สวัสดีค่ะ อัดอั้นตันใจมานานแล้วค่ะ อยากจะมาระบายและเตือนภัย ให้กับหลายๆคนที่กำลังคิดจะซื้อ "คอนโดมือ 2" ต่อจากใครสักคน
อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากนะคะ แต่ถ้าเรื่องของเรามันช่วยทำให้หลายคนระวังได้มากขึ้นสักนิด เราก็ดีใจแล้วค่ะ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ...
เราเคยเช่าคอนโดแห่งนึงอยู่ค่ะ ไม่ไกลที่ทำงานมาก ค่าเช่าเดือนละ 5,400 รวมน้ำไฟเดือนนึงตีไปกลมๆก็ 7,000 ค่ะ
เราเช่าอยู่ประมาณ 1 ปีกว่าๆ ก็เริมมีความคิดที่จะซื้อคอนโดเป็นของตัวเองค่ะ
เราคิดว่า เอาค่าเช่าไปจ่ายเป็นค่าผ่อนชำระ อาจเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย แต่ก็ได้เป็นสินทรัพย์ของตัวเอง น่าจะดีกว่า
ปรึกษาคุณแม่ ท่านเองก็เห็นด้วยค่ะ ท่านบอกให้ดูดีๆไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆหาให้ถูกใจไป
เราเริ่มหาข้อมูลคอนโดย่านบางซื่อ(ที่พร้อมเข้าอยู่) ก็ได้ตัวเลือกอยู่ไม่มากที่เข้าตากรรมการ
เรากับแฟนเดินสายดูคอนโดเป็นว่าเล่นค่ะช่วงนั้น เพื่อที่จะได้เลือกห้องที่ถูกใจมากที่สุด
จนได้มาเจอ ห้องของคอนโดแห่งนึง ที่พอใจทั้งห้อง สภาพแวดล้อม นิติบุคคล เป็นคอนโดใหม่เพิ่งสร้างเสร็จปี 56 ราคา(พอรับได้)
และที่สำคัญ คือ เจ้าของห้องทำงานบริษัทเดียวกันกับเรา (คิดว่าน่าจะคุยกันง่ายขึ้นค่ะ) >> ให้นามสมมตินางว่า "พี่ดำ"
แต่ห้องนี้ขายผ่านเซลล์คนสนิทของพี่ดำ นางเป็นเกย์กึ่งตุ๊ด ที่ดูตอนแรกเหมือนจะโอเค (แต่ตอนหลัง เดี๋ยวมาแฉให้ฟังค่ะ)
(เซลล์คนนี้เคยเป็นเซลล์ขายโครงการนี้มาก่อน แต่สนิทกับพี่ดำ เพราะนางทั้งคู่ชอบทำธุรกรรมอสังหาฯด้วยกันบ่อยๆ)
ครั้งแรกที่เข้ามาดูห้องเราค่อนข้างพอใจ เมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆที่ได้ไปดูมา เราเก็บเอาไปคิด 1 คืน
วันรุ่งขึ้นพาคุณแม่มาช่วยดูและตัดสินใจ จ่ายเงินมัดจำเพื่อจองห้อง 30,000 บาท
ข้อตกลงเบื้องต้น คือ
- ให้เราไปทำเรื่องกู้เงินกับธนาคาร ถ้าไม่ผ่านคืนเงินจองให้เต็มจำนวน
- ราคาขายห้องนี้ที่ตกลงกัน คือ 2,150,000
- ให้เราช่วยออกค่าโอน 20,000
- และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆของ ผู้ซื้อ (ตามที่กฎหมายกำหนด) ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นใดอีกแล้ว
ตุกติกครั้งที่ 1 : ตุกติก ของแถม
ตอนแรกเราต่อรอง ขอให้พี่ดำเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ค่าโอนทั้งหมด พี่ดำเสนอว่าให้ช่วยออกค่าโอน 20,000 บาท
เพราะเค้าขายห้องถูกกว่าคนอื่นแล้ว ( ไม่ได้ถูกกว่าขนาดนั้นอ่ะค่ะ คนอื่นเค้าขายแพงกว่าจริง แต่ขายพร้อมเฟอร์ พร้อมค่าโอน)
แต่เราดันอยากได้ห้องเปล่ามาแต่งห้องเอง เลยเอาห้องนี้ค่ะ นางบอกว่าเดี๋ยวนางยกเครื่องทำน้ำอุ่นที่ซื้อมาราคา "เกือบหมื่น" ให้แทน
นางซื้อมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ใช้ เราก็โอเค ช่วยๆกันไปคนทำงานที่เดียวกัน
แต่ความจริง : ภายหลังจากโอนห้องเรียบร้อย พี่ดำเอาเครื่องทำน้ำอุ่น ยี่ห้อ(ที่อาเล็กเป็นพรีเซ็นเตอร์)มาให้ ราคาไม่ถึง 3,000 บาท
น้ำไม่ค่อยอุ่น ถ้าเปิดน้ำแรง และที่สำคัญใบรับประกันระบุว่า พี่ดำเพิ่งไปซื้อมาเมื่อวาน ( เอ้า! ไหนบอกว่าราคาเกือบหมื่น ที่ซื้อมานานแล้วไง)
เราก็ไม่อะไรค่ะ ช่างมัน ใช้ๆไป ถ้าพังค่อยซื้อใหม่เองก็ได้ ไม่อยากมีปัญหา
ข้อเตือนใจ : ไม่ควรทำแบบเราเลยนะคะทุกคน คนชั่วมันจะได้ใจค่ะ ย้อนเวลาไปได้ เราจะไม่ยอมค่ะ !
แนะนำว่าตอนตกลงทำสัญญามัดจำหรืออะไรก็แล้วแต่ ระบุไปด้วยนะคะ ว่าของแถมมีอะไร รุ่นอะไร ราคาเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้คนชั่วเอาเปรียบค่ะ
ตุกติกครั้งที่ 2 : ตุกติก ใต้โต๊ะ วันโอน
คืนก่อนวันโอน พี่ดำโทรมาเคลียเรื่องค่าใช้จ่ายกับเรา ว่ามีค่าอะไรยังไงบ้าง ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ตกลงค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร
พี่ดำบ่นเล็กๆกับเราเรื่อง ค่าโอนที่นางต้องรับผิดชอบเยอะ แล้วยังมีค่าธรรมเนียม(ใต้โต๊ะ)อีก 6,000 เพื่อทำให้นางเสียค่าโอนน้อยลง!
ไอเราก็ โหหห กรมที่ดินหากินกันแบบนี้หรอค้า (รบกวนผู้มีอำนาจช่วยตรวจสอบ) แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา
เช้าวันโอนเรานัดกับพี่ดำ เพื่อไปทำเรื่องโอนที่ กรมที่ดินค่ะ พี่ดำบอกว่า เซลล์คนสนิทของนางจะมาด้วย เพื่อมาช่วยดู ช่วยดำเนินเรื่องให้ไวขึ้น
เพราะเซลล์คนสนิทของนางคล่อง เนื่องจากโกงมาเยอะ เอ้ย! ทำมาเยอะ จะรู้เรื่องกว่าพวกเราทำกันเอง (ไอเราก็โอเค ไม่ได้สนใจอะไร)
ไปถึงก็มีพนักงานจากธนาคารมาช่วยดำเนิน จัดการเรื่องเอกสารให้ แล้วก็นั่งรอๆๆๆๆ ทำตามกระบวนการไปเรื่อยๆ
จนกระบวนการเริ่มเปลี่ยน เมื่อเซลล์คนสนิทของนางมา เซลล์เดินเข้าไปหาเจ้าที่กรมที่ดิน พูดคุยกันสักพัก แล้วเดินออกมานั่งรอกับเราและพี่ดำ
รอได้สักพัก เราได้ยิน เซลล์กับพี่ดำคุยกัน แบบซุบซิบ (คือเราเป็นคนหูดีมากกกก แม่ชอบบอกว่าหูไวเหมือนหมา) Dialogue ตามนี้ ...
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : คุณดำคะ บอกน้องเค้ารึยังเรื่องค่าธรรมเนียม ?
พี่ดำ : มีโทรคุยไปเมื่อวาน เล่าให้ฟังคร่าวๆ แต่ไม่ได้ให้น้องช่วยออกอะไร
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : หุยยย เราน่าจะให้น้องเค้าออกบ้างนะคะ จริงๆเราให้เค้าออกให้หมดเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพูดให้เอง
(เราคิดในใจ 6,000 มันก็ประโยชน์คุณปะวะ เกี่ยวไรกะเรา แต่ก็ตีเนียน ทำเป็นไม่ได้ยิน)
พี่ดำ : มันจะน่าเกลียดป่าว ไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า ให้น้องเค้าเตรียมเงินมา
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : เอาหน่า เดี๋ยวจัดการให้เองค่ะ (แล้วนางก็เดินมาหาเราแล้วพูดว่า...)
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : เอ่อ น้องคะ พอดีว่า เดี๋ยวจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ประมาณ 1,900 กว่าๆ เตรียมไว้ 2,000 นะคะ
เรา : ค่าอะไรคะ ไม่เห็นแจ้งไว้ก่อน
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : มันเป็นค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้เจ้าหน้าที่น่ะค่ะ
เรา : มีใบเสร็จมั้ยคะ ?
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : ไม่มีค่ะ เป็นค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้เจ้าหน้าที่ ไม่ได้เข้ารัฐค่ะ
เรา : ขอไปคุยกับแม่ ให้โอนเงินมาก่อนนะคะ พอดีไม่ได้เตรียมเงินมา (จริงๆจะโทรฟ้องแม่ค่ะ 5555 )
เราออกไปคุยกับแม่ ให้ท่านช่วยเช็คให้หน่อยว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ
พอดีลูกเพื่อนแม่เรา ก็เป็นเพื่อนร่วมงานกับเซลล์ตุ๊ดคนนี้ค่ะ (กระบวนการอะไร ลูกเพื่อนแม่จะต้องรู้เหมือนกันหมด)
สรุปคือไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรแบบนี้ค่ะ แต่เราก็ยอมจ่ายไป แค่ 2,000 ก็จบ ไม่ต้องมีปัญหาอีก (ทั้งๆที่รู้ว่าเอาไปจ่ายใต้โต๊ะ)
ต้องอยู่ร่วมคอนโดเดียวกับพี่ดำ อาจจะต้องเจอหน้าที่ทำงาน เงินแค่ 2,000 ทำให้ไม่ต้องปะทะกันมากมาย ก็โอเคค่ะ
คิดแค่ว่า จบการโอน ห้องก็เป็นของเรา ธุรกรรมทุกอย่างจบ จ่ายๆไปเหอะ (ตอนนี้คิดว่าเอาเงินก้อนนั้นไปทำบุญ ดีกว่าเยอะ)
แต่พอโอนเสร็จ ลูกเพื่อนแม่เรา(ที่ทำงานที่เดียวกันกับเซลล์ตุ๊ด) โทรหาเซลล์ตุ๊ด ว่าทำไมทำแบบนี้ มาคิดค่าอะไรกับเรา
เซลล์ตุ๊ดก็สารภาพค่ะว่า เป็นการจ่ายใต้โต๊ะ เพื่อให้กระบวนการเร็วขึ้น ไม่ต้องนั่งรอที่กรมที่ดินทั้งวัน
แต่เซลล์ตุ๊ดคนสนิทนางโมโหมากค่ะ ที่เรายอมทำตาม แต่เรารู้ทัน นางโทรไปด่าคุณแม่เราค่ะ ว่าทำไมทำแบบนี้
นางได้ถามเราแล้ว เราเองก็ยินยอมจ่าย ถ้าไม่ยินยอม ทำไมเราไม่บอกนางล่ะ ขอโทษละกันนะคะที่เข้ามา

เอง!
ประเด็น คือ
1. นางไม่ได้ถามเรา แต่นางบอกว่าเรา ต้องจ่าย
2. นางบอกว่าเป็นค่าธรรมเนียมของผู้ซื้อ ไม่ได้บอกว่าเป็นเงินใต้โต๊ะ
เตือนภัยนะคะ!!!!! ถ้าใครจะทำธุรกรรมด้านอสังหาผ่านใครสักคน หลังไมค์มาถามชื่อและหน้าตากับเราได้นะคะ จะได้ระวังตัวกันทัน
ตุกติกครั้ง 3 : ตุกติก ค่าเงินประกันหม้อแปลงไฟฟ้า
หลังจากเรื่องราววันโอนจบลง ก็ได้อโหสิกรรมให้นางไป อย่าได้มายุ่งกันอีกเลย เป็นสุข เป็นสุขเถิด ...
เซลล์ตุ๊ดคนสนิทจบ แต่พี่ดำยังไม่จบค่ะ นางยังคงหน้าเลือด เอาทุกเม็ดทุกหน่วย
นางไลน์มาบอกว่าให้โอนค่าเปลี่ยนชื่อหม้อแปลงให้ 2,000 แล้วจะทำเรื่องให้ (ไหนบอกไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้วไง )
เราก็โอนให้ พร้อมถามว่า หมดแล้วใช่ไหมพี่ดำ ค่าใช้จ่ายที่ต้องสะสางกัน มีโผล่มาอีกที่ไม่ได้ตกลง เราไม่โอเคแล้วนะ
โอนให้ก็แล้ว เวลาผ่านไปปปปปป... นางก็ไม่จัดการเปลี่ยนชื่อให้ที่การไฟฟ้า จนเราไม่รอแล้ว
จบๆซะทีกะอีดำนี่ เอ้ย! พี่ดำนี่ เลยให้นางเอาเอกสารมอบอำนาจมา เราไปจัดการเอง
พี่ดำเอาเอกสารมาให้พร้อมเอาใบเสร็จ(สำเนา)ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวจริงมาให้เรา
แต่ใช้ไม่ได้ค่ะ เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่า
"ถ้าคุณเอาสำเนามา เท่ากับคุณเอาใบเสร็จตัวจริงไปขอเงินค่าประกันหม้อแปลงคืนได้อีก 2,000"
เท่ากับว่าพี่ดำได้เงินซ้ำซ้อน รวมเป็น 4,000 (จากที่เราโอนให้ + ไปขึ้นเงินเอง)
เราโทรหาพี่ดำ พี่ดำไม่พอใจบอกว่าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเรื่องมาก (แต่เราว่าโมโหที่เค้ารู้ทันมากกว่า)
เราจะบอกนางว่า เราจะทำเรื่องจ่ายเงินค่าเปลี่ยนหม้อแปลงใหม่ โดยจ่าย 2,000 กับเจ้าหน้าที่
เพราะเราไม่อยากไปๆมาๆหลายรอบ เสียเวลางาน จึงขอรบกวนให้พี่ดำโอนเงินคืนเรา 2,000
พี่ดำบอกว่า ถ้างั้นเดี๋ยวเค้าเอาใบเสร็จตัวจริงไปขึ้นเงินก่อน ได้เงินมาจะโอนคืนให้
(ในความคิดเรา คือ ทุเรศมากอ่ะ เห็นแก่ตัว! ) เราบอกว่า เราจะทำให้เสร็จวันนี้ เราเสียเวลามาแล้ว
รบกวนโอนผ่านมือถือ ไม่ก็หาเอทีเอ็ม พี่ดำก็ตอบสั้นๆว่า "ไม่สะดวกค่ะ มาต่างจังหวัด"
สรุปค่ะ เราจัดการเองเหมือนเดิมค่ะ คือกลับมาเอาใบเสร็จตัวจริงที่นิติ แล้วไปทำเรื่องเอง
เสียเวลาอีกหน่อย ดีกว่าให้เงินเข้ากระเป๋าคนชั่ว ไม่รู้จะตุกติกอะไรอีกรึป่าว
หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจเล็กๆน้อยๆ สำหรับคนที่กำลังจะซื้อคอนโดมือสองนะคะ
ทุกอย่างทำให้เป็นลายลักษณ์อักษรนะคะ เรื่องเงินเรื่องทองไม่เข้าใครออกใครค่ะ
โดยเฉพาะคนหน้าเลือดอย่างพี่ดำ และเซลล์ตุ๊ดใจโฉด
ยิ่งคนที่ไม่รู้เรื่องอสังหาฯ (แบบเรา) แม้เป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่เราก็หามาด้วยตัวเอง
แต่สุดท้ายต้องเอาไปให้คนขี้โกง เราไม่โอเคค่ะ
ยังไงขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบ เล่าซะยาวเลย ><
เตือนภัย!!!! ซื้อคอนโดมือ 2 ทั้งที ตุกติกได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือคะ ?
อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากนะคะ แต่ถ้าเรื่องของเรามันช่วยทำให้หลายคนระวังได้มากขึ้นสักนิด เราก็ดีใจแล้วค่ะ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ...
เราเคยเช่าคอนโดแห่งนึงอยู่ค่ะ ไม่ไกลที่ทำงานมาก ค่าเช่าเดือนละ 5,400 รวมน้ำไฟเดือนนึงตีไปกลมๆก็ 7,000 ค่ะ
เราเช่าอยู่ประมาณ 1 ปีกว่าๆ ก็เริมมีความคิดที่จะซื้อคอนโดเป็นของตัวเองค่ะ
เราคิดว่า เอาค่าเช่าไปจ่ายเป็นค่าผ่อนชำระ อาจเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย แต่ก็ได้เป็นสินทรัพย์ของตัวเอง น่าจะดีกว่า
ปรึกษาคุณแม่ ท่านเองก็เห็นด้วยค่ะ ท่านบอกให้ดูดีๆไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆหาให้ถูกใจไป
เราเริ่มหาข้อมูลคอนโดย่านบางซื่อ(ที่พร้อมเข้าอยู่) ก็ได้ตัวเลือกอยู่ไม่มากที่เข้าตากรรมการ
เรากับแฟนเดินสายดูคอนโดเป็นว่าเล่นค่ะช่วงนั้น เพื่อที่จะได้เลือกห้องที่ถูกใจมากที่สุด
จนได้มาเจอ ห้องของคอนโดแห่งนึง ที่พอใจทั้งห้อง สภาพแวดล้อม นิติบุคคล เป็นคอนโดใหม่เพิ่งสร้างเสร็จปี 56 ราคา(พอรับได้)
และที่สำคัญ คือ เจ้าของห้องทำงานบริษัทเดียวกันกับเรา (คิดว่าน่าจะคุยกันง่ายขึ้นค่ะ) >> ให้นามสมมตินางว่า "พี่ดำ"
แต่ห้องนี้ขายผ่านเซลล์คนสนิทของพี่ดำ นางเป็นเกย์กึ่งตุ๊ด ที่ดูตอนแรกเหมือนจะโอเค (แต่ตอนหลัง เดี๋ยวมาแฉให้ฟังค่ะ)
(เซลล์คนนี้เคยเป็นเซลล์ขายโครงการนี้มาก่อน แต่สนิทกับพี่ดำ เพราะนางทั้งคู่ชอบทำธุรกรรมอสังหาฯด้วยกันบ่อยๆ)
ครั้งแรกที่เข้ามาดูห้องเราค่อนข้างพอใจ เมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆที่ได้ไปดูมา เราเก็บเอาไปคิด 1 คืน
วันรุ่งขึ้นพาคุณแม่มาช่วยดูและตัดสินใจ จ่ายเงินมัดจำเพื่อจองห้อง 30,000 บาท
ข้อตกลงเบื้องต้น คือ
- ให้เราไปทำเรื่องกู้เงินกับธนาคาร ถ้าไม่ผ่านคืนเงินจองให้เต็มจำนวน
- ราคาขายห้องนี้ที่ตกลงกัน คือ 2,150,000
- ให้เราช่วยออกค่าโอน 20,000
- และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆของ ผู้ซื้อ (ตามที่กฎหมายกำหนด) ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นใดอีกแล้ว
ตอนแรกเราต่อรอง ขอให้พี่ดำเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ค่าโอนทั้งหมด พี่ดำเสนอว่าให้ช่วยออกค่าโอน 20,000 บาท
เพราะเค้าขายห้องถูกกว่าคนอื่นแล้ว ( ไม่ได้ถูกกว่าขนาดนั้นอ่ะค่ะ คนอื่นเค้าขายแพงกว่าจริง แต่ขายพร้อมเฟอร์ พร้อมค่าโอน)
แต่เราดันอยากได้ห้องเปล่ามาแต่งห้องเอง เลยเอาห้องนี้ค่ะ นางบอกว่าเดี๋ยวนางยกเครื่องทำน้ำอุ่นที่ซื้อมาราคา "เกือบหมื่น" ให้แทน
นางซื้อมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ใช้ เราก็โอเค ช่วยๆกันไปคนทำงานที่เดียวกัน
แต่ความจริง : ภายหลังจากโอนห้องเรียบร้อย พี่ดำเอาเครื่องทำน้ำอุ่น ยี่ห้อ(ที่อาเล็กเป็นพรีเซ็นเตอร์)มาให้ ราคาไม่ถึง 3,000 บาท
น้ำไม่ค่อยอุ่น ถ้าเปิดน้ำแรง และที่สำคัญใบรับประกันระบุว่า พี่ดำเพิ่งไปซื้อมาเมื่อวาน ( เอ้า! ไหนบอกว่าราคาเกือบหมื่น ที่ซื้อมานานแล้วไง)
เราก็ไม่อะไรค่ะ ช่างมัน ใช้ๆไป ถ้าพังค่อยซื้อใหม่เองก็ได้ ไม่อยากมีปัญหา
ข้อเตือนใจ : ไม่ควรทำแบบเราเลยนะคะทุกคน คนชั่วมันจะได้ใจค่ะ ย้อนเวลาไปได้ เราจะไม่ยอมค่ะ !
แนะนำว่าตอนตกลงทำสัญญามัดจำหรืออะไรก็แล้วแต่ ระบุไปด้วยนะคะ ว่าของแถมมีอะไร รุ่นอะไร ราคาเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้คนชั่วเอาเปรียบค่ะ
คืนก่อนวันโอน พี่ดำโทรมาเคลียเรื่องค่าใช้จ่ายกับเรา ว่ามีค่าอะไรยังไงบ้าง ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ตกลงค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร
พี่ดำบ่นเล็กๆกับเราเรื่อง ค่าโอนที่นางต้องรับผิดชอบเยอะ แล้วยังมีค่าธรรมเนียม(ใต้โต๊ะ)อีก 6,000 เพื่อทำให้นางเสียค่าโอนน้อยลง!
ไอเราก็ โหหห กรมที่ดินหากินกันแบบนี้หรอค้า (รบกวนผู้มีอำนาจช่วยตรวจสอบ) แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา
เช้าวันโอนเรานัดกับพี่ดำ เพื่อไปทำเรื่องโอนที่ กรมที่ดินค่ะ พี่ดำบอกว่า เซลล์คนสนิทของนางจะมาด้วย เพื่อมาช่วยดู ช่วยดำเนินเรื่องให้ไวขึ้น
เพราะเซลล์คนสนิทของนางคล่อง เนื่องจากโกงมาเยอะ เอ้ย! ทำมาเยอะ จะรู้เรื่องกว่าพวกเราทำกันเอง (ไอเราก็โอเค ไม่ได้สนใจอะไร)
ไปถึงก็มีพนักงานจากธนาคารมาช่วยดำเนิน จัดการเรื่องเอกสารให้ แล้วก็นั่งรอๆๆๆๆ ทำตามกระบวนการไปเรื่อยๆ
จนกระบวนการเริ่มเปลี่ยน เมื่อเซลล์คนสนิทของนางมา เซลล์เดินเข้าไปหาเจ้าที่กรมที่ดิน พูดคุยกันสักพัก แล้วเดินออกมานั่งรอกับเราและพี่ดำ
รอได้สักพัก เราได้ยิน เซลล์กับพี่ดำคุยกัน แบบซุบซิบ (คือเราเป็นคนหูดีมากกกก แม่ชอบบอกว่าหูไวเหมือนหมา) Dialogue ตามนี้ ...
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : คุณดำคะ บอกน้องเค้ารึยังเรื่องค่าธรรมเนียม ?
พี่ดำ : มีโทรคุยไปเมื่อวาน เล่าให้ฟังคร่าวๆ แต่ไม่ได้ให้น้องช่วยออกอะไร
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : หุยยย เราน่าจะให้น้องเค้าออกบ้างนะคะ จริงๆเราให้เค้าออกให้หมดเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพูดให้เอง
(เราคิดในใจ 6,000 มันก็ประโยชน์คุณปะวะ เกี่ยวไรกะเรา แต่ก็ตีเนียน ทำเป็นไม่ได้ยิน)
พี่ดำ : มันจะน่าเกลียดป่าว ไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า ให้น้องเค้าเตรียมเงินมา
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : เอาหน่า เดี๋ยวจัดการให้เองค่ะ (แล้วนางก็เดินมาหาเราแล้วพูดว่า...)
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : เอ่อ น้องคะ พอดีว่า เดี๋ยวจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ประมาณ 1,900 กว่าๆ เตรียมไว้ 2,000 นะคะ
เรา : ค่าอะไรคะ ไม่เห็นแจ้งไว้ก่อน
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : มันเป็นค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้เจ้าหน้าที่น่ะค่ะ
เรา : มีใบเสร็จมั้ยคะ ?
เซลล์ตุ๊ดคนสนิท : ไม่มีค่ะ เป็นค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้เจ้าหน้าที่ ไม่ได้เข้ารัฐค่ะ
เรา : ขอไปคุยกับแม่ ให้โอนเงินมาก่อนนะคะ พอดีไม่ได้เตรียมเงินมา (จริงๆจะโทรฟ้องแม่ค่ะ 5555 )
เราออกไปคุยกับแม่ ให้ท่านช่วยเช็คให้หน่อยว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ
พอดีลูกเพื่อนแม่เรา ก็เป็นเพื่อนร่วมงานกับเซลล์ตุ๊ดคนนี้ค่ะ (กระบวนการอะไร ลูกเพื่อนแม่จะต้องรู้เหมือนกันหมด)
สรุปคือไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรแบบนี้ค่ะ แต่เราก็ยอมจ่ายไป แค่ 2,000 ก็จบ ไม่ต้องมีปัญหาอีก (ทั้งๆที่รู้ว่าเอาไปจ่ายใต้โต๊ะ)
ต้องอยู่ร่วมคอนโดเดียวกับพี่ดำ อาจจะต้องเจอหน้าที่ทำงาน เงินแค่ 2,000 ทำให้ไม่ต้องปะทะกันมากมาย ก็โอเคค่ะ
คิดแค่ว่า จบการโอน ห้องก็เป็นของเรา ธุรกรรมทุกอย่างจบ จ่ายๆไปเหอะ (ตอนนี้คิดว่าเอาเงินก้อนนั้นไปทำบุญ ดีกว่าเยอะ)
แต่พอโอนเสร็จ ลูกเพื่อนแม่เรา(ที่ทำงานที่เดียวกันกับเซลล์ตุ๊ด) โทรหาเซลล์ตุ๊ด ว่าทำไมทำแบบนี้ มาคิดค่าอะไรกับเรา
เซลล์ตุ๊ดก็สารภาพค่ะว่า เป็นการจ่ายใต้โต๊ะ เพื่อให้กระบวนการเร็วขึ้น ไม่ต้องนั่งรอที่กรมที่ดินทั้งวัน
แต่เซลล์ตุ๊ดคนสนิทนางโมโหมากค่ะ ที่เรายอมทำตาม แต่เรารู้ทัน นางโทรไปด่าคุณแม่เราค่ะ ว่าทำไมทำแบบนี้
นางได้ถามเราแล้ว เราเองก็ยินยอมจ่าย ถ้าไม่ยินยอม ทำไมเราไม่บอกนางล่ะ ขอโทษละกันนะคะที่เข้ามา
ประเด็น คือ
1. นางไม่ได้ถามเรา แต่นางบอกว่าเรา ต้องจ่าย
2. นางบอกว่าเป็นค่าธรรมเนียมของผู้ซื้อ ไม่ได้บอกว่าเป็นเงินใต้โต๊ะ
เตือนภัยนะคะ!!!!! ถ้าใครจะทำธุรกรรมด้านอสังหาผ่านใครสักคน หลังไมค์มาถามชื่อและหน้าตากับเราได้นะคะ จะได้ระวังตัวกันทัน
หลังจากเรื่องราววันโอนจบลง ก็ได้อโหสิกรรมให้นางไป อย่าได้มายุ่งกันอีกเลย เป็นสุข เป็นสุขเถิด ...
เซลล์ตุ๊ดคนสนิทจบ แต่พี่ดำยังไม่จบค่ะ นางยังคงหน้าเลือด เอาทุกเม็ดทุกหน่วย
นางไลน์มาบอกว่าให้โอนค่าเปลี่ยนชื่อหม้อแปลงให้ 2,000 แล้วจะทำเรื่องให้ (ไหนบอกไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้วไง )
เราก็โอนให้ พร้อมถามว่า หมดแล้วใช่ไหมพี่ดำ ค่าใช้จ่ายที่ต้องสะสางกัน มีโผล่มาอีกที่ไม่ได้ตกลง เราไม่โอเคแล้วนะ
โอนให้ก็แล้ว เวลาผ่านไปปปปปป... นางก็ไม่จัดการเปลี่ยนชื่อให้ที่การไฟฟ้า จนเราไม่รอแล้ว
จบๆซะทีกะอีดำนี่ เอ้ย! พี่ดำนี่ เลยให้นางเอาเอกสารมอบอำนาจมา เราไปจัดการเอง
พี่ดำเอาเอกสารมาให้พร้อมเอาใบเสร็จ(สำเนา)ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวจริงมาให้เรา
แต่ใช้ไม่ได้ค่ะ เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่า
"ถ้าคุณเอาสำเนามา เท่ากับคุณเอาใบเสร็จตัวจริงไปขอเงินค่าประกันหม้อแปลงคืนได้อีก 2,000"
เท่ากับว่าพี่ดำได้เงินซ้ำซ้อน รวมเป็น 4,000 (จากที่เราโอนให้ + ไปขึ้นเงินเอง)
เราโทรหาพี่ดำ พี่ดำไม่พอใจบอกว่าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเรื่องมาก (แต่เราว่าโมโหที่เค้ารู้ทันมากกว่า)
เราจะบอกนางว่า เราจะทำเรื่องจ่ายเงินค่าเปลี่ยนหม้อแปลงใหม่ โดยจ่าย 2,000 กับเจ้าหน้าที่
เพราะเราไม่อยากไปๆมาๆหลายรอบ เสียเวลางาน จึงขอรบกวนให้พี่ดำโอนเงินคืนเรา 2,000
พี่ดำบอกว่า ถ้างั้นเดี๋ยวเค้าเอาใบเสร็จตัวจริงไปขึ้นเงินก่อน ได้เงินมาจะโอนคืนให้
(ในความคิดเรา คือ ทุเรศมากอ่ะ เห็นแก่ตัว! ) เราบอกว่า เราจะทำให้เสร็จวันนี้ เราเสียเวลามาแล้ว
รบกวนโอนผ่านมือถือ ไม่ก็หาเอทีเอ็ม พี่ดำก็ตอบสั้นๆว่า "ไม่สะดวกค่ะ มาต่างจังหวัด"
สรุปค่ะ เราจัดการเองเหมือนเดิมค่ะ คือกลับมาเอาใบเสร็จตัวจริงที่นิติ แล้วไปทำเรื่องเอง
เสียเวลาอีกหน่อย ดีกว่าให้เงินเข้ากระเป๋าคนชั่ว ไม่รู้จะตุกติกอะไรอีกรึป่าว
หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจเล็กๆน้อยๆ สำหรับคนที่กำลังจะซื้อคอนโดมือสองนะคะ
ทุกอย่างทำให้เป็นลายลักษณ์อักษรนะคะ เรื่องเงินเรื่องทองไม่เข้าใครออกใครค่ะ
โดยเฉพาะคนหน้าเลือดอย่างพี่ดำ และเซลล์ตุ๊ดใจโฉด
ยิ่งคนที่ไม่รู้เรื่องอสังหาฯ (แบบเรา) แม้เป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่เราก็หามาด้วยตัวเอง
แต่สุดท้ายต้องเอาไปให้คนขี้โกง เราไม่โอเคค่ะ
ยังไงขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบ เล่าซะยาวเลย ><