US Box Office March 6-8, 2015

(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
กับการที่คอหนังต่างก็เมินทั้ง Chappie และ Unfinished Business ทำให้สุดสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมนี้กลายเป็นหนึ่งสัปดาห์หงอยๆ ของหนังทำเงิน แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีด้านดีให้เห็นกันบ้างเมื่อ The Second Best Exotic Marigold Hotel เปิดตัวได้อย่างแข็งแรงด้วยตัวเลข 8.5 ล้านเหรียญ ขณะที่ American Sniper ก็ทำเงินแซงหน้า The Hunger Games: Mockingjay Part 1 กลายเป็นหนังปี 2014 ทำรายได้สูงสุดไปแล้ว
เปิดตัวด้วยโรง 3,201 แห่ง Chappie ทำเงินมากที่สุดในสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ 13.3 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าหนัง 2 เรื่องก่อนของนีล บลอมแคมป์ District 9 กับ Elysium ที่เปิดตัว 37.4 และ 29.8 ล้านเหรียญตามลำดับ และยังเปิดตัวต่ำกว่า Jupiter Ascending ที่ทำไว้ 18.4 ล้านเหรียญเมื่อเดือนก่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยุติธรรมหากมองว่า Chappie น่าจะเปิดตัวพอๆ กับ Elysium เพราะหนังเรื่องหลังมีดาราระดับเกรดเออย่างแม็ทท์ เดมอนนำแสดง และยังมีแรงหนุนจากแผนการตลาดที่ทุ่มกว่า และน่าตื่นเต้นกว่า แต่กับรายได้เปิดตัวแค่นี้ ก็ถือว่าเป็นการออกตัวที่แย่มากๆ สำหรับหนังไซ-ไฟจากสตูดิโอใหญ่ และอะไรล่ะที่ผิดพลาด?
แผนการตลาดของ Chappie เน้นไปที่หนัง District 9 เป็นหลัก ซึ่งกับโฆษณาตัวล่าสุดนั้น ถึงกับเอาภาพจากหนังฮิตในปี 2009 มาใช้เลยด้วยซ้ำ โชคไม่ดีที่หนัง Elysium ดูจะใช้ประโยชน์จาก District 9 ไปจนหมดแล้ว อีกอย่างก็คือ การเปลี่ยนกลยุทธ์ในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ จากแทนที่จะเน้นไปที่การเป็นหนังที่ว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ ที่ดูสดกว่า กลับไปเน้นภาพการต่อสู้ระหว่างหุ่นยนต์ที่ทำให้หนังออกมาเป็น Robocop ฉบับแอฟริกาใต้
แถมหนังยังได้คำวิจารณ์ที่ไม่ดีนัก เพียงแค่ 30% บนเว็บมะเขือเน่า ซึ่งปิดประตูใส่ความเป็นไปได้ของคอหนังที่จะเข้ามาชมไปเลย โดยเป็นสถานการณ์คล้ายๆ กันกับที่ Jupiter Ascending เจอเมื่อเดือนก่อน สถานการณ์นี้ทำให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า เป็นเรื่องสำคัญมากๆ สำหรับหนังไซ-ไฟที่ไม่ใช่งานภาคต่อ ที่จะต้องทำให้คนดูรับรู้ถึงคุณภาพของหนัง เพื่อที่จะได้ตัวเลขเปิดตัวดีๆ สำหรับคะแนนจากซีนีมาสกอร์นั้นเป็น B ซึ่งบอกได้ว่าคนดูก็ไม่ชอบหนังเรื่องนี้คล้ายๆ กับนักวิจารณ์ และต่อให้ยืนระยะได้ดี แต่หนังคงต้องดิ้นสุดๆ เพื่อให้ได้เงินมากกว่า 35 ล้านเหรียญ
แต่มีเรื่องที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ นับรวมถึงตอนนี้ ในปีนี้มีหนังเรทอาร์ครองอันดับ 1 ถึง 7 จาก 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย American Sniper ติดอันดับ 1 อยู่ 3 ส้ปดาห์, Fifty Shades of Grey 2 สัปดาห์, Focus และ Chappie เท่ากันที่เรื่องละ 1 สัปดาห์
โดบ Focus หลังจากคว้าอันดับ 1 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ตกมาอยู่อันดับ 2 ทำเงินได้เพียง 10 ล้านเหรียญ น้อยกว่าสัปดาห์เปิดตัว 46% ซึ่งถือว่า OK สำหรับหนังที่เสียงบอกปากต่อปากแค่ใช้ได้ ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 34.6 ล้านเหรียญ และน่าจะไปจบที่ราวๆ 55 - 60 ล้านเหรียญ
เปิดฉายที่ 1,573 แห่ง The Second Best Exotic Marigold Hotel อยู่ในอันดับ 3 ด้วยรายได้เปิดตัว 8.5 ล้านเหรียญ โดยภาคแรกหนังเปิดตัว 6.4 ล้านเหรียญจากการฉายในวงกว้างเมื่อปี 2012 แต่หนังทั้ง 2เรื่องก็เปรียบกันไม่ได้ตรงๆ เพราะหนังภาคแรกมีรูปแบบการปล่อยฉายที่แตกต่าง และไม่เคยมีโรงให้ได้เล่นมากเท่านี้ในสัปดาห์เดียว รายได้เท่านี้ถือเป็นการออกตัวที่ดีสำหรับหรับหนังภาคต่อ และกับคะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์ และคนดูที่อายุมาก หนังน่าจะทำรายได้สุดท้ายราวๆ 30 ล้านเหรียญขึ้นไป
The Lazarus Effect รายได้ตก 50% ทำเงินมาอีก 5.1 ล้านเหรียญ ซึ่งจัดว่าเป็นการยืนระยะที่ดีสำหรับหนังแนวนี้ โดยปีก่อนหนัง Oculus รายได้ในสัปดาห์ที่ 2 ตกถึง 57% ตอนนี้ The Lazarus Effect ทำรายได้ไปแล้ว 17.4 ล้านเหรียญ
อันดับ 10 หนัง Unfinished Business เปิดตัวแบบฟุบๆ 4.77 ล้านเหรียญ ต่ำกว่ารายได้เปิดตัวของหนังวินซ์ วอห์นเรื่องก่อน Delivery Man ในปี 2013 ที่ถือว่าต่ำแล้วเมื่อทำเงินแค่ 7.9 ล้านเหรียญ ไม่น่าแปลกใจที่นี่จะกลายเป็นรายได้เปิดตัวต่ำสุดของหนังวินซ์ วอห์นที่เปิดฉายมากกว่าพันแห่ง โดยจุดสูงสุดทางอาชีพของหนังวินซ์ วอห์นน่าจะอยู่ในปี 2005 เมื่อ Wedding Crashers ทำเงินไปถึง 209.3 ล้านเหรียญ นับจากนั้นเขาเล่นหนังอีก 9 เรื่องที่เปิดตัวมากกว่า 2,500 โรง บางเรื่องก็ฮิตบางเรื่องก็เหี่ยว แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่ต่างกันก็คือ ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นงานที่ดี เมื่อไม่มีเรื่องไหนได้คะแนน “สด” จากเว็บมะเขือเน่าแม้แต่เรื่องเดียว โดยเรื่องที่ได้คะแนนสูงสุดก็แค่ 39% และค่าเฉลี่ยก็สยองมาก เพียง 24% เท่านั้น ชื่อของวอห์นถือว่าแข็งใช้ได้เพียวแค่ชั่วขณะหนึ่ง และท้ายที่สุดคุณภาพแย่ๆ อย่างต่อเนื่องก็ดึงเขาลงมา
แน่นอนว่า วอห์นไม่ใช่ปัญหาเดียวของ Unfinished Business เพราะหนังเองก็ดูไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย กับตัวอย่างก็พยายามอย่างหนักที่จะจัดฉากขำๆ มาจากมุขที่ไม่เอาอ่าว แล้วก็ได้คำวิจารณ์สุดสยองแค่ 13% จากเว็บมะเขือเน่า ก็ยิ่งพาหนังดิ่งลงไปอีก โดยคนดูนั้น 55% เป็นชาย และ 54% อายุมากกว่า 25 ปี ขณะที่ปากต่อปากอยู่ในระดับก้ำกึ่ง เมื่อได้แค่ B- จากซีนีมาสกอร์ หนังน่าจะหายจากโรงไปในสัปดาห์ที่สาม โดยรายได้ไม่น่าจะเกินสิบล้านด้วยซ้ำ
เมื่อวันอาทิตย์ American Sniper ทำรายได้รวมแซงหน้า The Hunger Games: Mockingjay Part 1 กลายเป้นหนังปี 2014 ทำเงินสูงสุด โดยหนังเปิดตัวเพียงแค่ 4 โรงในวีนคริสต์มาส ก่อนจะเปิดฉายวงกว้างในปีนี้ หนังยังกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 29 ด้วยรายได้ 337.1 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดตัวด้วยรายได้แถว 350 ล้านเหรียญ
ในตลาดต่างประเทศ เกิดเรื่องน่าประหลาดใจขึ้น เมื่อ Jupiter Ascending เปิดตัวในจีนถึง 23 ล้านเหรียญ ครองอันดับ 1 ในตลาดต่างประเทศสัปดาห์นี้ โดยรายได้ที่จีน ตลาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกของหนังมากกว่ารายได้สัปดาห์แรกที่อเมริกาเสียอีก ผ่าน 3 วัน หนังทำรายได้รวมในจีนมากกว่า รายได้ของหนังในอีก 3 ตลาดต่างประเทศรวมกันซะอีก โดยหนังทำรายได้ในตลาดต่างประเทศไปแล้ว 107 ล้านเหรียญ กับรายได้อีกประมาณราวๆ 30 ล้านขึ้นไปในจีน บวกกับการเปิดตัวในญี่ปุ่น หนังน่าจะทำรายได้นอกอเมริกาสัก 150 ล้านเหรียญ โดยที่ไม่ต้องไปคิดถึงรายได้ในอเมริกาที่ย่ำแย่และทุนสร้างมหาศาล หนังก็อยู่ในสภาพทำเงินได้แย่อยู่ดี
Big Hero 6 ได้เงินอีก 19.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 383.5 ล้านเหรียญ รายได้ส่วนใหญ่ในสัปดาห์นี้มาจากจีน ที่หนังทำเงินไป 15.9 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่สองของการฉาย และกลายเป็นหนังพิกซาร์/ดิสนีย์ทำเงินสูงสุดอันดับ 2 ที่นี่ โดยหน้าจะแซง Frozen ได้ในสัปดาห์หน้า สำหรับรายได้ทั่วโลกของ Big Hero 6 ตอนนี้อยู่ที่กว่า 600 ล้านเหรียญ ขณะที่มีแค่ 59 ตลาด ที่ฉาย Fifty Shades of Grey แต่หนังก็ทำเงินมาอีก 17.7 ล้านเหรียญ โดยยึดอันดับ 1 ในเยอรมันเอาไว้ได้เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน สำหรับตลาดใหญ่ๆ ของหนังอยู่ที่ อังกฤษ - 50.5 ล้านเหรียญ, เยอรมันนี - 37.6 ล้านเหรียญ และฝรั่งเศส - 30.1 ล้านเหรียญ หรายได้รวมทั่วโลกมากถึงกว่า 527 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดตัวเลขที่สัก 560 ล้านเป็นอย่างน้อย
หนัง Focus เปิดตัวอันดับ 1 ที่เม็กซิโก - 2.4 ล้านเหรียญ, อิตาลี - 2.2 ล้านเหรียญ และออสเตรเลีย - 2.1 ล้านเหรียญ แต่ทำได้ไม่ดีที่เยอรมันนี เมื่อเปิดตัวแค่พอใช้ 1.3 ล้านเหรียญ หนังทำรายได้รวมสัปดาห์นี้ที่ 17.7 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมทั้งหมดเป็น 37 ล้านเหรียญ สิ้นเดือนนี้หนังจะเปิดตัวที่บราซิล, ฝรั่งเศส และสเปน ส่วน Kingsman: The Secret Service ยังเก็บเงินไปเรื่อยๆ โดยเติมเงินมาอีก 17 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 150.3 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวอันดับ 2 ที่บราซิล - 1.6 ล้านเหรียญ และแซง X-Men: Days of Future Past ไปเป็นหนังฟ็อกซ์ ทำเงินมากสุดตลอดกาลอันดับ 2 ที่เกาหลีใต้แล้ว และจะเปิดตัวในเยอรมันนีสัปดาห์หน้า ก่อนจะปิดท้ายที่จีนตอนสิ้นเดือน
American Sniper ทำรายได้ 14.6 ล้านเหรียญสัปดาห์นี้ ทำให้ตัวเลขรวมเพิ่มเป็น 163 ล้านแล้ว เมื่อบวกกับรายได้ในอเมริกาหนังทำเงินมากกว่า 500 ล้านเหรียญทั่วโลกเรียบร้อย
Chappie เปิดตัวใน 53 ตลาดพร้อมกับอเมริกา และทำรายได้ไป 13.7 ล้านเหรียญ หนังเก็บเงินที่รัสเซีย 2.1 ล้านเหรียญ, ฝรั่งเศส 1.7 ล้านเหรียญ, 1.5 ล้านเหรียญจากอังกฤษ และไม่ถึงล้านในเยอรมันนี ซึ่งไม่มีตลาดไหนที่รายได้โดดเด่นเลย สำหรับตลาดหลักๆ ที่เหลือก็มีออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, เม็กซิโก, สปน ที่จะเปิดฉาในสัปดาห์หน้า และอิตาลี, บราซิล, ญี่ปุ่น ในสัปดาห์ต่อๆ ไป ส่วน Unfinished Business เปิดตัวใน 15 ประเทศ ทำรายได้ย่ำแย่มากๆ 2.6 ล้านเหรียญ โดยเปิดตัวอันดับดับ 8 - 1.4 ล้านหรียญที่อังกฤษ และไม่ถึงห้าแสนเหรียญที่ออสเตรเลีย และต่ำกว่าสามแสนอีกในรัสเซีย
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่
www.facebook.com/Sadaos
หนังทำเงินอเมริกาสัปดาห์นี้ Chappie คว้าแชมป์, หนัง Business ฟุบ และ Sniper กลายเป็นหนังปี 2014 ทำเงินสูงสุด
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
กับการที่คอหนังต่างก็เมินทั้ง Chappie และ Unfinished Business ทำให้สุดสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมนี้กลายเป็นหนึ่งสัปดาห์หงอยๆ ของหนังทำเงิน แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีด้านดีให้เห็นกันบ้างเมื่อ The Second Best Exotic Marigold Hotel เปิดตัวได้อย่างแข็งแรงด้วยตัวเลข 8.5 ล้านเหรียญ ขณะที่ American Sniper ก็ทำเงินแซงหน้า The Hunger Games: Mockingjay Part 1 กลายเป็นหนังปี 2014 ทำรายได้สูงสุดไปแล้ว
เปิดตัวด้วยโรง 3,201 แห่ง Chappie ทำเงินมากที่สุดในสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ 13.3 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าหนัง 2 เรื่องก่อนของนีล บลอมแคมป์ District 9 กับ Elysium ที่เปิดตัว 37.4 และ 29.8 ล้านเหรียญตามลำดับ และยังเปิดตัวต่ำกว่า Jupiter Ascending ที่ทำไว้ 18.4 ล้านเหรียญเมื่อเดือนก่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยุติธรรมหากมองว่า Chappie น่าจะเปิดตัวพอๆ กับ Elysium เพราะหนังเรื่องหลังมีดาราระดับเกรดเออย่างแม็ทท์ เดมอนนำแสดง และยังมีแรงหนุนจากแผนการตลาดที่ทุ่มกว่า และน่าตื่นเต้นกว่า แต่กับรายได้เปิดตัวแค่นี้ ก็ถือว่าเป็นการออกตัวที่แย่มากๆ สำหรับหนังไซ-ไฟจากสตูดิโอใหญ่ และอะไรล่ะที่ผิดพลาด?
แผนการตลาดของ Chappie เน้นไปที่หนัง District 9 เป็นหลัก ซึ่งกับโฆษณาตัวล่าสุดนั้น ถึงกับเอาภาพจากหนังฮิตในปี 2009 มาใช้เลยด้วยซ้ำ โชคไม่ดีที่หนัง Elysium ดูจะใช้ประโยชน์จาก District 9 ไปจนหมดแล้ว อีกอย่างก็คือ การเปลี่ยนกลยุทธ์ในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ จากแทนที่จะเน้นไปที่การเป็นหนังที่ว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ ที่ดูสดกว่า กลับไปเน้นภาพการต่อสู้ระหว่างหุ่นยนต์ที่ทำให้หนังออกมาเป็น Robocop ฉบับแอฟริกาใต้
แถมหนังยังได้คำวิจารณ์ที่ไม่ดีนัก เพียงแค่ 30% บนเว็บมะเขือเน่า ซึ่งปิดประตูใส่ความเป็นไปได้ของคอหนังที่จะเข้ามาชมไปเลย โดยเป็นสถานการณ์คล้ายๆ กันกับที่ Jupiter Ascending เจอเมื่อเดือนก่อน สถานการณ์นี้ทำให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า เป็นเรื่องสำคัญมากๆ สำหรับหนังไซ-ไฟที่ไม่ใช่งานภาคต่อ ที่จะต้องทำให้คนดูรับรู้ถึงคุณภาพของหนัง เพื่อที่จะได้ตัวเลขเปิดตัวดีๆ สำหรับคะแนนจากซีนีมาสกอร์นั้นเป็น B ซึ่งบอกได้ว่าคนดูก็ไม่ชอบหนังเรื่องนี้คล้ายๆ กับนักวิจารณ์ และต่อให้ยืนระยะได้ดี แต่หนังคงต้องดิ้นสุดๆ เพื่อให้ได้เงินมากกว่า 35 ล้านเหรียญ
แต่มีเรื่องที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ นับรวมถึงตอนนี้ ในปีนี้มีหนังเรทอาร์ครองอันดับ 1 ถึง 7 จาก 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย American Sniper ติดอันดับ 1 อยู่ 3 ส้ปดาห์, Fifty Shades of Grey 2 สัปดาห์, Focus และ Chappie เท่ากันที่เรื่องละ 1 สัปดาห์
โดบ Focus หลังจากคว้าอันดับ 1 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ตกมาอยู่อันดับ 2 ทำเงินได้เพียง 10 ล้านเหรียญ น้อยกว่าสัปดาห์เปิดตัว 46% ซึ่งถือว่า OK สำหรับหนังที่เสียงบอกปากต่อปากแค่ใช้ได้ ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 34.6 ล้านเหรียญ และน่าจะไปจบที่ราวๆ 55 - 60 ล้านเหรียญ
เปิดฉายที่ 1,573 แห่ง The Second Best Exotic Marigold Hotel อยู่ในอันดับ 3 ด้วยรายได้เปิดตัว 8.5 ล้านเหรียญ โดยภาคแรกหนังเปิดตัว 6.4 ล้านเหรียญจากการฉายในวงกว้างเมื่อปี 2012 แต่หนังทั้ง 2เรื่องก็เปรียบกันไม่ได้ตรงๆ เพราะหนังภาคแรกมีรูปแบบการปล่อยฉายที่แตกต่าง และไม่เคยมีโรงให้ได้เล่นมากเท่านี้ในสัปดาห์เดียว รายได้เท่านี้ถือเป็นการออกตัวที่ดีสำหรับหรับหนังภาคต่อ และกับคะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์ และคนดูที่อายุมาก หนังน่าจะทำรายได้สุดท้ายราวๆ 30 ล้านเหรียญขึ้นไป
The Lazarus Effect รายได้ตก 50% ทำเงินมาอีก 5.1 ล้านเหรียญ ซึ่งจัดว่าเป็นการยืนระยะที่ดีสำหรับหนังแนวนี้ โดยปีก่อนหนัง Oculus รายได้ในสัปดาห์ที่ 2 ตกถึง 57% ตอนนี้ The Lazarus Effect ทำรายได้ไปแล้ว 17.4 ล้านเหรียญ
อันดับ 10 หนัง Unfinished Business เปิดตัวแบบฟุบๆ 4.77 ล้านเหรียญ ต่ำกว่ารายได้เปิดตัวของหนังวินซ์ วอห์นเรื่องก่อน Delivery Man ในปี 2013 ที่ถือว่าต่ำแล้วเมื่อทำเงินแค่ 7.9 ล้านเหรียญ ไม่น่าแปลกใจที่นี่จะกลายเป็นรายได้เปิดตัวต่ำสุดของหนังวินซ์ วอห์นที่เปิดฉายมากกว่าพันแห่ง โดยจุดสูงสุดทางอาชีพของหนังวินซ์ วอห์นน่าจะอยู่ในปี 2005 เมื่อ Wedding Crashers ทำเงินไปถึง 209.3 ล้านเหรียญ นับจากนั้นเขาเล่นหนังอีก 9 เรื่องที่เปิดตัวมากกว่า 2,500 โรง บางเรื่องก็ฮิตบางเรื่องก็เหี่ยว แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่ต่างกันก็คือ ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นงานที่ดี เมื่อไม่มีเรื่องไหนได้คะแนน “สด” จากเว็บมะเขือเน่าแม้แต่เรื่องเดียว โดยเรื่องที่ได้คะแนนสูงสุดก็แค่ 39% และค่าเฉลี่ยก็สยองมาก เพียง 24% เท่านั้น ชื่อของวอห์นถือว่าแข็งใช้ได้เพียวแค่ชั่วขณะหนึ่ง และท้ายที่สุดคุณภาพแย่ๆ อย่างต่อเนื่องก็ดึงเขาลงมา
แน่นอนว่า วอห์นไม่ใช่ปัญหาเดียวของ Unfinished Business เพราะหนังเองก็ดูไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย กับตัวอย่างก็พยายามอย่างหนักที่จะจัดฉากขำๆ มาจากมุขที่ไม่เอาอ่าว แล้วก็ได้คำวิจารณ์สุดสยองแค่ 13% จากเว็บมะเขือเน่า ก็ยิ่งพาหนังดิ่งลงไปอีก โดยคนดูนั้น 55% เป็นชาย และ 54% อายุมากกว่า 25 ปี ขณะที่ปากต่อปากอยู่ในระดับก้ำกึ่ง เมื่อได้แค่ B- จากซีนีมาสกอร์ หนังน่าจะหายจากโรงไปในสัปดาห์ที่สาม โดยรายได้ไม่น่าจะเกินสิบล้านด้วยซ้ำ
เมื่อวันอาทิตย์ American Sniper ทำรายได้รวมแซงหน้า The Hunger Games: Mockingjay Part 1 กลายเป้นหนังปี 2014 ทำเงินสูงสุด โดยหนังเปิดตัวเพียงแค่ 4 โรงในวีนคริสต์มาส ก่อนจะเปิดฉายวงกว้างในปีนี้ หนังยังกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 29 ด้วยรายได้ 337.1 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดตัวด้วยรายได้แถว 350 ล้านเหรียญ
ในตลาดต่างประเทศ เกิดเรื่องน่าประหลาดใจขึ้น เมื่อ Jupiter Ascending เปิดตัวในจีนถึง 23 ล้านเหรียญ ครองอันดับ 1 ในตลาดต่างประเทศสัปดาห์นี้ โดยรายได้ที่จีน ตลาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกของหนังมากกว่ารายได้สัปดาห์แรกที่อเมริกาเสียอีก ผ่าน 3 วัน หนังทำรายได้รวมในจีนมากกว่า รายได้ของหนังในอีก 3 ตลาดต่างประเทศรวมกันซะอีก โดยหนังทำรายได้ในตลาดต่างประเทศไปแล้ว 107 ล้านเหรียญ กับรายได้อีกประมาณราวๆ 30 ล้านขึ้นไปในจีน บวกกับการเปิดตัวในญี่ปุ่น หนังน่าจะทำรายได้นอกอเมริกาสัก 150 ล้านเหรียญ โดยที่ไม่ต้องไปคิดถึงรายได้ในอเมริกาที่ย่ำแย่และทุนสร้างมหาศาล หนังก็อยู่ในสภาพทำเงินได้แย่อยู่ดี
Big Hero 6 ได้เงินอีก 19.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 383.5 ล้านเหรียญ รายได้ส่วนใหญ่ในสัปดาห์นี้มาจากจีน ที่หนังทำเงินไป 15.9 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่สองของการฉาย และกลายเป็นหนังพิกซาร์/ดิสนีย์ทำเงินสูงสุดอันดับ 2 ที่นี่ โดยหน้าจะแซง Frozen ได้ในสัปดาห์หน้า สำหรับรายได้ทั่วโลกของ Big Hero 6 ตอนนี้อยู่ที่กว่า 600 ล้านเหรียญ ขณะที่มีแค่ 59 ตลาด ที่ฉาย Fifty Shades of Grey แต่หนังก็ทำเงินมาอีก 17.7 ล้านเหรียญ โดยยึดอันดับ 1 ในเยอรมันเอาไว้ได้เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน สำหรับตลาดใหญ่ๆ ของหนังอยู่ที่ อังกฤษ - 50.5 ล้านเหรียญ, เยอรมันนี - 37.6 ล้านเหรียญ และฝรั่งเศส - 30.1 ล้านเหรียญ หรายได้รวมทั่วโลกมากถึงกว่า 527 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดตัวเลขที่สัก 560 ล้านเป็นอย่างน้อย
หนัง Focus เปิดตัวอันดับ 1 ที่เม็กซิโก - 2.4 ล้านเหรียญ, อิตาลี - 2.2 ล้านเหรียญ และออสเตรเลีย - 2.1 ล้านเหรียญ แต่ทำได้ไม่ดีที่เยอรมันนี เมื่อเปิดตัวแค่พอใช้ 1.3 ล้านเหรียญ หนังทำรายได้รวมสัปดาห์นี้ที่ 17.7 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมทั้งหมดเป็น 37 ล้านเหรียญ สิ้นเดือนนี้หนังจะเปิดตัวที่บราซิล, ฝรั่งเศส และสเปน ส่วน Kingsman: The Secret Service ยังเก็บเงินไปเรื่อยๆ โดยเติมเงินมาอีก 17 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 150.3 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวอันดับ 2 ที่บราซิล - 1.6 ล้านเหรียญ และแซง X-Men: Days of Future Past ไปเป็นหนังฟ็อกซ์ ทำเงินมากสุดตลอดกาลอันดับ 2 ที่เกาหลีใต้แล้ว และจะเปิดตัวในเยอรมันนีสัปดาห์หน้า ก่อนจะปิดท้ายที่จีนตอนสิ้นเดือน
American Sniper ทำรายได้ 14.6 ล้านเหรียญสัปดาห์นี้ ทำให้ตัวเลขรวมเพิ่มเป็น 163 ล้านแล้ว เมื่อบวกกับรายได้ในอเมริกาหนังทำเงินมากกว่า 500 ล้านเหรียญทั่วโลกเรียบร้อย
Chappie เปิดตัวใน 53 ตลาดพร้อมกับอเมริกา และทำรายได้ไป 13.7 ล้านเหรียญ หนังเก็บเงินที่รัสเซีย 2.1 ล้านเหรียญ, ฝรั่งเศส 1.7 ล้านเหรียญ, 1.5 ล้านเหรียญจากอังกฤษ และไม่ถึงล้านในเยอรมันนี ซึ่งไม่มีตลาดไหนที่รายได้โดดเด่นเลย สำหรับตลาดหลักๆ ที่เหลือก็มีออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, เม็กซิโก, สปน ที่จะเปิดฉาในสัปดาห์หน้า และอิตาลี, บราซิล, ญี่ปุ่น ในสัปดาห์ต่อๆ ไป ส่วน Unfinished Business เปิดตัวใน 15 ประเทศ ทำรายได้ย่ำแย่มากๆ 2.6 ล้านเหรียญ โดยเปิดตัวอันดับดับ 8 - 1.4 ล้านหรียญที่อังกฤษ และไม่ถึงห้าแสนเหรียญที่ออสเตรเลีย และต่ำกว่าสามแสนอีกในรัสเซีย
สามารถกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์ ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos