ตกถึงจุดที่ต่ำที่สุดของชีวิต.. ขอแชร์เรื่องแย่ๆที่เจอมาค่ะ

ขอเกริ่นย้อนความนิดนึง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจความเป็นมาของปัจจุบันนะคะ

เมื่อสามปีก่อน ปี54เราสอบติดม.ดังแถวๆรังสิต เรียน1ปีแล้วลาออก คือค่อนข้างไม่ชอบและบางวิชายาก(เราไม่ถนัดแบบสุดโต่ง) รวมทั้งค่าเทอมแพงมาก-บ้านเราฐานะไม่ดี ไม่ดีไม่พอน่ะติดหนี้ด้วย เรากู้กยศ.แล้วก็ยังต้องจ่ายส่วนต่างเยอะ ค่าโน้นนี่นั้นอีกเยอะแยะมากมาย เราทบทวนหลายตลบ คิดว่าไม่น่ารอด.. รอบแอดมิชชั่นปี55เรายื่นไม่ทันเพราะตัดสินใจช้า/ลังเล เราเลยคิดจะสอบใหม่ปีหน้า.. ปีนั้นเลยเริ่มทำงานแล้วก็ไปสมัครเรียนม.เปิด เลือกคณะที่คิดว่าถนัดที่สุด สอบเกรดออกมาใช้ได้ทั้งๆที่ไม่ได้เข้าเรียนเลย พอถีงคราวยื่นแอดมิชชั่นปี56 เราก้อยื่นม.เดิม เลือก2อันดับ คณะเดียวกันคนละศูนย์ ติดอีกศูนย์นึงอยู่ตจว. พอปรึกษากับที่บ้าน ผลคือไม่มีใครอนุญาตให้ไปเรียนเลย ไกล อีกทั้งการเงินที่บ้านไม่สามารถออกค่าใช้จ่ายให้ได้ ถ้าดื้อจะไปเรียนจริงๆคงต้องหายืมจากญาติๆ แต่ที่ทำให้เราตัดใจจากการเรียนเลยคือ แม่พูดว่า 'จะเรียน? จะไหวจริงหรอ? เดี๋ยวก็อีหรอบเดิม.. เนี้ยถ้าไม่รั้นจะเรียนน่ะ ตอนนี้กูคงมีเงินเก็บหลายแสนแล้ว' เรารู้สึกผิดและจิตตกแบบขั้นสุด เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากกก ดาร์กมากกก เลยตกลงไม่ไปเรียน เรียนม.เปิดให้จบแล้วหางานทำ..

ตอนนี้เรียนอยู่ปี3ของม.เปิดค่ะ อีกเทอมเดียวน่าจะจบได้ ทำงานด้วยตลอด3ปีที่ผ่านมา ทั้งเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าในห้าง เป็นแคชเชียร์ร้านหนังสือ รับงานพาร์ทไทม์พี่เลี้ยงเด็ก และก็ขายของมือสองออนไลน์ พูดเลยว่าชีวิตไม่ง่าย ชีวิตยากมาก ร้องไห้ตลอดๆเป็นระยะๆ ช่วงไหนเหนื่อยๆท้อๆนี่ทรมานมาก ร้องหนักหน่วง

วันนี้เจอเหตุการณ์สะเทือนใจอีกรอบนึง..
คือเราจะย้ายหอพัก แล้วบังเอิญเพื่อนแม่มีหอพักโซนที่เราอยากได้พอดี เลยตกลงจะไปอยู่ที่นั่น..
เดินผ่านไปได้ยินแม่คุยกับพ่อว่า.. 'เนี้ยถ้าเขาถามก็บอกไปน่ะว่าที่โน้นน่ะมันเรียนจบแล้ว เลยมาเรียน..อีกใบนึง แบบเรียนควบ ได้สองใบ' ..... 'อย่าให้เขารู้น่ะว่ามันเรียนไม่จบ อายคนเขา'
...ร้องไห้เลย ร้องไห้ยาวๆ เรียกสติกลับมาไม่ได้ ได้ยินแต่เสียงตัวเองร้องไห้ นานมากกว่าจะหยุด รู้ตัวอีกทีไม่มีน้ำตาให้ไหลแล้ว ..คือ.. เราก็ไม่ได้อยากเป็นคนที่ล้มเหลวในการเรียนหรอกน่ะ.. เราไม่ได้อยากเลิกเรียนหรอกน่ะ แต่เราว่าตอนนั้นมันรั้นไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ ทั้งตัวเราเอง ทั้งเรื่องเงิน..

ตอนนี้เพื่อนๆ ทยอยถ่ายรูปชุดครุยกันแล้ว บางคนก็จบแล้ว บางคนรับปรญ.แล้ว บางคนเริ่มทำงานแล้ว เราก็รู้สึกแย่น่ะ แย่มากถึงมากที่สุด รู้สึกอิจฉา อิจฉา แล้วก็สมเพชตัวเอง.. เราจะไม่ยอมแพ้ เราบอกตัวเองตลอด แต่มันอดไม่ได้ทุกทีที่เปิดเฟซบุ๊ค.. ทุกคนอัพเดตชีวิตดีดีมาอวดกัน เพื่อนคนนึงเรียนประถมมาด้วยกัน แม่เป็นเพื่อนกัน.. คนนั้นเค้าจบพยาบาลม.เอกชนที่ดาราเรียนเยอะๆ แล้วกำลังจะเริ่มทำงาน แม่เราเห็นรูปที่ถ่ายชุดครุยของเพื่อนคนนั้น ชมใหญ่เลย.. ...สวยเนอะ ดูซิ หน้าสวยมากๆ จบพยาบาลด้วย อนาคตสบาย.. เอิ่มมม มันก็จริงอย่างที่แม่พูดนั้นล่ะ แต่เรารู้สึกแย่ ทำไมได้ยินแม่ชมคนอื่นแล้วเราพะอืดพะอม จากนั้นเราก็แทบไม่เล่นเฟซบุ๊คเลย ถือคติ ไม่เห็นไม่รับรู้ดีกว่า..สบายใจกว่า.. ปิดหูปิดตาตัวเองไปวันๆ

เราแค่เหนื่อย เราแค่อยากหาที่ระบาย แค่นั้น
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
เราสบายใจล่ะที่อย่างน้อยก็ได้ออกมาเล่าเรื่องของตัวเอง อยากให้คนอื่นๆได้รับรู้
เผื่อใครได้อ่านแล้ว รู้สึกว่าตัวเองโชคดี อย่างน้อยก็โชคดีกว่าเรา จะได้มีกำลังใจฮึดสู้ไปด้วยกัน ยิ้ม

ชีวิตเรามีเป้าหมายน่ะ ว่าจะไปทางไหนต่อ ไม่ได้ละทิ้งความฝันซะทีเดียว ถึงแม้มันจะต่างจากที่คิดเอาไว้บ้าง
แต่ก็ต้องดิ้นรนกันต่อไป เนอะ

*ขอแก้เลขปีแอดมิชชั่นค่ะ*
06.มีนา.2015
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่