ที่พักอาศัยแบบใหม่ของผู้ลี้ภัยสงคราม

กระทู้สนทนา

การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม สถาปัตยกรรม หน้าต่างโลก ประเทศจอร์แดน วิศวกรรมศาสตร์

Bedouism - Remix of a Jordanian Song
A remix by Zafer Younis and a video by Abeer Seikaly

มีผู้คนมากกว่า 40 ล้านคนทั่วโลก
ที่ต้องพลัดถิ่นจากบ้านเกิดเมืองนอน
แล้วต้องลี้ภัยเข้าไปอยู่ในดินแดนที่แปลกแยก
พวกเขาต้องอาศัยอยู่ใต้ผืนผ้าใบ หรือ ภายในเต็นท์
โดยมีคุณภาพชีวิตที่สิ้นหวังสลดหดหู่
เพื่อลดช่องว่างเรื่องความจำเป็นของชีวิตรันทดแบบนี้
สถาปนิกนักออกแบบลูกครึ่งจอร์แดนแคนาดา
Abeer Seikaly จึงเกิดแรงบันดาลใจ
ที่จะการออกแบบที่พักอาศัยแบบใหม่
มีส่วนช่วยให้ผู้ลี้ภัยสร้างชีวิตใหม่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี

view of the tent structures (day)

Abeer Seikaly ตอนนี้อยู่ที่ Amman ประเทศ Jordan
ได้สร้างที่พักอาศัยแบบใหม่ที่มีรูปทรง/โครงสร้างที่ลงตัว
ในการออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ลี้ภัย
มีรากฐานผสมผสานกับที่อยู่อาศัยของบรรพบุรุษเธอใน Jordan
ในอดีตที่เคยเป็นชนเผ่าเร่ร่อนใช้ชีวิตในทะเลทรายมาหลายศตวรรษแล้ว

view of the tent structures (night)

" การเดินทางของผู้คนทั่วโลกนำไปสู่การค้นพบดินแดนใหม่
เช่นเดียวกับการสร้างชุมชนใหม่ขึ้นมาของคนแปลกหน้า
ที่ต่อมากลายเป็นเมือง นครรัฐ และประเทศชาติ
วิธีการที่ผสมผสานขึ้นมาระหว่าง
การค้นหาสถานที่กับการตั้งถิ่นฐาน
การเดินทางและการหยุดพักระหว่างเดินทาง
ล้วนเป็นสาระพื้นฐานของคำว่า การเป็นมนุษย์ "
จากบันทึกย่อของ Abeer Seikaly

studies - cut & scored paper turns into a flexible/strechable pattern

แต่โลกทุกวันนี้ การเดินทาง/อพยพของผู้คน
ไม่ได้เป็นไปด้วยความสมัครใจแต่อย่างใดเลย
ภัยร้ายจากสงครามและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
บังคับให้ผู้คนต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนของตน
หลายคนเป็นคนยากไร้ที่ไม่มีเงินทองติดตัวมาด้วย
ที่พักอาศัยที่ถักทอ/สร้างด้วยน้ำมือของตนเองและพับเก็บได้โดยง่าย
จะช่วยเหลือให้ผู้ลี้ภัย/ผู้อพยพสามารถสร้าง/นำบ้านติดตามตัวไปด้วย

องค์ประกอบโครงสร้างทำด้วยผ้าถักทอ
ที่แยกแยะได้อย่างไม่ชัดเจนมากนัก
ถึงความแตกต่างระหว่างโครงสร้างและผ้าที่ถักทอ
เพราะที่พักอาศัยสามารถเพิ่มเติมขยายพื้นที่ได้
และนำพาเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วตามต้องการ
รวมทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
ที่กลายเป็นความจำเป็นพื้นฐานของโลกยุคปัจจุบัน
ที่จำเป็นต้องมีทั้งน้ำและไฟฟ้าไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน

ผนังภายนอกของที่พักอาศัยจะดูดซับ
พลังงานแสงอาทิตย์แล้วแปลงเป็นกระแสไฟฟ้า DC
โดยการจัดเก็บไว้ในแบบเตอร์รี่สำรองภายในที่พัก
สามารถนำมาใช้งานได้เลยกับเครื่องใช้ไฟฟ้า
หรือไฟฟ้าบางส่วนต้องแปลงกระแสไฟฟ้าจาก DC เป็น AC
ถ้าจำเป็นต้องใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภท

ส่วนด้านบนจะมีลักษณะเป็นกระป๋องจัดเก็บน้ำ
โดยจะทำเป็นถังเก็บน้ำด้านบนของเต็นท์
จะช่วยให้สามารถใช้น้ำได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
ถังน้ำข้างบนจะใช้รองรับน้ำฝนหรือรองรับน้ำค้าง
โดยมีท่อน้ำรองรับน้ำไหลลงไปเก็บไว้
ในถังน้ำที่ฝังอยู่ที่ใต้ผิวดิน
รวมทั้งมีระบบระบายน้ำเพื่อให้แน่ใจว่า
น้ำจากน้ำฝนและน้ำที่จัดเก็บจะไม่ท่วมเต็นท์
ทั้งนี้ยังสามารถติดตั้งระบบทำน้าอุ่นกับน้ำเย็น (Thermosiphoning)

Thermosiphon ที่มาของภาพ http://bit.ly/1claeWh

Thermosyphon circulation in a simple solar water heater

ที่มาของภาพ http://bit.ly/1OmEDRG

สภาพที่อยู่ภายในมีแสงสว่างพอสมควร
เหมาะสมกับการเป็นที่พักอาศัย
ในฤดูร้อนและฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี
แต่เรื่องที่สำคัญอย่างมากที่สุดคือ
ความรู้สึกของการมีที่พักอาศัยที่สร้างด้วยน้ำมือตนเอง
ช่วยให้ผู้ลี้ภัยมีความรู้สึกในใจว่ามีความปลอดภัย
และมีความรู้สึกว่าเหมือนอยู่ที่บ้านของตนเอง

" ผ้าที่มีน้ำหนักเบาและเคลื่อนย้ายได้
โครงสร้างนี้ได้ปิดช่องว่างระหว่าง
ความต้องการและความตั้งใจของผู้คน
ที่มีการเปรียบเทียบกันอย่างมีนัยชีวิต
ของผู้คนที่ต้องระหกระเหิน/อพยพหนีภัย
การถักทอสร้างที่พักอาศัยขึ้นมาใหม่
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นมาในรูปแบบใหม่
ความคุ้นเคยกับสถานที่เป็นเรื่องแปลกใหม่
ที่อยู่อาศัยที่อาจจะเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว
หรือต้องตั้งรกรากที่นี่อีกนานแสนนาน
ความเป็นส่วนตัวและการต้องติดต่อกับคนอื่น

ภายในพื้นที่ภายในที่พักอาศัยแห่งนี้
ผู้ลี้ภัยจะได้สงบจิตสงบใจ
ได้หยุดโลกภายภายนอกจากความปั่นป่วน
ที่ซึ่งจะได้ทักถอความฝันในเรื่องชีวิตใหม่
ที่ซึ่งจะได้ทักถอเป็นที่พักพิงและบ้านใหม่ของพวกเขา "
จากบันทึกย่อของ Abeer Seikaly

Abeer Seikaly ที่มาของภาพ http://www.abeerseikaly.com

แบบบ้านนี้อยู่ระหว่างการทดลองตัดเย็บและพัฒนา
ถ้ามีความคืบหน้าเธอจะแจ้งมาอีกครั้ง

เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/1D6V13Q
http://bit.ly/1ElJ3pg
http://bit.ly/1yfr5n5

สันนิษฐานว่า

การออกแบบบ้านพักผู้ลี้ภัยสงครามของ Abeer Seikaly
ได้แนวคิดออกแบบจากระบบโครงสร้างแบบ diagrid structural system
คือ สามเหลี่ยมด้านเท่า(ที่สมมาตร)ร่วมรับแรงโน้มถ่วง
ที่แต่ละด้านต่างสอดรับสนันสนุนซึ่งกันและกัน

Diagrid เกิดขึ้นจากการรวมกันของคำว่า
เส้นทแยงมุมและเส้นตาราง
ตามโครงสร้างกายภาพที่เห็นกันอยู่ทั่วไป

ประวัติความเป็นมา

ต้นกำเหนิดของโครงสร้างแบบ diagrid structure
ในงานด้านสถาปัตยกรรมต้องย้อนหลังไปถึงผลงานของ
วิศวกรและสถาปนิกชาวรัสเซีย Vladimir Shukhov (1853-1939)
เป็นผู้บุกเบิกโครงสร้างนี้พร้อมกับหลักการคำนวณทางคณิตศาสตร์
ที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบโครงสร้างนี้เป็นการปฏิวัติทรงไฮเพอร์โบลา
hyperboloids of revolution

ผลงานของ Vladimir Shukhov

The World First Membrane roof and steel tensile gridshell in the Shukhov Rotunda, Nizhny Novgorod, 1895

The world's first diagrid hyperboloid structure by Shukhov, Nizhny Novgorod, 1896

The world's first double curvature steel diagrid by Shukhov (during construction), Vyksa near Nizhny Novgorod, 1897.

The two 128-meter towers in 1988, shortly before the power line was decommissioned a year later.

ที่มาของภาพด้านบน http://goo.gl/Z5rHty

ส่วนอีกท่านหนึ่งคือ Buckminster Fuller

Geodesic Dome, Buckminster Fuller

The Montreal Biosphère by Buckminster Fuller, 1967

A geodesic sphere

ที่มาของภาพด้านบน http://goo.gl/Xmt28m

โครงสร้างแบบนี้จะมีน้ำหนักเบาประหยัดต้นทุนการก่อสร้าง
เพราะไม่ต้องมีการใช้วัสดุประเภทเหล็กและคอนกรีตจำนวนมาก
ทำให้มีพื้นที่ว่างตรงกลางมาก เพราะไม่มีเสากลางเกะกะพื้นที่
มีการใช้งานกันมากในอาคารขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน สนามกีฬา
ที่ต้องการให้มีพื้นที่ว่างตรงกลางมากที่สุด/พื้นที่สาธารณะ
รวมทั้งทำให้ไม่มีทัศนอุจาด (มลภาวะทางสายตาคนชม)
ล่าสุดก็คือ อาคารรังนกที่สนามกีฬาโอลิมปิคปักกิ่ง