เรื่องมันคาในใจมาหลายวันแล้วค่ะ ติดอยู่ในใจ คือ นี่เราไม่มีน้ำใจเหรอเนี่ย
ขอเล่าโดยละเอียดนะคะ
คือไปทำงานเมื่อวันที่ 2 เมษาที่ผ่านมาค่ะ
เหตุที่เกิดคือ เราถอยรถ แต่ไม่พ้น กันชนหน้าขวา ไปขูด สเกิร์ต หน้าซ้าย รถอีกคันหนึ่ง ซึ่งจอดอยู่โดยไม่มีเจ้าของอยู่ในรถ
ด้วยความรีบต้องไปเจอลูกค้าอีกคน เพราะกระชั้นชิดเวลานัดเเล้ว เราเลย เขียนจดหมายน้อย ข้อความประมาณว่า เราขับรถเฉี่ยวรถคุณค่ะ กรุณาติดต่อที่เบอร์....
แล้วเราก็ออกไปค่ะ ออกไปประมาณ ครึ่ง ชั่วโมง แต่รถติดมาก ทำให้เราไปไกลแค่ หน้า สถานที่เกิดเหตุ พอดีเจ้าของรถโทรมา เราเลยเลี้ยวรถกลับมาคุยก่อน
ปรากฏคือน้อง เป็นพี่สาวเจ้าของรถค่ะ ยืมรถน้องชายมาใช้ ตอนแรกน้องก็ขอบคุณค่ะ ที่ทิ้งเบอร์ไว้ เราก็ไม่คิดอะไรค่ะ คิดว่าชนก็รับผิดชอบ จะเคลมให้ แต่ตอนนี้คือรีบมาก สัปดาหน้าวันที่ 9 จะเข้ามาอีก ขอแจ้งประกันวันนั้นได้ไหม น้องก็โอเคค่ะ คุยกันปกติ ระหว่างนี้น้องก็พยายามติดต่อ น้องชาย แต่โทรไม่มีคนรับ ระหว่างที่คุยๆกันไป น้องก็บอกว่ารถเพิ่งแจ้งเคลมไปเหมือนกัน เราก็ฟังๆ ค่ะ แล้วก็ขอตัวออกมาเพราะมีธุระด่วน
ประมาณ 10 นาที น้องผู้ชายเจ้าของรถ ก็โทรมาค่ะ น้ำเสียงหงุดหงิด ต่อว่าๆ เออเนี่ย ผมเสียเวลา ทำไมต้องนัดสัปดาห์หน้า ผมจะเอารถที่ไหนขับ บลาๆๆๆ เราก็ขอโทษค่ะ
แล้วก็ถามว่าเอาไงดี หรือจะให้เรียกประกันวันนี้เลยหรือเปล่า เราจะ cancel นัดก็ได้ น้องก็บอก ไม่ต้องๆๆ ...แต่ผมเสียเวลา ต้องเอารถเข้าอู่ อีก
บ่นๆ ไป เราก็ถามงั้นเอาไงดีคะ.. น้องผู้ชายก็ บ่นๆ เสียเวลา ไม่มีรถขับ ต่อไป การสนธนายืดเยื้อ และวนคำเดิมแล้วค่ะ เลยบอกไปว่า เห็นว่าจะเอารถเข้าอู่อยู่แล้ว ซ่อมไปพร้อมกันได้ไหม จะได้ไม่เสียเวลา... น้องก็ออกจะอึ้งๆ ไปนิด แล้วครับๆ วางสายไปค่ะ
จนวันนัดค่ะ เวลาก็จะบ่ายสามแล้ว เรายังหาคนดูลูกไม่ได้ น้องผู้หญิง โทรมาหาค่ะ ตอนแรกเราบอกไปขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ก่อน 10 am แต่น้องบอกว่า ถ้าเป็นวันนี้จะสะดวกกว่า เราก็เกรงใจน้อง เลยกะเตงลูกใส่คาร์ซีทไปค่ะ ขับไปได้ ประมาณ 20 นาที ฝนตก ฟ้าถล่มค่ะ
เลยบอกน้องว่าขอเลี้ยวกลับก่อน ยังไง ก็ไม่เกิน 10 am พรุ่งนี้แน่นอน
ตกค่ำ สองทุ่มกว่า น้องโทรไลน์ เข้ามา...พูดประมาณว่า คือเกรงใจเรา ต้องหอบลูกเต้ามา ... ไม่เป็นค่ะ พรุ่งนี้พี่ไปไปเคลียร์ให้ จะเรียกประกันแต่เช้า.. น้องก็อ้ำอึ้งๆ เราก็สงสัยค่ะ ทะ

ๆ ละ.. เลยถามว่า งั้นเอาไงดี .. น้อง ก็เรียกน้องชายมาคุยค่ะ จะเอายังไงก็บอกพี่เค้าไปสิ... น้องผู้ชายก็ไม่มาคุยค่ะ
ลูกเรากรี๊ดดดขึ้นมาพอดีเลย ต้องวางสายไป
วันรุ่งขึ้น เราก็เรียกประกันตั้งแต่ 8 โมงเช้ากว่า กะเวลาไปถึง ก็ให้มาพอดี ซึ่งก็พอดีค่ะ ถึงที่เกิดเหตุ (ที่ทำงานน้องผู้หญิง ตอน 9.30 น)
ประกัน ก็ทำเคลม ตามปกติ เอกสารนั่นนี่ ถ่ายรูป ขูดเลขตัวถัง
เสร็จแล้ว (เหลือเอกสารบัตร ปชช น้อง ซึ่งน้องไม่ได้ถือมา) น้องก็ถามประกันค่ะ ว่า จะได้เปลี่ยนอันใหม่เลยไหม ประกันตอบว่า แล้วแต่ การพิจารณาของอู่ และบอกว่ารอยแค่นี้ แป๊บเดียวแหละ ซึ่งน้องบอกว่า เคยเอาไปซ่อม ประกันของน้อง (ประกันชั้น 1 โตเกียวมารีน ) ให้ออกเงินไปก่อน แล้ว จะตามจ่ายตังค์ให้ทีหลัง เพราะ อะไหล่หายาก พี่ประกัน ก็หน้างงเลย ว่าทำถึงทำงั้น... น้องอธิบายว่า อะไหล่หายาก และเป็นของแต่ง ต้องไปทำที่ อำเภอเมือง (อำเภอที่เราอยู่ ...ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 20 โล) ประกันเราเลยเสนอว่า ให้โทรเข้า call center จะบอกอู่ใกล้ๆ และ ให้อู่หาอะไหล่ให้ น้องก็ยืนยันคำเดิมว่า ไม่มี ต้องไปซ่อมในเมือง.... เรากับประกันก็ฟังๆไปค่ะ
ซักแป๊บค่ะ น้องก็ถามว่า แล้วก็น้ำมันที่ต้อง ขับไปซ่อม และค่าเสียโอกาส ในการใช้รถล่ะ !!
ประกัน ก็เริ่มอึ้งละคะ พี่เค้าก็บอกว่า คุณสามารถ เรียกร้องทุกอย่างจากประกันได้ ถ้าต้องเสียค่า น้ำมัน ค่าเช่ารถ หรืออะไร ก็ เรียกร้องได้
น้องก็ถามว่า ถ้าไม่ได้เช่ารถละ ประกันก็บอกว่า ก็เรียกร้องได้ตามจริงเลย ถ้าไม่ได้เช่า ก็เรียกร้องค่าเสียโอกาส ไป..แต่บอกเลยจากประสบการณ์ แผลแค่นี้ เข้าอู่เช้า เย็นก็ออก แล้ว.. คือ ผมได้ได้พูดเข้าข้างลูกค้าผมนะ พูดไปตามจริง จริงๆ พี่ควรเรียกประกันพี่มาคุย เค้ามีประสบการณ์ และเค้าต้องรักษาผลประโยชน์ให้คุณเต็มที่อยู่แล้ว คุณจะได้ไม่ต้องมาคุยเองแบบนี้ และแนะน้องไปว่าให้โทรเรียกประกัน ..อย่าเพิ่งบอกนะว่าคุณได้ใบเคลมจากผมแล้ว ไม่งั้นเค้าจะไม่มา
น้องเลยโทรหาประกันค่ะ ถามๆๆๆ ...แต่ประกันไม่มา!!!! พี่ประกัน ก็ อ้าว!!! อีกรอบ
มาถึงฉากสุดท้าย จะแยกย้ายกันแล้ว น้องก็ต่อสายหาน้องชาย น้องชายบอกว่า จะซ่อมเอง ไม่อยากยุ่งยาก (คือ ดำเนินเรื่องไปหมดจนได้ใบเคลมแล้วนะคะ) ขอเรียก เป็นค่าน้ำใจแทน ... ประกันก็ออกตัวให้เลย ค่ะ ลูกค้าผม ทำประกันชั้น 1 ดังนั้นคุณจะเรียกร้องอะไร มาเรียกร้อง กับ บริษัท ประกันได้เลย ตัวคุณก็เหมือนกัน ถ้ามีใคร มาเรียกร้อง คุณก็ต้องให้ประกันจัดการ
น้องไม่เอาค่ะ ได้ใบเคลมไปแล้ว แต่น้องขอค่ำน้ำใจค่ะ คือ ตั้งแต่เริ่มเรื่องคือเราคงไร้น้ำใจสินะ
เราก็ถามว่าน้องเอาเท่าไหร่ พี่ก็ไม่เคยเจอเคสแบบนี้ น้องก็บอก แล้วแต่พี่ พัน สองพัน สามพัน ก็ได้ (คือถ้าน้อง บอกที่พัน เราให้นะ แต่แผล แค่นั้น แล้วบอกไต่ไปที่ 3 พันเลย เราอึ้งค่ะ)
มาถึงตอนนี้ เราก็รับสาย และพูดกับน้องเจ้าของรถค่ะ พี่เต็มที่ทุกอย่าง ชนพี่ก็ไม่หนี แผลแค่นี้ พี่เคลมให้ คุณคิดค่าน้ำมัน ค่าเสียเวลา ค่าเช่ารถ พี่ก็โอเค น้ำใจมันวัดไม่ได้ พี่ให้ 500 คุณบอกน้อย ให้ 3000 พี่คงโดนสามีด่า แผลแค่นี้ ให้ไปเท่าซื้ออันใหม่เลย ขอรับผิดชอบเท่านี้นะคะ
พอวางสายน้องผู้ชาย ก็มีอาการเหวี่ยงค่ะ บอกไม่เอาแล้ว เดี๋ยวจัดการเอง ต้องการดูน้ำใจ เราก็บอก คือ ตามใจนะ พี่ก็เต็มที่ให้แล้ว ให้น้องผู้หญิงเก็บใบเคลมไว้ก่อนละกัน เดี๋ยวน้องผู้ชายอารมณ์เย็น ก็เอาไปเคลม (สงสารน้องผู้หญิงเหมือนกันค่ะ คนกลาง ลำบากใจน่าดู)
น้องผู้หญิง ก็เลยขอให้เราไปคุยที่สำนักงานประกัน กับน้อง ตอนเที่ยง เราก็โอเค จะรอ..เพื่อความสบายใจของน้อง
ซักแป๊บน้อง ก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ค่ะ ประกันของเรา พี่เค้าบอกว่าแปลกๆ เนาะ
เราก็เลยบอกว่า...คหสต นะ มารูปนี้ คิดว่าคงเคลมชิ้นนั้นไปแล้ว แต่คงอยากได้ตังค์เฉยๆ พี่ประกันก็บอก เออ คิดเหมือนกัน ขนาดเรายอมขนาดนี้ยังไม่พอ
ซักแป๊บ น้องก็เดินขึ้นมาค่ะ บอกว่า ไม่ไปสำนักงานประกันแล้ว เพราะชิ้นนั้น น้องแจ้งซ่อมไปแล้ว..แป่ววว เดี๋ยวไปซ่อมเอง เดี๋ยวน้องจัดการเอง เดี๋ยวทำเอง ง่ายกว่า ไม่รบกวนละ (ออกแนวประชดค่ะ) ก็มองหน้าประกัน อ้าว เราไม่มีน้ำใจสินะ
คือ ขอความเห็นค่ะ เคสแบบนี้คือ เราควรให้ไหมคะ ควรจัดการยังไง หรือ เราจัดการมาถูกทางแล้ว หรือควรไปซะตั้งแต่แรก
ปล. คำว่าเเผลแค่นี้ คือความรู้สึกเรา แต่ที่มองว่า มันน่าจะแผลเล็ก เพราะพี่ประกันก็บอกเลยวาแผลแค่นี้ ไปเช้า เย็นไปรับได้เลย และพี่เค้าพยายามอย่างมากที่จะได้คุยกับประกันของน้อง เพราะแกน่าจะมองว่า มีประสบการณ์กว่า รู้ว่าเคสแบบนี้ควรจะทำไง เคลมได้เเค่ไหน
ไม่รู้จะแท็กอะไรดีค่ะ แลดูไม่เข้าข่ายอันไหนเลย ขออนุญาต แท็ก ห้องที่เข้าไปดูบ่อยๆ ถ้าผิด แจ้งได้เลยค่ะ
แก้ไขแท็ก และเปลี่ยนจาก สปอยเสอร์ เป็นสเกิ์ต ค่ะ สับสน
เราเป็นคนไม่มีนำ้ใจหรือเปล่า
ขอเล่าโดยละเอียดนะคะ
คือไปทำงานเมื่อวันที่ 2 เมษาที่ผ่านมาค่ะ
เหตุที่เกิดคือ เราถอยรถ แต่ไม่พ้น กันชนหน้าขวา ไปขูด สเกิร์ต หน้าซ้าย รถอีกคันหนึ่ง ซึ่งจอดอยู่โดยไม่มีเจ้าของอยู่ในรถ
ด้วยความรีบต้องไปเจอลูกค้าอีกคน เพราะกระชั้นชิดเวลานัดเเล้ว เราเลย เขียนจดหมายน้อย ข้อความประมาณว่า เราขับรถเฉี่ยวรถคุณค่ะ กรุณาติดต่อที่เบอร์....
แล้วเราก็ออกไปค่ะ ออกไปประมาณ ครึ่ง ชั่วโมง แต่รถติดมาก ทำให้เราไปไกลแค่ หน้า สถานที่เกิดเหตุ พอดีเจ้าของรถโทรมา เราเลยเลี้ยวรถกลับมาคุยก่อน
ปรากฏคือน้อง เป็นพี่สาวเจ้าของรถค่ะ ยืมรถน้องชายมาใช้ ตอนแรกน้องก็ขอบคุณค่ะ ที่ทิ้งเบอร์ไว้ เราก็ไม่คิดอะไรค่ะ คิดว่าชนก็รับผิดชอบ จะเคลมให้ แต่ตอนนี้คือรีบมาก สัปดาหน้าวันที่ 9 จะเข้ามาอีก ขอแจ้งประกันวันนั้นได้ไหม น้องก็โอเคค่ะ คุยกันปกติ ระหว่างนี้น้องก็พยายามติดต่อ น้องชาย แต่โทรไม่มีคนรับ ระหว่างที่คุยๆกันไป น้องก็บอกว่ารถเพิ่งแจ้งเคลมไปเหมือนกัน เราก็ฟังๆ ค่ะ แล้วก็ขอตัวออกมาเพราะมีธุระด่วน
ประมาณ 10 นาที น้องผู้ชายเจ้าของรถ ก็โทรมาค่ะ น้ำเสียงหงุดหงิด ต่อว่าๆ เออเนี่ย ผมเสียเวลา ทำไมต้องนัดสัปดาห์หน้า ผมจะเอารถที่ไหนขับ บลาๆๆๆ เราก็ขอโทษค่ะ
แล้วก็ถามว่าเอาไงดี หรือจะให้เรียกประกันวันนี้เลยหรือเปล่า เราจะ cancel นัดก็ได้ น้องก็บอก ไม่ต้องๆๆ ...แต่ผมเสียเวลา ต้องเอารถเข้าอู่ อีก
บ่นๆ ไป เราก็ถามงั้นเอาไงดีคะ.. น้องผู้ชายก็ บ่นๆ เสียเวลา ไม่มีรถขับ ต่อไป การสนธนายืดเยื้อ และวนคำเดิมแล้วค่ะ เลยบอกไปว่า เห็นว่าจะเอารถเข้าอู่อยู่แล้ว ซ่อมไปพร้อมกันได้ไหม จะได้ไม่เสียเวลา... น้องก็ออกจะอึ้งๆ ไปนิด แล้วครับๆ วางสายไปค่ะ
จนวันนัดค่ะ เวลาก็จะบ่ายสามแล้ว เรายังหาคนดูลูกไม่ได้ น้องผู้หญิง โทรมาหาค่ะ ตอนแรกเราบอกไปขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ก่อน 10 am แต่น้องบอกว่า ถ้าเป็นวันนี้จะสะดวกกว่า เราก็เกรงใจน้อง เลยกะเตงลูกใส่คาร์ซีทไปค่ะ ขับไปได้ ประมาณ 20 นาที ฝนตก ฟ้าถล่มค่ะ
เลยบอกน้องว่าขอเลี้ยวกลับก่อน ยังไง ก็ไม่เกิน 10 am พรุ่งนี้แน่นอน
ตกค่ำ สองทุ่มกว่า น้องโทรไลน์ เข้ามา...พูดประมาณว่า คือเกรงใจเรา ต้องหอบลูกเต้ามา ... ไม่เป็นค่ะ พรุ่งนี้พี่ไปไปเคลียร์ให้ จะเรียกประกันแต่เช้า.. น้องก็อ้ำอึ้งๆ เราก็สงสัยค่ะ ทะ
ลูกเรากรี๊ดดดขึ้นมาพอดีเลย ต้องวางสายไป
วันรุ่งขึ้น เราก็เรียกประกันตั้งแต่ 8 โมงเช้ากว่า กะเวลาไปถึง ก็ให้มาพอดี ซึ่งก็พอดีค่ะ ถึงที่เกิดเหตุ (ที่ทำงานน้องผู้หญิง ตอน 9.30 น)
ประกัน ก็ทำเคลม ตามปกติ เอกสารนั่นนี่ ถ่ายรูป ขูดเลขตัวถัง
เสร็จแล้ว (เหลือเอกสารบัตร ปชช น้อง ซึ่งน้องไม่ได้ถือมา) น้องก็ถามประกันค่ะ ว่า จะได้เปลี่ยนอันใหม่เลยไหม ประกันตอบว่า แล้วแต่ การพิจารณาของอู่ และบอกว่ารอยแค่นี้ แป๊บเดียวแหละ ซึ่งน้องบอกว่า เคยเอาไปซ่อม ประกันของน้อง (ประกันชั้น 1 โตเกียวมารีน ) ให้ออกเงินไปก่อน แล้ว จะตามจ่ายตังค์ให้ทีหลัง เพราะ อะไหล่หายาก พี่ประกัน ก็หน้างงเลย ว่าทำถึงทำงั้น... น้องอธิบายว่า อะไหล่หายาก และเป็นของแต่ง ต้องไปทำที่ อำเภอเมือง (อำเภอที่เราอยู่ ...ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 20 โล) ประกันเราเลยเสนอว่า ให้โทรเข้า call center จะบอกอู่ใกล้ๆ และ ให้อู่หาอะไหล่ให้ น้องก็ยืนยันคำเดิมว่า ไม่มี ต้องไปซ่อมในเมือง.... เรากับประกันก็ฟังๆไปค่ะ
ซักแป๊บค่ะ น้องก็ถามว่า แล้วก็น้ำมันที่ต้อง ขับไปซ่อม และค่าเสียโอกาส ในการใช้รถล่ะ !!
ประกัน ก็เริ่มอึ้งละคะ พี่เค้าก็บอกว่า คุณสามารถ เรียกร้องทุกอย่างจากประกันได้ ถ้าต้องเสียค่า น้ำมัน ค่าเช่ารถ หรืออะไร ก็ เรียกร้องได้
น้องก็ถามว่า ถ้าไม่ได้เช่ารถละ ประกันก็บอกว่า ก็เรียกร้องได้ตามจริงเลย ถ้าไม่ได้เช่า ก็เรียกร้องค่าเสียโอกาส ไป..แต่บอกเลยจากประสบการณ์ แผลแค่นี้ เข้าอู่เช้า เย็นก็ออก แล้ว.. คือ ผมได้ได้พูดเข้าข้างลูกค้าผมนะ พูดไปตามจริง จริงๆ พี่ควรเรียกประกันพี่มาคุย เค้ามีประสบการณ์ และเค้าต้องรักษาผลประโยชน์ให้คุณเต็มที่อยู่แล้ว คุณจะได้ไม่ต้องมาคุยเองแบบนี้ และแนะน้องไปว่าให้โทรเรียกประกัน ..อย่าเพิ่งบอกนะว่าคุณได้ใบเคลมจากผมแล้ว ไม่งั้นเค้าจะไม่มา
น้องเลยโทรหาประกันค่ะ ถามๆๆๆ ...แต่ประกันไม่มา!!!! พี่ประกัน ก็ อ้าว!!! อีกรอบ
มาถึงฉากสุดท้าย จะแยกย้ายกันแล้ว น้องก็ต่อสายหาน้องชาย น้องชายบอกว่า จะซ่อมเอง ไม่อยากยุ่งยาก (คือ ดำเนินเรื่องไปหมดจนได้ใบเคลมแล้วนะคะ) ขอเรียก เป็นค่าน้ำใจแทน ... ประกันก็ออกตัวให้เลย ค่ะ ลูกค้าผม ทำประกันชั้น 1 ดังนั้นคุณจะเรียกร้องอะไร มาเรียกร้อง กับ บริษัท ประกันได้เลย ตัวคุณก็เหมือนกัน ถ้ามีใคร มาเรียกร้อง คุณก็ต้องให้ประกันจัดการ
น้องไม่เอาค่ะ ได้ใบเคลมไปแล้ว แต่น้องขอค่ำน้ำใจค่ะ คือ ตั้งแต่เริ่มเรื่องคือเราคงไร้น้ำใจสินะ
เราก็ถามว่าน้องเอาเท่าไหร่ พี่ก็ไม่เคยเจอเคสแบบนี้ น้องก็บอก แล้วแต่พี่ พัน สองพัน สามพัน ก็ได้ (คือถ้าน้อง บอกที่พัน เราให้นะ แต่แผล แค่นั้น แล้วบอกไต่ไปที่ 3 พันเลย เราอึ้งค่ะ)
มาถึงตอนนี้ เราก็รับสาย และพูดกับน้องเจ้าของรถค่ะ พี่เต็มที่ทุกอย่าง ชนพี่ก็ไม่หนี แผลแค่นี้ พี่เคลมให้ คุณคิดค่าน้ำมัน ค่าเสียเวลา ค่าเช่ารถ พี่ก็โอเค น้ำใจมันวัดไม่ได้ พี่ให้ 500 คุณบอกน้อย ให้ 3000 พี่คงโดนสามีด่า แผลแค่นี้ ให้ไปเท่าซื้ออันใหม่เลย ขอรับผิดชอบเท่านี้นะคะ
พอวางสายน้องผู้ชาย ก็มีอาการเหวี่ยงค่ะ บอกไม่เอาแล้ว เดี๋ยวจัดการเอง ต้องการดูน้ำใจ เราก็บอก คือ ตามใจนะ พี่ก็เต็มที่ให้แล้ว ให้น้องผู้หญิงเก็บใบเคลมไว้ก่อนละกัน เดี๋ยวน้องผู้ชายอารมณ์เย็น ก็เอาไปเคลม (สงสารน้องผู้หญิงเหมือนกันค่ะ คนกลาง ลำบากใจน่าดู)
น้องผู้หญิง ก็เลยขอให้เราไปคุยที่สำนักงานประกัน กับน้อง ตอนเที่ยง เราก็โอเค จะรอ..เพื่อความสบายใจของน้อง
ซักแป๊บน้อง ก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ค่ะ ประกันของเรา พี่เค้าบอกว่าแปลกๆ เนาะ
เราก็เลยบอกว่า...คหสต นะ มารูปนี้ คิดว่าคงเคลมชิ้นนั้นไปแล้ว แต่คงอยากได้ตังค์เฉยๆ พี่ประกันก็บอก เออ คิดเหมือนกัน ขนาดเรายอมขนาดนี้ยังไม่พอ
ซักแป๊บ น้องก็เดินขึ้นมาค่ะ บอกว่า ไม่ไปสำนักงานประกันแล้ว เพราะชิ้นนั้น น้องแจ้งซ่อมไปแล้ว..แป่ววว เดี๋ยวไปซ่อมเอง เดี๋ยวน้องจัดการเอง เดี๋ยวทำเอง ง่ายกว่า ไม่รบกวนละ (ออกแนวประชดค่ะ) ก็มองหน้าประกัน อ้าว เราไม่มีน้ำใจสินะ
คือ ขอความเห็นค่ะ เคสแบบนี้คือ เราควรให้ไหมคะ ควรจัดการยังไง หรือ เราจัดการมาถูกทางแล้ว หรือควรไปซะตั้งแต่แรก
ปล. คำว่าเเผลแค่นี้ คือความรู้สึกเรา แต่ที่มองว่า มันน่าจะแผลเล็ก เพราะพี่ประกันก็บอกเลยวาแผลแค่นี้ ไปเช้า เย็นไปรับได้เลย และพี่เค้าพยายามอย่างมากที่จะได้คุยกับประกันของน้อง เพราะแกน่าจะมองว่า มีประสบการณ์กว่า รู้ว่าเคสแบบนี้ควรจะทำไง เคลมได้เเค่ไหน
ไม่รู้จะแท็กอะไรดีค่ะ แลดูไม่เข้าข่ายอันไหนเลย ขออนุญาต แท็ก ห้องที่เข้าไปดูบ่อยๆ ถ้าผิด แจ้งได้เลยค่ะ
แก้ไขแท็ก และเปลี่ยนจาก สปอยเสอร์ เป็นสเกิ์ต ค่ะ สับสน