หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เรื่องเล่าจากคนบาป
กระทู้สนทนา
โรงเรียน
เพื่อนวัยเรียน
ปัญหาชีวิต
ชีวิตวัยรุ่น
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันธิปทุกคนค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของดิฉันหวังว่าจะไม่ทำให้เพื่อนๆงงนะคะ วันนี้มีเรื่องเล่าและประสบการณ์ชีวิตที่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงมาเล่าให้ฟังค่ะ เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและเจอกันในสังคมทุกวันนี้จนมาประสบพบเจอกับชีวิตของตัวเองเลยค่ะ เริ่มเรื่องกันเลยนะคะ จะได้ไม่เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้
เรื่องทั้งหมด เริ่มต้นขึ้นในวันที่16มีนาคม2558ดิฉันเอ(ชื่อสมมุติ)และเพื่อนของดิฉันบี(สมมุติ) เราสองคนเรียนอยู่ในโรงเรียนสหของรัฐบาลเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชื่อดังแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน เราท้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมากเรียนมาด้วยกันสามปี และปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เราจะจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พูดง่ายๆคือ เราทั้งคู่อายุ15ยังเป็นเยาวชนและกำลังจะจบการศึกษาชั้นม.3ปีนี้ ในวันที่16นั้นโดยเวลาประมาณ15.30น. เป็นเวลาที่เรานั้นได้นัดเจอกันอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่ง เรานัดเจอกันตามปรกติตามประสาวัยรุ่นทั่วไปที่ปิดเทอมแล้วจะมาพักผ่อนหย่อนกายบ้าง เรานัดเจอกันโดยมีจุดประสงค์มุ่งหมายหลักคือการดูหนัง แต่สิ่งที่เราทั้งคู่กำลังคิดอยู่ในขณะนั้นได้เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอาทิตย์นี้ไปในทางที่เลวร้ายมากๆไปในทางที่เด็กและเยาวชนทั่วไปคิดไม่ได้เเละไม่มีวันทำเลย นั่นคือการขโมยของในร้านค้าแห่งหนึ่งภายในห้างนั้น ซึ่งตอนแรกเราทั้งคู่ก็กล้าๆกลัวๆหวั่นอยู่บ้างแต่ จากที่เราได้ยินจากเพื่อนอีกคนหนึ่งจากปากต่อปากอีกคน ทำให้เรามั่นใจได้ว่า วันนั้นมันจะผ่านไปได้สวยหรูแบบที่คิดไวเราเดินเข้าไปในร้านแห่งนั้นกันสองคนซึ่งภายในร้านเต็มไปด้วยลูกค้าและพนักงานร้านจำนวนหนึ่ง ในร้านที่เราเดินเข้าไปคือร้านขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามค่ะ อาทิเช่น ยา อาหารเสริมบำรุง ครีม และอื่นๆอีกมากมาย ร้านนั้นเป็นไม่ใช่ร้านเล็กๆธรรมดาย่อยๆทั่วไปนะคะ เป็นร้านที่มีบริษัทรองรับเหมือนร้านวัตสันเลยค่ะ เราเดินเข้าไปสองคนพร้อมกระเปาสะพายข้างที่ง่ายต่อการละลาบละล้วง เอแต่งชุดธรรมดาค่ะ แต่บีแต่งไปในชุดยูนิฟอร์มพละของโรงเรียน เราเดินเข้าไปตอนแรกเราเลือกในของที่ตนเองอยากได้มากที่สุดก่อนค่ะคนละชิ้น คนละชิ้น เราจะหยิบภายในลักษณะที่พนักงานไม่สนใจหรือไม่มีลูกค้าอื่นๆเห็น จากคนละชิ้นสองชิ้น เริ่มหยิบเยอะขึ้นเป็นคนละหลายๆชิ้นรวมทั้งหมดเป็น16ชิ้นเเละเราก็เดินออกจากร้าเงียบๆ ถามว่าตอนนั้นกลัวไหม ตอบเลยว่ากลัวมากค่ะ กลัวพ่อแม่รู้เเล้วจะเสียใจ กลัวในบาป กลัวในความคิดของตัวเอง แต่สิ่งที่คิดได้ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้วค่ะ เราขับรถมอ'ไซค์ออกจากห้างกันสองคนตรงไปที่บ้านของบีที่อยู่ไม่ไกลห้างนักเพื่อดูของว่าเราเอาอะไรมาบ้าง จากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านค่ะ วันที่16ผ่านไป 17ผ่านไปอีกวัน จนเรื่องมาถึงวันที่18ค่ะ วันนั้นเอในตอนเช้าต้องมาโรงเรียนเพื่อที่จะมารายงานตัวเพื่อเรียนต่อในมอสี่โรงเรียนเดิมค่ะ ช่วงเช้าก็ผ่านไปได้ปรกติดี จนถึงเวลาประมาณเที่ยงๆของวันที่18มีโทรศัพท์โทรมาจากบีบอกว่าให้เราทั้งคู่รีบไปโรงเรียนด่วน เกรดของเรามีปัญหา วันนั้นเป็นวันที่พ่อเอไม่อยู่เอจึงบอกว่าวันพรุ่งนี้ได้ไหม จนอาจารย์ได้มาคุยเอง เราก็เออ ออ ตามอาจารย์ไป ในตอนนั้นยังคิดถึงแค่ว่าเกรดของเรามีปัญหา เราจึงจะเข้าไปพรุ่งนี้ดีกว่าคงไม่เป็นไรหรอก จนเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสามโมง ตอนนั้นบีโทรมากบอกเราเสียงสั่นๆว่า
"ให้รีบมาโรงเรียน รีบๆมานะ แล้ววางสายไป แล้วโทรมาอีกทีด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า จำร้านที่เราไปขโมยได้ไหม ตอนนี้เขาจับได้แล้วนะ กูอยู่คนเดียว พ่อแม่กูไป ตจว. วันนี้เย็นค่อยกลับ รีบๆมานะ อย่าทิงกูอยู่คนเดียว อาจารย์เค้าไม่ให้บอก กลัวจะไม่ยอมรับแต่ตอนนี้มันไม่มีคน กูเลยรีบโทรบอก รีบๆออกมานะ อย่าทิ้งกู ตึ๊ดดดดดด~~~~"
ปลายสายวางไป เราเข่าอ่อนคิดอะไรไม่ถูกเลยในตอนนั้น กลัวพ่อเเม่เสียใจ เราไม่อยากทำให้เขาเสยใจ เราทำไม่ดีต่อเขามามากเเล้ว แล้วเขายังจะมาเจอเรื่องนี้อีกหรอ
ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกแล้วค่ะ เราโทรหาพ่ออย่างเดียว ให้รีบกลับบ้าน รีบกลับมามีเรื่องจะบอก ส่วนเราที่อยู่บ้านเราอยู่กับแม่ค่ะ แม่พยายามจะถามว่า มันเกิดเรื่องอะไร มีอะไรก็พดให้ฟัง ตอนนั้นเรายังไม่กล้าบอกแม่ค่ะ เราคิดว่าถ้าพ่อมา เราจะบอกพ่อตอนขับรถไป รร. ก่อน แล้วค่อยให้พ่อมาบอกแม่ พ่อเรามาถึงบ้านในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เราที่ยังใส่ชุด นร. อยู่รีบขึ้นรถแลเวไปกับพ่อเพื่อไปรับบาปที่ก่อไว้แม่ของเราไม่ไปด้วยค่ะ เพราะตอนนั้นยังคิดว่ามันคือเรื่องเกรดอยู่ พอพ่อขับมาถึงเกือบครึ่งทาง เราที่ยังคุยไลน์กับบีอยู่ก็เงียบไว้ค่ะ เปิดแค่ให้มันเป็นโทรออกกับบีเฉยๆ ให้เขารู้ว่าเราคุยกับพ่อยังไง เร่มแรกเราก็ลดเสียงวิทยุลงค่ะ เเล้วบอกกับพ่อว่า
"พ่อ ที่ไปนี้ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเกรดนะ มันเกี่ยวกับเรื่องอื่น พ่อเราก็เลยถามกลับว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไรละ เราเลยตอบว่า เรื่อง เอ่ออ เราไปเอาของที่ห้างแห่งหนึ่งมา"
ตอนนั้น เราไม่กล้ามองหน้าพ่อเลยค่ะปากเราสั่น น้ำตาเราก็ไหลไม่หยุดเลยค่ะ คือตอนนั้นไม่มีใครพูดอะไรเลย มีแต่เสียงเราร้องให้อย่างเดียว จนพ่อพูดคำว่า "ไปทำอย่างนั้นทำไม"
คือ ตอนนั้นเราจับใจความได้แค่นี่เพราะเราร้องไห้หนักมาก ปรกติเราไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นมาก่อน ไม่เคยร้องไห้กับเรื่องความรัก แฟน หรืออะไรต่างๆ จนมาถึงตอนนี้เราร้องไห้หนักมาก ทั้งสงสารพ่อแม่ที่เขามีลูกแบบเรา เราอยากพูดว่าเราเสียใจมากตอนนั้น เราไม่น่าทำแบบนั้นดลยตั้งแต่แรก แต่พอมาคิดได้ตอนนั้น มันก็สายเกินแก้ไปแล้ว เราได้ทำบาปครั้งยิ่งใหญ่ไว้แล้ว ก่อนมาถึงโรงเรียนเราเช็ดนำตาของตัวเองออก ปั้นหน้ายิ้มยอมรับกับความจริง ยอมรับในสิ่งที่มันกำลังจะเกิด และเราก็เตือนตนเองว่าทำผิด ยอมรับผิด ขอโทษครู ขอโทษพ่อแม่ ขอขมาพ่อแม่ซะถ้ามันจบเรื่องนี้แล้ว เราเดินขึ้นไผในตึกนั้นเราไม่เจอบี เพราะบีบอกว่าเขาเอาบีไปกักตัวไว้ในอีกห้องนึง เราเดินเข้าไปข้างในห้องนั้นพร้อมกับพ่อ ก่อนที่อาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองจะเดินตามเขเามาคนเดียว ภายในห้องรู้สึกอดอัดแปลกๆ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง อาจารย์เริ่มถามเราว่า เป็นไงบ้างสบายดีไหม การเรียนเป็นไง เรื่องแถวเป็นไง มีเรื่องอะไรจะบอกคุณพ่อไหม ตอนนั้นเราก็ยังเปิดคอลหาบีอยู่นะคะ ให้เขามารับฟังด้วยกัน เราไม่อยากทิ้งให้ใครคนหนึ่งหนักใจอยู่คนเดียว อยากใหมารู้ดวยกันหมด
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะคิดว่าเราสองคนนั้นเลวมาก เราก็จะไม่ปฏิเสธอะไร เราจะยอมรับทุกๆอย่าง ทุกๆคำด่าค่ะ ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้วแบตก็จะหมด(พิมในโทรศัพท์) เดียวเราจะมาต่ออีกทีพรุ่งนี้นะคะ ฝันดีทุกคนค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ขโมยของเพื่อน??
คือเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่เเล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ชั้นม.6 ต้องซ้อมเต้น เพื่อพิธีเปิด-ปิดงานกรีฑาคณะของโรงเรียน มีเพื่อนคนหนึ่ง ขอให้นามสมมุติเป็น "เอ" ล่ะ กัน วางกระเป๋าสตางค์
สมาชิกหมายเลข 1885029
เพื่อนที่ดี(จริงเหรอ)
สวัสดีค่ะนี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอแทนตัวเองว่า เรา นะคะ เริ่มเรื่องเลยดีกว่า ช่วงเข้าม.1 มาใหม่ๆ เรามีเพื่อนในห้อ
สมาชิกหมายเลข 4204669
กล่องอเนกประสงค์แบบมีล้อเลื่อน เกรดเอ ซื้อที่ไหนดีครับ
เดินห้างเจอแต่กล่องล้อเลื่อน เกรด บี ส่วนเกรด เอ ก็ราคาแพงมาก มีอยู่ไม่กี่สี ถ้าต้องการกล่องล้อเลื่อนเกรด เอ (นอกห้าง) จะไปซื้อที่ไหนดีครับ แบบที่สวยๆ และราคาไม่แพงมาก อยากได้ความจุประมาณ 100 ลิตร ข
สมาชิกหมายเลข 2396533
การที่เรา รู้สึกอยากจะ ทำงานกับสักที่หนึ่ง ถึงมันจะ 1ใน 100 เราก็ยอม มันเป็นเเบบนี้เอง
เราเเค่รู้สึก การที่เราจะเขียนเรื่องๆหนึ่งลง กระทู้ มันทำให้เราได้เห็น ความคิด เเนวคิด เเละ มุมมองของเเต่ละคน ที่เเตกต่างกันออกไป เราเลยรู้สึกว่า การเเชร์เรื่องสักเรื่องให้คนใน กระทู้ได้อ่าน มันก็ดีเห
สมาชิกหมายเลข 8123974
เพื่อนสนิทตีตัวออกห่างเพราะเราเพื่อนเยอะ
สวัสดีค่ะ เรื่องของเรามีอยู่ว่า เราอยู่ ม.6 มีเพื่อนสนิท2คนในโรงเรียนขอใช้นามสมมุติว่า เอและบี ตอนเข้า ม.4เราเป็นคนหน้าไม่ค่อยเป็นมิตรอ่ะน่ะ(ภายนอก)แรกๆเอ ก็ไม่ค่อยชอบหน้าเราหรอกเรารู้ตัวก็สุดท้ายก็มา
สมาชิกหมายเลข 1157622
เรากับพี่ความเห็นไม่ตรงกันค่ะ
คือความจริงเราจะเรียนต่อค่ะ แล้วเราก็คิดว่าจะลองยื่นโรงเรียนเอค่ะ แต่พี่เราเขาอยากให้เรายื่นโรงเรียนบีค่ะ แล้วก็พูดเหมือนกดดันเราค่ะ คือเจตนาของเขาอาจจะหวังดีใช่มั้ยคะแต่การพูดแบบโรงเรียนที่เราจะ
สมาชิกหมายเลข 8906284
รักจริงมีจริงๆหรอ (ติดเรท)
สวัสดีค่าาาา เรื่องที่ จขกท.จะเล่าเป็นเรื่องที่เกิดขี้นจริงของ จขกท.นะคะ คือบางตอนบางคำพูดมันผ่านมานานแล้วอาจจะไม่ตรงหรือไม่ถูกเวลายังไง ก็ขออภัยไว้ก่อนนะคะ บางเรื่องก็ลืมๆ ว่าอันไหนเกิดขึ้นก่อนหรือเก
สมาชิกหมายเลข 4502563
มีครูแบบนี้ไปทำไม?
เหตุการณ์นี้เมื่อขึ้นมา 4 ปี(ป.4)ที่แล้ว ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านประเวศ นามสมมตินาย เอ และนักเรียน นาง บี นายเอเป็นครูสอนตนดนตรีที่เด็กๆรัก และนางบีเป็นเด็กคนนึงที่ได้เข้ามาเรียนในชมรมดนตรี เนื่องจากไม
สมาชิกหมายเลข 8963034
อาหารแพง มีแรงกินแรงย่อยอาหารมั้ย : เอบี เพื่อนกันมันทุกเรื่อง
(ฉาก: หน้าบ้านเอ – เอนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้เตี้ย ๆ กำลังจกข้าวเหนียว หมูทอด น้ำพริก และผักลวกแบบจ้วง ๆ บีเดินเข้ามา) บี: โอ๊ยยย กลิ่นน้ำพริกอะไรนี่! ข้างบ้านคิดว่าระเบิดเคมีลงแน่เลย เอ: (ไม่เงยหน้า)
psycho_factory
TEAM CANADA WIDE ROSTER'S MEN & WOMEN
MENรายชื่อตัวหลักเพิ่มมา: ลุงโฮก, อาร์เธอร์, ชาโรน ไม่ติดรายชื่อ: เลปกี้, สเกลเตอร์, เอเชนโก, เดเมียเนนโก บีหลังชาโรนคัมแบ็กหลังจากหนีไปเล่นชายหาดพร้อมทุบคร่ะ ตำแหน่งบีหลังเบียดกันเว่อใครจะหลุดหรือหอบ
สมาชิกหมายเลข 6562911
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
โรงเรียน
เพื่อนวัยเรียน
ปัญหาชีวิต
ชีวิตวัยรุ่น
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เรื่องเล่าจากคนบาป
เรื่องทั้งหมด เริ่มต้นขึ้นในวันที่16มีนาคม2558ดิฉันเอ(ชื่อสมมุติ)และเพื่อนของดิฉันบี(สมมุติ) เราสองคนเรียนอยู่ในโรงเรียนสหของรัฐบาลเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชื่อดังแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน เราท้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมากเรียนมาด้วยกันสามปี และปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เราจะจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น พูดง่ายๆคือ เราทั้งคู่อายุ15ยังเป็นเยาวชนและกำลังจะจบการศึกษาชั้นม.3ปีนี้ ในวันที่16นั้นโดยเวลาประมาณ15.30น. เป็นเวลาที่เรานั้นได้นัดเจอกันอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่ง เรานัดเจอกันตามปรกติตามประสาวัยรุ่นทั่วไปที่ปิดเทอมแล้วจะมาพักผ่อนหย่อนกายบ้าง เรานัดเจอกันโดยมีจุดประสงค์มุ่งหมายหลักคือการดูหนัง แต่สิ่งที่เราทั้งคู่กำลังคิดอยู่ในขณะนั้นได้เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอาทิตย์นี้ไปในทางที่เลวร้ายมากๆไปในทางที่เด็กและเยาวชนทั่วไปคิดไม่ได้เเละไม่มีวันทำเลย นั่นคือการขโมยของในร้านค้าแห่งหนึ่งภายในห้างนั้น ซึ่งตอนแรกเราทั้งคู่ก็กล้าๆกลัวๆหวั่นอยู่บ้างแต่ จากที่เราได้ยินจากเพื่อนอีกคนหนึ่งจากปากต่อปากอีกคน ทำให้เรามั่นใจได้ว่า วันนั้นมันจะผ่านไปได้สวยหรูแบบที่คิดไวเราเดินเข้าไปในร้านแห่งนั้นกันสองคนซึ่งภายในร้านเต็มไปด้วยลูกค้าและพนักงานร้านจำนวนหนึ่ง ในร้านที่เราเดินเข้าไปคือร้านขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามค่ะ อาทิเช่น ยา อาหารเสริมบำรุง ครีม และอื่นๆอีกมากมาย ร้านนั้นเป็นไม่ใช่ร้านเล็กๆธรรมดาย่อยๆทั่วไปนะคะ เป็นร้านที่มีบริษัทรองรับเหมือนร้านวัตสันเลยค่ะ เราเดินเข้าไปสองคนพร้อมกระเปาสะพายข้างที่ง่ายต่อการละลาบละล้วง เอแต่งชุดธรรมดาค่ะ แต่บีแต่งไปในชุดยูนิฟอร์มพละของโรงเรียน เราเดินเข้าไปตอนแรกเราเลือกในของที่ตนเองอยากได้มากที่สุดก่อนค่ะคนละชิ้น คนละชิ้น เราจะหยิบภายในลักษณะที่พนักงานไม่สนใจหรือไม่มีลูกค้าอื่นๆเห็น จากคนละชิ้นสองชิ้น เริ่มหยิบเยอะขึ้นเป็นคนละหลายๆชิ้นรวมทั้งหมดเป็น16ชิ้นเเละเราก็เดินออกจากร้าเงียบๆ ถามว่าตอนนั้นกลัวไหม ตอบเลยว่ากลัวมากค่ะ กลัวพ่อแม่รู้เเล้วจะเสียใจ กลัวในบาป กลัวในความคิดของตัวเอง แต่สิ่งที่คิดได้ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้วค่ะ เราขับรถมอ'ไซค์ออกจากห้างกันสองคนตรงไปที่บ้านของบีที่อยู่ไม่ไกลห้างนักเพื่อดูของว่าเราเอาอะไรมาบ้าง จากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านค่ะ วันที่16ผ่านไป 17ผ่านไปอีกวัน จนเรื่องมาถึงวันที่18ค่ะ วันนั้นเอในตอนเช้าต้องมาโรงเรียนเพื่อที่จะมารายงานตัวเพื่อเรียนต่อในมอสี่โรงเรียนเดิมค่ะ ช่วงเช้าก็ผ่านไปได้ปรกติดี จนถึงเวลาประมาณเที่ยงๆของวันที่18มีโทรศัพท์โทรมาจากบีบอกว่าให้เราทั้งคู่รีบไปโรงเรียนด่วน เกรดของเรามีปัญหา วันนั้นเป็นวันที่พ่อเอไม่อยู่เอจึงบอกว่าวันพรุ่งนี้ได้ไหม จนอาจารย์ได้มาคุยเอง เราก็เออ ออ ตามอาจารย์ไป ในตอนนั้นยังคิดถึงแค่ว่าเกรดของเรามีปัญหา เราจึงจะเข้าไปพรุ่งนี้ดีกว่าคงไม่เป็นไรหรอก จนเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสามโมง ตอนนั้นบีโทรมากบอกเราเสียงสั่นๆว่า
"ให้รีบมาโรงเรียน รีบๆมานะ แล้ววางสายไป แล้วโทรมาอีกทีด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า จำร้านที่เราไปขโมยได้ไหม ตอนนี้เขาจับได้แล้วนะ กูอยู่คนเดียว พ่อแม่กูไป ตจว. วันนี้เย็นค่อยกลับ รีบๆมานะ อย่าทิงกูอยู่คนเดียว อาจารย์เค้าไม่ให้บอก กลัวจะไม่ยอมรับแต่ตอนนี้มันไม่มีคน กูเลยรีบโทรบอก รีบๆออกมานะ อย่าทิ้งกู ตึ๊ดดดดดด~~~~"
ปลายสายวางไป เราเข่าอ่อนคิดอะไรไม่ถูกเลยในตอนนั้น กลัวพ่อเเม่เสียใจ เราไม่อยากทำให้เขาเสยใจ เราทำไม่ดีต่อเขามามากเเล้ว แล้วเขายังจะมาเจอเรื่องนี้อีกหรอ
ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกแล้วค่ะ เราโทรหาพ่ออย่างเดียว ให้รีบกลับบ้าน รีบกลับมามีเรื่องจะบอก ส่วนเราที่อยู่บ้านเราอยู่กับแม่ค่ะ แม่พยายามจะถามว่า มันเกิดเรื่องอะไร มีอะไรก็พดให้ฟัง ตอนนั้นเรายังไม่กล้าบอกแม่ค่ะ เราคิดว่าถ้าพ่อมา เราจะบอกพ่อตอนขับรถไป รร. ก่อน แล้วค่อยให้พ่อมาบอกแม่ พ่อเรามาถึงบ้านในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เราที่ยังใส่ชุด นร. อยู่รีบขึ้นรถแลเวไปกับพ่อเพื่อไปรับบาปที่ก่อไว้แม่ของเราไม่ไปด้วยค่ะ เพราะตอนนั้นยังคิดว่ามันคือเรื่องเกรดอยู่ พอพ่อขับมาถึงเกือบครึ่งทาง เราที่ยังคุยไลน์กับบีอยู่ก็เงียบไว้ค่ะ เปิดแค่ให้มันเป็นโทรออกกับบีเฉยๆ ให้เขารู้ว่าเราคุยกับพ่อยังไง เร่มแรกเราก็ลดเสียงวิทยุลงค่ะ เเล้วบอกกับพ่อว่า
"พ่อ ที่ไปนี้ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเกรดนะ มันเกี่ยวกับเรื่องอื่น พ่อเราก็เลยถามกลับว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไรละ เราเลยตอบว่า เรื่อง เอ่ออ เราไปเอาของที่ห้างแห่งหนึ่งมา"
ตอนนั้น เราไม่กล้ามองหน้าพ่อเลยค่ะปากเราสั่น น้ำตาเราก็ไหลไม่หยุดเลยค่ะ คือตอนนั้นไม่มีใครพูดอะไรเลย มีแต่เสียงเราร้องให้อย่างเดียว จนพ่อพูดคำว่า "ไปทำอย่างนั้นทำไม"
คือ ตอนนั้นเราจับใจความได้แค่นี่เพราะเราร้องไห้หนักมาก ปรกติเราไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นมาก่อน ไม่เคยร้องไห้กับเรื่องความรัก แฟน หรืออะไรต่างๆ จนมาถึงตอนนี้เราร้องไห้หนักมาก ทั้งสงสารพ่อแม่ที่เขามีลูกแบบเรา เราอยากพูดว่าเราเสียใจมากตอนนั้น เราไม่น่าทำแบบนั้นดลยตั้งแต่แรก แต่พอมาคิดได้ตอนนั้น มันก็สายเกินแก้ไปแล้ว เราได้ทำบาปครั้งยิ่งใหญ่ไว้แล้ว ก่อนมาถึงโรงเรียนเราเช็ดนำตาของตัวเองออก ปั้นหน้ายิ้มยอมรับกับความจริง ยอมรับในสิ่งที่มันกำลังจะเกิด และเราก็เตือนตนเองว่าทำผิด ยอมรับผิด ขอโทษครู ขอโทษพ่อแม่ ขอขมาพ่อแม่ซะถ้ามันจบเรื่องนี้แล้ว เราเดินขึ้นไผในตึกนั้นเราไม่เจอบี เพราะบีบอกว่าเขาเอาบีไปกักตัวไว้ในอีกห้องนึง เราเดินเข้าไปข้างในห้องนั้นพร้อมกับพ่อ ก่อนที่อาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองจะเดินตามเขเามาคนเดียว ภายในห้องรู้สึกอดอัดแปลกๆ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง อาจารย์เริ่มถามเราว่า เป็นไงบ้างสบายดีไหม การเรียนเป็นไง เรื่องแถวเป็นไง มีเรื่องอะไรจะบอกคุณพ่อไหม ตอนนั้นเราก็ยังเปิดคอลหาบีอยู่นะคะ ให้เขามารับฟังด้วยกัน เราไม่อยากทิ้งให้ใครคนหนึ่งหนักใจอยู่คนเดียว อยากใหมารู้ดวยกันหมด
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะคิดว่าเราสองคนนั้นเลวมาก เราก็จะไม่ปฏิเสธอะไร เราจะยอมรับทุกๆอย่าง ทุกๆคำด่าค่ะ ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้วแบตก็จะหมด(พิมในโทรศัพท์) เดียวเราจะมาต่ออีกทีพรุ่งนี้นะคะ ฝันดีทุกคนค่ะ