ม็อกค่าปาท่องโก๋ : รางวัลปาท่องโก๋ทองคำ 2557 {รางวัลที่ปกติไม่มีแจก by Mr. Coffee}

สวัสดีครับ

      ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ

เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1182 ประจำวันที่ 23 มกราคม 2558



     ผ่านไปอีกหนึ่งปีสำหรับพลพรรคหนังไทย ซึ่งหลายฝ่ายดูจะมองว่าหนังไทยโดยรวมดูจะแย่กว่าปีก่อน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีเรื่องราวของหนังไทยมากมายที่น่านำมาให้รางวัล “ปาท่องโก๋ทองคำ” ที่เช่นเคยก็คือ เขียนถึงเฉยๆ ไม่มีมีปาท่องโก๋ชุบทองแจกให้แต่ประการใด
เหตุผลก็คือ แม้ราคาทองจะลง แต่ค่าเรื่องยังไม่ขึ้น (ฮา)

หนังสารคดียอดเยี่ยม

     หนังไทยในปีหนึ่งๆ มีหนังประเภทสารคดีจำนวนไม่มากนัก แต่ในปี 2557 ที่ผ่านมานั้นน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งว่าเรามีหนังสารคดี ที่ยอดเยี่ยมอย่าง “The Master” ซึ่งกำกับโดย “เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” ที่ว่าด้วยเรื่องของ “ร้านพี่แว่น” ร้านขายวิดีโอลึกลับ ที่ใช้การสัมภาษณ์คนในวงการหนังไทยมากหน้าหลายตา ทั้งนักวิจารณ์หนัง ผู้กำกับชื่อดัง และบุคคลที่เคยเกี่ยวข้อง ซึ่งน่าสนใจที่ “เต๋อ” สามารถควบคุมการสัมภาษณ์และตัดต่อได้อย่างลงตัวสุดๆ ทำให้สารคดีแนวสอบสวนนี้น่าสนใจมาก แถมทิ่มแทงประเด็นสำคัญอย่างเรื่องลิขสิทธิ์ใส่สังคมได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่ดูแล้วได้ความรู้หรือดูเอามันเพียงอย่างเดียว จึงเป็นหนังไทยเรื่องเดียวที่ผมให้คะแนนเต็ม 10 ในปีที่ผ่านมา สมควรแก่การเป็นหนังสารคดียอดเยี่ยมแห่งปี 2557 ทุกประการ

หนังอะรูมิไร้

      ที่จริงผมไม่คิดว่าจะมีหนังอะไรที่จะได้รางวัลนี้อีกนะครับ แต่ปีนี้ก็มีอีกจนได้ นั่นก็คือ “มันเปลี่ยวมาก” จากทางค่าย m๓๙ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า ค่ายหนังคิดพิจารณาอย่างไร ถึงปล่อยหนังที่หน้าหนัง เป็นหนังตลกฝืดมากๆ ที่ดูไม่มีอะไรสมเหตุสมผลในเชิงหนังเอาเสียเลยออกมา แต่ถ้าจับประเด็นที่หนังต้องการสื่อได้ หนังเรื่องนี้กลับสื่อสารในเชิงความหมายไปอีกทิศทางหนึ่งนั่นคือหนังจิกกัด “การเมือง” อย่างถึงพริกถึงขิง แต่ถึงกระนั้น การนำเสนอหนังแบบนี้ในตลาด Mass ถ้าไม่กล้าก็บ้าล่ะครับ และผมกลับคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวทดลอง และเหมาะที่จะไปฉายที่เครือ APEX หรือที่ House RCA มากกว่า จึงขอยกให้เป็นหนังอะรูมิไร้ (อะไรไม่รู้-ฮา)

หนังตายแล้วฟื้นแห่งปี

     แน่นอน รางวัลนี้ยอมตกเป็นของหนังที่ดูยังไงก็ตายคาโรงแน่ๆ “ตุ๊กแกรักแป้งมาก” กับรายได้ 7 แสนบาทในวันแรก ที่คาดเดาได้เลยว่า จนหนังหมดโปรแกรมก็ไม่น่าทำรายได้พ้นหลัก 10 ล้านบาทไปได้ แต่ด้วยกระแสปากต่อปาก แรงเชียร์อย่างหนักจาก Social Network ทำให้หนังฟื้นขึ้นมาในสัปดาห์ที่สอง และทำรายได้ติดอันดับหนึ่งในสิบของหนังไทยทำเงินปีนี้ด้วยรายได้ 21.54 ล้านบาทเมื่อจบโปรแกรมฉาย

หนังหักมุมแห่งปี

     ไม่มีทางที่หนังเรื่องนี้จะไม่ได้รางวัลนี้ครับ สำหรับ “O.T. ผี OVERTIME” หนังที่สร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการหนังผีหักมุมได้อย่างลงตัว การดูหนังเรื่องนี้เหมือนการเตรียมตัวเข้าไปสู้รบกับผู้กำกับที่หักมุมหนังไปมา
หลอกลวงเราไปเรื่อยๆ หลอกให้คนดูหลงทางไปกับกับดักที่ผู้กำกับวางไว้ และผลลัพธ์นั้น คนดูก็ออกมา “ฟิน” กับการโดนหักมุมกันไป

ผู้กำกับขวัญใจนายทุน

     ปีนี้ผู้กำกับขวัญใจนายทุน ก็ยังสังกัดค่าย GTH เช่นเคย ด้วยผลงาน “ไอฟาย...แต๊งกิ้ว...เลิฟยู้” นั่นคือ "เมษ ธราธร" โดยหนังเรื่องนี้ทำรายได้ถล่มทลายที่สุดในปี 2557 และแซงแชมป์รายได้อันดับ 2 ของหนังไทยตลอดกาลเจ้าเก่า “สุริโยทัย” ไปเรียบร้อยแล้ว (รายได้จนถึง ณ วันที่ 11 มกราคม 2558 เท่ากับ 324.86 ล้านบาท และยังไม่หมดโปรแกรมฉาย)

ผู้กำกับยอดขยัน

     รางวัลนี้ยกให้ “พจน์ อานนท์” (ชื่อใหม่ “พชร์ ภเสฐ”) ผู้กำกับ “ตายโหงตายเหี้ยน ตอน ผี ในช่องแอร์” “ม.6/5 ปากกล้าท้าแม่นาก” “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” และ “สตรีเหล็ก ตบโลกแตก” ที่กำกับหนังปีเดียวถึงสี่เรื่องครับ (ยังไม่รวมหนังสั้น 11 มว. "How to kill your cat" ที่ฉายในงาน CAT EXPO ด้วยนะครับ) แต่การมีหนังเข้าปีเดียวสี่ส้าห้าเรื่อง ดูจะยังไม่เจ๋งพอในสายตาของพี่เขา เพราะข่าวว่าปีหน้า “อาพจน์” จะนำเหนอหนังไทยทั้งหมดห้าเรื่องครับ ไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไร

แผนการตลาดยอดเยี่ยมแห่งปี

     รางวัลนี้เป็นของ “ผู้บ่าวไทยบ้าน อีสานอินดี้” ผู้ใช้กลยุทธ์ ป่าล้อมเมือง นำหนังเข้าฉายในโรงหนังทางภาคอีสานก่อน และประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปากให้คนดูรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งและมีส่วนร่วมกับหนัง ผลที่ได้นั้นยิ่งใหญ่นักครับ เหยียบหน้าค่ายโรงหนังขนาดใหญ่ที่ไม่เชื่อว่าหนังจะทำเงินได้ ตัวหนังมีความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นเต็มเปี่ยม ซึ่งทำให้คนดูหวนคิดถึงวันเก่าบ้านเกิด เรียกสำนึกรักบ้านเกิดได้เป็นอย่างดี ขอคารวะผู้ที่ทำหนังเรื่องนี้และไม่ยอมแพ้ต่อระบบการผู้ขาดการเข้าฉายหนังของเมืองไทยครับ

CG ยอดเยี่ยม

     รางวัลนี้ขอมอบให้ “สมิง” หนังไทยผู้ซึ่งมีความกล้าในการทำ CG ของเสือ ซึ่งเป็น CG ที่ยากที่สุดประเภทหนึ่งเนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีอยู่จริง และเคยมีหนังอย่าง “Life of Pi” ทำ CG ไว้ในระดับสุดยอด แต่ “สมิง” ในแง่ CG นั้นถือว่าเป็น CG ที่ดูที่สุดในหนังไทยเรื่องหนึ่งที่เคยมีมาและอาจทุ่มเททุกอย่างไปกับ CG จนแทบไม่เหลือไว้พลังไว้ให้กับการกำกับ การแสดง และบท ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายพอสมควร

ฉากหัวเราะตายแห่งปี

     ในปีนี้มีหนังตลกหลากหลายเรื่องมากครับ แต่ฉากที่ผมหัวเราะมากที่สุดปีนี้กลับมาจากหนังผีอย่าง “The Eyes Diary คนเห็นผี” ที่ช่วงท้ายๆ ของหนังมีฉากที่บิ๊ลด์คนดูจนขนลุกขนพองด้วยเสียงและภาพ แต่ตวัดจังหวะเฉียบพลันดึงมาเป็นตลกแบบสุดทาง ผลจากการที่คนดูไม่ได้คาดเดาไว้ว่าจะขำนั้น ทำให้หัวเราะกันเละเทะ

หนังภาคต่อ ต่อ ต่อ ไปเรื่อยๆ

      จะเป็นหนังเรื่องไหนไปไม่ได้เลยนอกจาก “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี” ที่มาจนถึงวันนี้ก็กลายเป็น ภาคที่ 5 แล้ว แถมยังไม่จบลงเสียอีก เพราะมีการประกาศว่าจะมีหนังภาคจบ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสา” หรือ “นเรศวร 6” กำหนดเข้าฉายวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 นี้อีกต่างหาก ว่ากันว่า นี่ (อาจจะ) เป็นภาคอวสาน ซึ่งคนดูก็น่าจะไม่ลุ้นแล้วว่าว่าหนังจะจบลงหรือยัง?

สุดยอดนักแสดงน่าประทับใจแห่งปี

     ปกติรางวัลประเภทนักแสดงจะแบ่งเป็นทั้งชาย หญิง แสดงนำ สมทบ ดาวรุ่ง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ปีนี้เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าผมสามารถเลือกนักแสดงเพียงหนึ่งเดียวที่น่าประทับใจมากกว่านักแสดงคนอื่นๆทั้งหมดในปีนี้ได้ นั้นก็คือ “น้องยูเค” ด.ญ. ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล นักแสดงนำจาก "The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ" ที่ทำให้ผมแทบลืมนักแสดงเด็กทุกคนที่เคยดูมา การแสดงของน้องยูเคที่เล่นเป็นน้อง ป.ปลา อายุ 7ขวบ (ในขณะที่จริงๆ แล้วน้องยูเค อายุแค่ 6 ขวบ) เป็นธรรมชาติในระดับที่ไม่สามารถจับได้ว่าน้องเขาแสดง ไม่ว่าจะเป็นฉากตลก การพูด ดราม่า ร้องไห้ ซีนอารมณ์ น้องยูเคทำได้ยอดเยี่ยมสุดๆ เหมือนว่าน้องยูเคไม่เคยเห็นหรือเคยดูทีวีละครไทยอะไรมาก่อนเลยเพราะมันพอดีไปหมด ผมเชียร์สุดตัวให้น้องยูเคมีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิง ในทุกสถาบันครับ

ฉากตลกที่อยากตัดทิ้งแห่งปี

     อันนี้ไม่ใช่รางวัลที่ใครจะอยากได้หรอกครับ แต่มันแปลกเกินไปที่มีหนังไทยสองเรื่องทำในสิ่งเดียวกันคือทำหนังได้ออกมาดีและน่าประทับใจมากๆ แต่ยัดมุกตลกที่ สกปรก โสโครก หรือเสื่อมทราม มาใส่ในหนัง ยอมรับว่าไม่รู้ว่าจริงๆว่า ผู้กำกับและทีมางานหนังทั้งสองเรื่องนี้คิดอะไรกันอยู่ ฉากดังกล่าวคือฉากดึงกางเกงใน และจรวดปะทัดระเบิดใน “ไอฟาย...แต๊งกิ้ว...เลิฟยู้” กับฉากโชว์ไข่ ใน "The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ"
ฉากกางเกงในนั่นโสโครกมากครับ ถ้าภายหนังฉายเป็น DVD แล้วเปิดดูตอนกินข้าวกันจะรู้สึกอย่างไร ส่วนฉากจรวดปะทัดระเบิดนั่นบ้ามากครับ ถ้ามีเด็กๆไปทำตามจะอันตรายแค่ไหน ในกองถ่ายได้ยินว่าขนาดเอาก้นปลอมมาปิดไว้ สะเด็ดไปยังทำให้ร้อนได้เลย ส่วนโชว์ไข่นั่น ไม่สมควรทุกกรณีที่จะเอามาโชว์ในจอหนังทุกกรณี รอบเดียวก็ว่าแย่ยังมาหลายรอบ อยากวิงวอนและขอร้องว่า อย่าทำลายหนังดีๆของพวกคุณเองด้วยการยัดฉากตลกแบบนี้มาเพื่อหวังขายมุกตลกเลยครับ ขอร้อง!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่