คิดว่า การลดดอกเบี้ยจะสามารถช่วยเศรษฐกิจที่มีปัญหาตอนนี้ได้มั้ย หรือเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน

กระทู้สนทนา
ส่วนตัวผมแปลกใจที่กนง.มีเลือกที่จะลดดอกเบี้ย
อันดับแรกที่ผมคิดคือ เฮ้ย นี่ธปท.เห็นเศรษฐกิจแย่มาก
ถึงขนาดต้องลดดอกทั้งที่ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มากนอกจาก sentiment เลยหรือ

ที่ผมมองว่า ไม่ได้ช่วยเพราะ มาตรการลดดอกเบี้ยจะใช้ได้ดีเมื่อต้องการกระตุ้นให้คน หรือเอกชนลงทุน
ด้วยเพราะเห็นว่า เก็บเงินไว้ในธ.ก็ได้ดอกเบี้ยน้อยเอาออกมาลงทุนดีกว่า
ไม่ก็เป็นการชวนให้มากู้เงินเพราะต้นทุนทางการเงินลดลง
เป็นมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่ปัญหาตอนนี้คือหนี้ภาคครัวเรือน เป็นปัญหาหลักของเศรษฐกิจตอนนี้
คือคนส่วนใหญ่กำลังซื้อลดลงทั้งจาก ค่าครองชีพสูงขึ้น ไม่มีเงินออม และก่อหนี้ไว้สูง
เพราะงั้นตัดด้านการลงทุน หรือการกู้จากกลุ่มนี้ได้
ส่วนภาคเอกชน (ที่ขายสินค้าและบริการให้คนข้างบน) ก็คงไม่กล้าลงทุนอะไรมาก เก็บคองอเข่าไว้ก่อนดีกว่า
จะมีส่วนดีก็คือต้นทุนทางการเงินน่าจะต่ำลง อันนี้ต้องไปดูโครงสร้างทางการเงินซึ่งแล้วแต่บ.ว่าเป็นไง
ส่วนภาคเอกชนที่รับงานภาครัฐอันนี้น่าจะได้ประโยชน์เพราะงานภาครัฐยังไงก็มี เพียงแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ รู้แต่ช้ามากอะ
ยังเกรงว่าสงสัยกว่าจะเริ่มอะไรจริงๆ Q3 ปลายๆ-Q4 เลยมั้ง จากตอนแรกคิดว่า Q4 ปีที่แล้วอะนะ

ส่วนตลาดหุ้นก็แค่รับข่าวบ้างนิดนึง แต่สุดท้ายก็คงเห็นว่าไม่มีประโยชน์มากเท่าไรก็เลยไม่ไปไหนไกล

ส่วนภาพใหญ่ถ้าไม่นับว่า แต่ละประเทศพาเหรดกันลดดอก
แล้วหันมาสนใจพี่เบิ้มอย่างสหรัฐที่เป็นผู้นำตลาดทุน ตลาดการเงิน
ก็เห็นได้ชัดว่า นโยบายดอกเบี้ยเริ่มจะกลับมาเป็นขาขึ้นแล้ว หรือไม่ยังไงก็ไม่เป็นขาลงอีกแล้ว

พอมมองแบบนี้แล้ว ผมว่า ธปท.คงเห็นอะไรที่แย่มากรออยู่ข้างหน้า
ถึงต้องทำอะไรซักอย่างดีกว่ายอมอยู่เฉยๆ แม้ว่าทำลงไปแล้วจะเหมือนยิงกระสุนทิ้งไปเปล่าๆก็ตาม

เมื่อ 1-2 ปีที่แล้วมั้ง ผมเห็นว่า งานจะมาเข้าที่ธปท.แน่ๆจากสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพราะตอนนั้นก็ดูจากหนี้ภาคครัวเรือน เล่นใช้กันมือเติบ
แถมภาครัฐก็ไม่สนับสนุนการออมเงิน
(เป็นงี้ทุกรัฐบาลหลัง subprime พอเพียงกันเอาหน้าแต่ไม่ปฏิบัติ
ถ้ารัฐสนับสนุนจริง คงไม่ได้มีหนี้ครัวเรือนสูงขนาดนี้หรอก
ไปทางไหนก็ได้ยิน ได้รู้เรื่องพอเพียง แต่ทำกันไม่เป็น หัดอายกันบ้างก็ดีนะ)
แล้วก็เนี่ยแหละพอหมดนโยบาน QE ของสหรัฐ ก็ตามด้วยขึ้นดอก
คือสหรัฐมันฟื้นแล้ว(แบบช้าๆ) มันไม่แคร์ใคร ไม่ต้องเอาเงินมาหว่านไปทั่วโลก สร้างเงินเฟ้อ สร้างความประมาทไปทั่วโลกอีกแล้ว
ถัดจากนี้ที่สหรัฐน่าจะทำคือแก้ปัญหาความเหลื้อมล้ำ ที่สหรัฐเองนะแหละทำเอาไว้ผ่าน QE
คือ คนรวย รวยมาจากตลาดการเงินซะเยอะ
ในขณะที่คนที่มีปัญหาก่อนหน้านี้ที่ยังอย่างแรงงาน หรือพนง.ทั่วๆไป กลับไม่ได้ประโยชน์ซักเท่าไร
ของราคาแพงขึ้น ที่ดินราคาสูงขึ้น แต่ก็ไม่มีกำลังซื้อหนักกว่าเดิม
กลุ่มนี้แหละที่สหรัฐต้องเข้ามาแก้ หรือพูดง่ายๆคือ แก้เงินเฟ้อจาก QE

ของบ้านเราก็มีทั้งเฟ้อและฝืด ลักษณะจะคล้ายกัน
เฟ้อจากค่าครองชีพสูง  บางคนบอกไม่เห็นเฟ้อเลย
ผมมองแค่นี้แหละ สินค้าปัจจัยสี่ ยกเว้นเสื้อผ้าแพงหมดจนคนระดับกลางอยู่ยาก นี่ก็ถือว่าเฟ้อแล้ว
ฝืดจากหนี้ครัวเรือนอยู่ระดับสูง ส่งผลล้อไปหาภาคเอกชนที่การเติบโตส่วนใหญ่ไม่ค่อยดีอย่างที่คาดกัน

ปัญหาคือเราจะแก้อันไหนก่อน
เราจะเอาแบบสหรัฐมั้ยคือแก้เงินฝืดก่อน อย่างสหรัฐออก QE จนแก้เงินฝืดด้วยเวินเฟ้อหลุดจากปัญหา subprime ได้
แล้วค่อยเริ่มแก้เงินฝืดตามมาเหมือนตอนนี้ที่เริ่มจะขึ้นดอกเบี้ย

หรือจะเอาแบบพี่จีน คือแก้เงินเฟ้อก่อนเหมือนมี 1-2 ปีก่อนที่อสังหาแรงเกินจนฟองสบู่จะแตกด้วยการชะลอภาคอสังหากลายเป็น soft landing
แล้วตอนนี้กำลังพยายามกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ด้วยการพยายามเพิ่มรายได้ของปชช.เหมือนตอนนี้

ซึ่งถ้าดูจากงานภาครัฐที่กำลังจะมา ผมว่า เราควแก้ฝืดก่อนแล้วค่อยแก้เฟ้อ ซึ่งสวนทางกับสหรัฐที่กำลังจะลดเงินเฟ้อมั้ง
เพราะงั้นปัจจัยสี่(ยกเว้นเสื้อผ้า)จะยังอยู่ระดับสูงและอาจจะขึ้นต่อ
แล้วจะแก้หนี้ครัวเรือนยังไงนะ เหนื่อยแทนธปท. เหอๆ

ปล.มโนล้วนๆ ขอบคุณที่อ่านจนจบ 555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่