มองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้ เมื่อภูติผีสสารมืดอาจกำลังรายล้อมเราอยู่ !

.
ก่อนที่เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ 'สิ่งมีชีวิตมืด' กันเราต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเราทุกคนล้วนถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางแสงสว่างจากดาวฤกษ์ ที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสสารในร่างกายของเราได้ เราจึงสามารถมองเห็นกันและกัน สามารถเห็นสิ่งของต่าง ๆ บนโลก ไปจนถึงเห็นดวงดาวที่อยู่ห่างออกไปจากกาแล็กซี่ทางช้างเผือกหลายล้านปีแสงได้ แต่ทว่าในนี่ก็เป็นเพียงแค่เลเยอร์หนึ่งที่เรา 'รับรู้ได้' เท่านั้น
.
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ได้เสนอสมมติฐานขึ้นมาว่าในจักรวาลของเราอาจมีสสารที่เรามองไม่เห็นอยู่ เพราะมันไม่ทำปฏิกริยาใด ๆ กับอนุภาคของแสงเลย แต่ยังคงมีแรงโน้มถ่วงอยู่เหมือนสสารปกติ ซึ่งสสารประหลาดนี้อาจช่วยพยุงโครงสร้างของกาแล็กซี่จำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวาลอยู่อย่างลับ ๆ ไม่ให้โครงสร้างกาแล็กซี่พังทลายลง
.
นักวิทย์จึงเรียกสสารประหลาดนี้ 'สสารมืด' จากการที่มันไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่ดูดซับ ไม่สะท้อน และไม่แผ่รังสีใด ๆ เลย โดยมีการคาดการณ์ว่ามวลรวมของสสารมืดทั้งหมดในจักรวาลอาจมีมากกว่าสสารธรรมดา (Baryonic Matter) ได้ถึง 5 เท่า
.
ทว่าในปัจจุบันในวงการวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่มีฉันทามติว่าจริง ๆ แล้วสสารมืดเป็นสสารใหม่อย่างสิ้นเชิงเลยไหม หรืออาจเป็นได้ทั้งสสารธรรมดาเหมือนร่างกายของเรา เพียงแค่ว่ามันอยู่ห่างไกลเกินไป ทำให้เราตรวจจับได้ยากจากข้อจำกัดของเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน หรืออาจเป็นอย่างอื่นอย่างสิ้นเชิงที่เรายังไม่เข้าใจจริง ๆ ก็ได้
.
สสารประหลาดนี้ก็เลยอาจรายล้อมเราอยู่ตลอดเหมือนกับภูติผีได้เช่นกัน ทำให้มีข้อสันนิษฐานว่าสสารมืดอาจมีการก่อโครงสร้างที่ซับซ้อนของมันเองด้วยแรงโน้มถ่วง หรือแม้กระทั่งแรงพื้นฐานในเวอร์ชันของตัวเอง (Shadow Physics) เช่น แรงแม่เหล็กไฟฟ้าที่แยกจากเราโดยสิ้นเชิง โดยมีตัวกลางเป็นโฟตอนมืด (Dark Photon) แทนที่จะเป็นโฟตอนจากแสงธรรมดาที่เรารู้จัก
.
ความเป็นไปได้ของความซับซ้อนนี้นำไปสู่ไอเดียของ ดาวฤกษ์มืด ดาวเคราะห์มืด ดาราจักรมืด หรือโครงสร้างอะไรก็ตามในเวอร์ชันที่เรายังไม่รู้จัก ซึ่งกำลังมีการศึกษาอย่างจริงจังผ่านกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์ เพราะช่วงหลัง ๆ ที่ผ่านมากล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เวบบ์ สามารถถ่ายภาพของวัตถุต้องสงสัยที่อาจจะมาจากสสารมืดได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ ดาวฤกษ์มืด ที่อาจมีมวลมากพอที่จะทำให้แก๊สที่เป็นสสารธรรมดารอบ ๆ ตัวดาวเกิดความร้อนและเรืองแสงในช่วงคลื่นที่เราสังเกตได้ออกมา
.
แนวคิดเรื่องสสารมืดนี้จึงเอื้อให้มีความเป็นได้ว่า สสารมืดอาจให้กำเนิดชีวิตเช่นเดียวเฉกเช่นเดียวกับสสารธรรมดาบนโลก สิ่งมีชีวิตมืด (Dark Life) ที่เกิดจากเคมีมืด (Dark Chemistry) ที่อาศัยในโลกแห่งเงาที่ทับซ้อนกับเราตลอดเวลานั้นก็อาจจะมีกระจัดกระจายอยู่ในจักรวาล หรืออาจกำลังแหวกว่ายผ่านตัวผู้อ่านอยู่ ณ ตอนนี้เลยก็เป็นได้
.
มนุษย์เรากำลังสรรหาวิธีที่จะมองหาหรือมีปฏิสัมพันธ์กับสรรพสิ่งในแดนลับแลนี้ ถ้าหากว่าโฟตอนมืดมีอยู่จริง มันก็อาจจะสามารถมีการจับคู่พลังงานจลน์ (Kinetic Mixing) กับโฟตอนปกติได้ นำมาสู่การตรวจหาปฏิสัมพันธ์ผ่านการทดลองต่าง ๆ ในปัจจุบัน เช่น XENONnt, SuperCDMS, DarkSide, DAMIC เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือและเทคนิคใหม่ ๆ นี้ก็กำลังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
.
โดยที่ในอนาคตไกล เราอาจจะได้สร้างสสารตัวกลางที่สามารถกระตุ้นการจับคู่ระหว่างโฟตอนกับโฟตอนมืดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงให้โฟตอนมืดบางส่วนกลายเป็นโฟตอนปกติเพื่อประมวลผลต่อไปได้ ราวกับเป็นการทำพิธีเห็นผีผ่านกระจกเงา
.
และแม้เราจะยังไม่สามารถพิสูจน์การมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตสสารมืดได้จริง ๆ แต่เราก็พอมีตัวอย่างเผ่าพันธ์ุสิ่งมีชีวิตสสารมืดจากนวนิยายไซไฟอยู่ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า 'โฟติโนเบิร์ด' (Photino Birds) เอเลี่ยนภัยจักรวาลสุดแปลกจากนิยาย Xeelee Sequence ของสตีเฟน แบกซ์เตอร์ ที่ไม่ได้ประกอบขึ้นจากสสารปกติ (Baryonic matter) หากแต่ประกอบจากโฟติโน(photinos) อนุภาคที่เป็นคู่สมมาตรยิ่งยวดกับโฟตอน
.
ตัวตนของฟติโนเบิร์ดและสภาพแวดล้อมที่พวกมันอยู่แทบจะไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสสารปกติได้เลย ยกเว้นผ่านทางแรงโน้มถ่วงเพียงอย่างเดียว โฟติโนเบิร์ดขยายพันธ์ุจนมีอยู่มากมายในจักรวาล โดยเฉพาะในบริเวณ 'Halo' โครงสร้างบาง ๆ ที่หุ้มล้อมแต่ละแกแลคซีไว้อยู่ อันเป็นโครงสร้างลึกลับที่มนุษย์ตรวจจับได้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไรกันแน่
.
โฟติโนเบิร์ดต้องการความแตกต่างของแรงโน้มถ่วงที่เหมาะสมเพื่อพลังงาน พวกมันมักจะเข้าไป 'กิน' อยู่ในดาวฤกษ์ ซึ่งถือเป็นบ่ออาหารของพวกมัน ผ่านการทำปฏิกิริยาอ่อนๆกับสสารปกติที่หนาแน่นมากๆ ณ ใจกลางดวงดาวจนเกิดการเสียพลังงานเล็กน้อยเพื่อขับเคลื่อนสารเคมีมืดในตัวพวกมันเอง
.
พฤติกรรมนี้จึงทำให้ดาวฤกษ์มากมายในจักรวาลเริ่มเย็นตัวลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ในจักรวาลของนิยาย  Xeelee Sequence เป็นระยะเวลาหลายพันล้านปี จนทำให้จักรวาลเกิด Heat Death ก่อนวัยอันควร ด้วยเหตุนี้ เผ่าพันธ์ุเอเลี่ยนอื่น ๆ ที่ประกอบด้วยสสารปกติจึงหาทางต่อกรกับโฟติโนเบิร์ดที่หากินแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่จนสร้างมหันตภัยระดับจักรวาล เป็นสงครามต่อสู้กับภูติผียาวนานนับหมื่นล้านปี
.
นี่อาจเป็นตัวอย่างที่น่ากลัว แต่ก็น่าสนใจมากเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตสสารมืดที่เรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันได้เลย
.
บางทีการติดต่อมองหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกนั้นอาจไม่ใช่แค่การดูผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แต่อาจเป็นแรงโน้มถ่วง และปฏิสัมพันธ์ประหลาดระหว่างสสารที่คาดไม่ถึง ในจักรวาล อวกาศและเวลาที่เราดำรงอยู่นี้เองอาจเป็นที่ที่รองรับสรรพสิ่งมากมายที่เราไม่เคยจะได้เห็น
.
ทุก ๆ ครั้งที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทุก ๆ ครั้งที่ดาวนิวตรอนชนกัน หรือทุก ๆ ครั้งที่แกแล็คซีกลายรูป ก็เป็นการสร้างความผิดปกติทางแรงโน้มถ่วงอ่อน ๆ ให้เอเลี่ยนมืดสงสัยเล่น ๆ ในขณะที่กิจกรรมของสสารมืดสร้างแรงกระเพื่อมลึกลับให้เราฉงนในจักรวาลสุดพิศดารนี้เช่นกัน พวกเราอาจเป็นสสารมืดของกันและกัน หรือเป็นไปได้ว่าอาจมีมากกว่าสองรูปแบบ อาจมีสาม สี่ ห้า หรือมากกว่านั้น ไม่มีใครทราบได้ และคงจะเป็นความลับไปอีกนานแสนนาน

.
Original by Techodom Boonyasoma, The Space Times

#TheSpaceTimes #อวกาศสำหรับทุกคน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่