิ้นลง ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไป คุณหญิงเกรซกับอนิรุทธ์ไปเปลี่ยนชุดใหม่ที่ห้องชั้น 3 ส่วนอรชุน ปุณยนุช และหริศไปรอเทวัญกานต์ที่ห้องสมุด
สุภากับปนัดดานั่งอยู่ด้วยกันที่เรือนพัก สุภาโมโหมากที่แม่บ้านอย่างเธอไม่ได้รับความสนใจ
“พวกเด็กเมื่อวานซืน กล้าดียังไงที่มองข้ามหัวฉัน”
ปนัดดาแกล้งกล่าวเสียดสี
“ใช่ค่ะ สมัยคุณท่านยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่างานไหน คุณสุภาจะโดดเด่นอยู่เสมอ”
สุภามองหน้าปนัดดาเหมือนจะกลืนกิน
“หล่อนน่ะ หุบปากไปเลย ฉันรู้นะว่าหล่อนไม่ได้จริงใจกับฉันหรอก แค่พูดเสียดสีไปวันๆ”
ปนัดดาตกใจมากเมื่อสุภารู้ทัน
“เปล่านะคะคุณแม่บ้าน ดาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย”
ไม่ว่าปนัดดาจะพูดยังไง สุภาเลิกสนใจแล้วกลับมาบ่นต่อ
“แม่ปุณยนุช หริศ อรชุน พวกนี้จะต้องได้รับบทเรียนที่ไม่ให้เกียรติฉันเลย พวกมันต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม”
ปนัดดาเห็นท่าไม่ดีจึงปลีกตัวออกมา ปนัดดานึกในใจว่า
“นังสุภา นังก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ บ้านแม่แก่ๆเหนียงยานจะมีปัญญาอะไรไปก่อเรื่อง”
ขณะอยู่บนห้องชั้น 3 คุณหญิงเกรซพอใจเป็นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ได้ขนเสื้อผ้าทุกชุดมาไว้ในห้องแล้ว หล่อนเพลิดเพลินกับการเลือกเสื้อผ้าเพื่อไปพบกับนักข่าวในเวลาประมาณบ่ายสอง ขณะเลือกชุดอย่าง เพลิดเพลินอยู่นั้น คุณหญิงเกรซอดไม่ได้ที่จะนึกถึงปุณยนุช หล่อนรู้สึกว่าปุณยนุชเป็นผู้หญิงที่ราบเรียบ ไม่สะดุดตา ถ้าจะพูดกันตรงๆละก็ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีสง่าราศีที่จะเป็นเจ้าของคฤหาสน์อมฤต เรื่องของตัวบทกฏหมายมันก็เป็นอีกเรื่อง แต่เรื่องขโมยซีนออกสื่อนี่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ
ขณะเลือกชุด คุณหญิงเกรซคิดว่าหล่อนน่าจะครอบครองคฤหาสอมฤตไม่ใช่ปุณยนุช แต่จะคิดแผนยังไงดี หล่อนคิดแต่เรื่องพวกนี้อยู่ในใจจนเลิกเลือกชุดชั่วคราวเพราะยังพอมีเวลา ตอนนี้คุณหญิงเกรซยังนึกอะไรไม่ออกนอกจากครอบครองสื่อให้มากและให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ หล่อนคิดว่าหล่อนจะต้องกรุยทางจากจุดนี้
หลังจากคิดเรื่องครอบครองคฤหาสน์อมฤต สิ่งหนึ่งที่เธอจะต้องครอบครองให้ได้เหมือนกันคืออรชุน แต่เป็นการครอบครองแบบชั่วคราว คุณหญิงเกรซสังเกตว่าอรชุนเองก็ดูสนิทสนมกับปุณยนุช ทำไมผู้หญิงคนนี้จะต้องมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอด้วยนะ ผู้หญิงชาวบ้านที่แทบจะไม่มีอะไรโดดเด่น คุณหญิงเกรซไม่เคยเจอ มันช่างเป็นคู่แข่งที่ไม่ค่อยเหมาะสมกับหล่อน แต่ปุณยนุชก็ยังหาญกล้ามาเทียบรัศมีกับหล่อน หล่อนเองไม่เคยเจอคู่แข่งที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อน แต่หล่อนก็คิดว่าคงรับมือได้ไม่ยาก
ส่วนอนิรุทธ์ที่อยู่ในห้องถัดไป ความคิดของเขาแตกต่างจากคุณหญิงเกรซอย่างสิ้นเชิง เขาไม่มองปุณยนุชว่าเป็นศัตรูของเขาแน่ เขามองหล่อนเป็นเพียงแค่ “เพื่อนสาว” คนที่อนุรุทธ์สนใจมากกว่าก็คืออรชุน หริศ บัลลังก์ วัลลภ เทวัญกานต์ และคมกริช เขากำลังคิดแผนอยู่ในหัวมากมาย ไม่รู้ว่าจะจัดคิวอย่างไรดี หรือนัดมาเป็นหมู่เลย เรื่องแบบนี้จะต้องระมัดระวังให้มาก ต้องไม่ให้ทุกคนล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คนที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือคุณหญิงเกรซ
ณ ห้องสมุด ขณะที่อรชุนกับปุณยนุชนั่งรอหริศกับเทวัญกานต์ อรชุนก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นไหม”
“ค่ะ ดีขึ้นมาก เพียงแต่ ...”
อรชุนอดเป็นห่วงปุณยนุชไม่ได้
“เพียงแต่อะไรเหรอครับ”
ปุณยนุชอึกอักก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ”
“อย่ากลัวไปเลยครับ คุณยังมีผมอยู่ทั้งคน”
ปุณยนุชรู้สึกดีมากที่ได้ยินอรชุนพูดออกมาแบบนี้ ในคฤหาสน์แห่งนี้ เธอแทบจะไว้ใจใครไม่ได้เลย
“แล้วสิ่งที่เราจะรู้ในวันนี้ละคะ มัน ...มัน”
“อย่าเพิ่งไปคิดล่วงหน้าเลยครับ เราแก้ปัญหาไปทีละขั้นดีกว่า ค่อยๆแก้ไป แล้วก็ยึดปัญหาที่เป็นปัจจุบัน เพราะปัญหาที่เป็นปัจจุบันคือปัญหาที่เราจำเป็นต้องแก้อย่างแท้จริง”
แล้วหริศก็โผล่เข้ามา
“อ้าว เป็นไงบ้าง” อรชุนทักหริศก่อน
“โอเคๆมีปัญหานิดหน่อย แต่แก้ได้แล้ว” หริศตอบแบบโล่งใจมากขึ้น
ปุณยนุชอดที่จะถามไม่ได้
“ปัญหาตรงจุดไหนเหรอ”
“ความพร้อมตอนบ่ายสองนี่แหละ นักข่าวบางสำนักทะเลาะกันแย่งชิงมุมที่ดีกว่า”
“งานแบบนี้มันมีปัญหาเกือบจะทุกขั้นตอนเลยเนอะ” อรชุนอดบ่นไม่ได้
ทันใดนั้น เทวัญกานต์เดินเข้ามาพอดี
“เป็นไงบ้างทุกคน” เขาทักทุกคนแบบอารมณ์ดี
ทั้งสามคนนั่งมองเขาเป็นตาเดียว จนเทวัญกานต์รู้สึก
“เออ จะไม่มีใครทักผมก่อนเหรอครับ”
“พวกเราเครียดในสิ่งที่คุณกำลังจะพูดอ่ะค่ะ” ปุณยนุชเป็นตัวแทนในการบอกความรู้สึกลึกๆ
“เรื่องนั้นผมรู้นะ แต่ตอนนี้ผมอยากจะบอกเรื่องสำคัญสองเรื่องให้กับพวกคุณได้รับทราบ”
“คือ” หริศเอ่ยออกไป
เทวัญกานต์ชะงักนิดนึง ดูเหมือนเขากำลังหาวิธีพูด
“จากผลการสอบสวนครั้งล่าสุด เราพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่อ้อมแค่คนเดียวที่เคยถูกฆาตกรรมที่นี่”
“โอ ไม่นะ” ปุณยนุชอุทานเสียงหลง
“ยังมีใครอีก” อรชุนอยากรู้
“อืม พ่อบ้านคนที่แล้ว” เทวัญกานต์พยายามจะบอก
“ครั้งนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุเหรอคะ” ปุณยนุชสงสัย
“เท่าที่ทราบตอนนี้ มันเป็นฆาตกรรมครับ” เทวัญกานต์ตอบแบบคุมสติได้ดี
หริศหน้าซีดและเงียบจนหลายคนรู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง
“แต่ผมว่าเรื่องอื่นเราพักกันไว้ก่อนเถอะ” เทวัญกานต์เสนอขึ้นมา
“ทำไมละคะ ก็เรื่องที่คุณบอกยังมีข้อสงสัยอีกเยอะ”
“อืม” เทวัญกานต์รู้สึกว่าตอนนี้เขารับบทหนักมาก
เขายื่นกระดาษแผ่นนึงให้ทุกคนได้เห็นอย่างถนัด
กระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า
“บ่ายสอง คือชั่วโมงมรณะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
คฤหาสน์อำมหิต องก์ 2 คุณหญิงเกรซ ตอนที่ 5
สุภากับปนัดดานั่งอยู่ด้วยกันที่เรือนพัก สุภาโมโหมากที่แม่บ้านอย่างเธอไม่ได้รับความสนใจ
“พวกเด็กเมื่อวานซืน กล้าดียังไงที่มองข้ามหัวฉัน”
ปนัดดาแกล้งกล่าวเสียดสี
“ใช่ค่ะ สมัยคุณท่านยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่างานไหน คุณสุภาจะโดดเด่นอยู่เสมอ”
สุภามองหน้าปนัดดาเหมือนจะกลืนกิน
“หล่อนน่ะ หุบปากไปเลย ฉันรู้นะว่าหล่อนไม่ได้จริงใจกับฉันหรอก แค่พูดเสียดสีไปวันๆ”
ปนัดดาตกใจมากเมื่อสุภารู้ทัน
“เปล่านะคะคุณแม่บ้าน ดาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย”
ไม่ว่าปนัดดาจะพูดยังไง สุภาเลิกสนใจแล้วกลับมาบ่นต่อ
“แม่ปุณยนุช หริศ อรชุน พวกนี้จะต้องได้รับบทเรียนที่ไม่ให้เกียรติฉันเลย พวกมันต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม”
ปนัดดาเห็นท่าไม่ดีจึงปลีกตัวออกมา ปนัดดานึกในใจว่า
“นังสุภา นังก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ บ้านแม่แก่ๆเหนียงยานจะมีปัญญาอะไรไปก่อเรื่อง”
ขณะอยู่บนห้องชั้น 3 คุณหญิงเกรซพอใจเป็นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ได้ขนเสื้อผ้าทุกชุดมาไว้ในห้องแล้ว หล่อนเพลิดเพลินกับการเลือกเสื้อผ้าเพื่อไปพบกับนักข่าวในเวลาประมาณบ่ายสอง ขณะเลือกชุดอย่าง เพลิดเพลินอยู่นั้น คุณหญิงเกรซอดไม่ได้ที่จะนึกถึงปุณยนุช หล่อนรู้สึกว่าปุณยนุชเป็นผู้หญิงที่ราบเรียบ ไม่สะดุดตา ถ้าจะพูดกันตรงๆละก็ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีสง่าราศีที่จะเป็นเจ้าของคฤหาสน์อมฤต เรื่องของตัวบทกฏหมายมันก็เป็นอีกเรื่อง แต่เรื่องขโมยซีนออกสื่อนี่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ
ขณะเลือกชุด คุณหญิงเกรซคิดว่าหล่อนน่าจะครอบครองคฤหาสอมฤตไม่ใช่ปุณยนุช แต่จะคิดแผนยังไงดี หล่อนคิดแต่เรื่องพวกนี้อยู่ในใจจนเลิกเลือกชุดชั่วคราวเพราะยังพอมีเวลา ตอนนี้คุณหญิงเกรซยังนึกอะไรไม่ออกนอกจากครอบครองสื่อให้มากและให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ หล่อนคิดว่าหล่อนจะต้องกรุยทางจากจุดนี้
หลังจากคิดเรื่องครอบครองคฤหาสน์อมฤต สิ่งหนึ่งที่เธอจะต้องครอบครองให้ได้เหมือนกันคืออรชุน แต่เป็นการครอบครองแบบชั่วคราว คุณหญิงเกรซสังเกตว่าอรชุนเองก็ดูสนิทสนมกับปุณยนุช ทำไมผู้หญิงคนนี้จะต้องมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอด้วยนะ ผู้หญิงชาวบ้านที่แทบจะไม่มีอะไรโดดเด่น คุณหญิงเกรซไม่เคยเจอ มันช่างเป็นคู่แข่งที่ไม่ค่อยเหมาะสมกับหล่อน แต่ปุณยนุชก็ยังหาญกล้ามาเทียบรัศมีกับหล่อน หล่อนเองไม่เคยเจอคู่แข่งที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อน แต่หล่อนก็คิดว่าคงรับมือได้ไม่ยาก
ส่วนอนิรุทธ์ที่อยู่ในห้องถัดไป ความคิดของเขาแตกต่างจากคุณหญิงเกรซอย่างสิ้นเชิง เขาไม่มองปุณยนุชว่าเป็นศัตรูของเขาแน่ เขามองหล่อนเป็นเพียงแค่ “เพื่อนสาว” คนที่อนุรุทธ์สนใจมากกว่าก็คืออรชุน หริศ บัลลังก์ วัลลภ เทวัญกานต์ และคมกริช เขากำลังคิดแผนอยู่ในหัวมากมาย ไม่รู้ว่าจะจัดคิวอย่างไรดี หรือนัดมาเป็นหมู่เลย เรื่องแบบนี้จะต้องระมัดระวังให้มาก ต้องไม่ให้ทุกคนล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ คนที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือคุณหญิงเกรซ
ณ ห้องสมุด ขณะที่อรชุนกับปุณยนุชนั่งรอหริศกับเทวัญกานต์ อรชุนก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นไหม”
“ค่ะ ดีขึ้นมาก เพียงแต่ ...”
อรชุนอดเป็นห่วงปุณยนุชไม่ได้
“เพียงแต่อะไรเหรอครับ”
ปุณยนุชอึกอักก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ”
“อย่ากลัวไปเลยครับ คุณยังมีผมอยู่ทั้งคน”
ปุณยนุชรู้สึกดีมากที่ได้ยินอรชุนพูดออกมาแบบนี้ ในคฤหาสน์แห่งนี้ เธอแทบจะไว้ใจใครไม่ได้เลย
“แล้วสิ่งที่เราจะรู้ในวันนี้ละคะ มัน ...มัน”
“อย่าเพิ่งไปคิดล่วงหน้าเลยครับ เราแก้ปัญหาไปทีละขั้นดีกว่า ค่อยๆแก้ไป แล้วก็ยึดปัญหาที่เป็นปัจจุบัน เพราะปัญหาที่เป็นปัจจุบันคือปัญหาที่เราจำเป็นต้องแก้อย่างแท้จริง”
แล้วหริศก็โผล่เข้ามา
“อ้าว เป็นไงบ้าง” อรชุนทักหริศก่อน
“โอเคๆมีปัญหานิดหน่อย แต่แก้ได้แล้ว” หริศตอบแบบโล่งใจมากขึ้น
ปุณยนุชอดที่จะถามไม่ได้
“ปัญหาตรงจุดไหนเหรอ”
“ความพร้อมตอนบ่ายสองนี่แหละ นักข่าวบางสำนักทะเลาะกันแย่งชิงมุมที่ดีกว่า”
“งานแบบนี้มันมีปัญหาเกือบจะทุกขั้นตอนเลยเนอะ” อรชุนอดบ่นไม่ได้
ทันใดนั้น เทวัญกานต์เดินเข้ามาพอดี
“เป็นไงบ้างทุกคน” เขาทักทุกคนแบบอารมณ์ดี
ทั้งสามคนนั่งมองเขาเป็นตาเดียว จนเทวัญกานต์รู้สึก
“เออ จะไม่มีใครทักผมก่อนเหรอครับ”
“พวกเราเครียดในสิ่งที่คุณกำลังจะพูดอ่ะค่ะ” ปุณยนุชเป็นตัวแทนในการบอกความรู้สึกลึกๆ
“เรื่องนั้นผมรู้นะ แต่ตอนนี้ผมอยากจะบอกเรื่องสำคัญสองเรื่องให้กับพวกคุณได้รับทราบ”
“คือ” หริศเอ่ยออกไป
เทวัญกานต์ชะงักนิดนึง ดูเหมือนเขากำลังหาวิธีพูด
“จากผลการสอบสวนครั้งล่าสุด เราพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่อ้อมแค่คนเดียวที่เคยถูกฆาตกรรมที่นี่”
“โอ ไม่นะ” ปุณยนุชอุทานเสียงหลง
“ยังมีใครอีก” อรชุนอยากรู้
“อืม พ่อบ้านคนที่แล้ว” เทวัญกานต์พยายามจะบอก
“ครั้งนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุเหรอคะ” ปุณยนุชสงสัย
“เท่าที่ทราบตอนนี้ มันเป็นฆาตกรรมครับ” เทวัญกานต์ตอบแบบคุมสติได้ดี
หริศหน้าซีดและเงียบจนหลายคนรู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง
“แต่ผมว่าเรื่องอื่นเราพักกันไว้ก่อนเถอะ” เทวัญกานต์เสนอขึ้นมา
“ทำไมละคะ ก็เรื่องที่คุณบอกยังมีข้อสงสัยอีกเยอะ”
“อืม” เทวัญกานต์รู้สึกว่าตอนนี้เขารับบทหนักมาก
เขายื่นกระดาษแผ่นนึงให้ทุกคนได้เห็นอย่างถนัด
กระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า
“บ่ายสอง คือชั่วโมงมรณะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป