ยื่นวีซ่าอังกฤษที่ตึก Trendy เมื่อเดือนกุมภา วันนี้ได้วีซ่าแล้วค่ะ

กระทู้สนทนา
ปีนี้เราต้องไปยื่นวีซ่าที่ตึก Trendy ชั้นที่ 28  แทนที่จะไปอาคารรีเจนท์ ราชดำริเหมือนปีกลาย
นั่งรถตู้จากจันทบุรีเที่ยวแปดโมงครึ่ง   ถึงกรุงเทพฯ ก็เฉียด ๆบ่ายโมงแล้วค่ะ
เวลานัดคือบ่ายโมง 10 นาที...พอลงรถที่ซอยรางน้ำเสร็จ ก็แทบวิ่งเลยค่ะ  วิ่งไปสถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ที่อยู่ใกล้ๆกันแหละ
บ่ายโมงตรงเผงแล้ว  เรายังยืนรอรถไฟฟ้าอยู่เลย หิวก็หิว  
ลงที่สถานีนานา  แล้วก็เดินมาสุขุมวิทซอย 13  เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นตึก Trendy ตั้งตระหง่านอยู่ซ้ายมือ
โอย...เครียดเล็กน้อยค่ะ  ที่จะต้องเหาะขึ้นไปถึงชั้น 28   555555
พอเดินดุ่ยๆ เข้าไป  ก็เจอเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์เล็กๆ  คอยถามว่ามายื่นวีซ่าใช่ไหม  ประเทศอะไรคะ
คงเห็นเราถือแฟ้มเอกสารหนาปึ้กแน่ๆ เลย  อิ..อิ
เธอขอดูใบนัด   แล้วก็เช็คว่าแม่นางคนนี้มาแล้ว  ประมาณนั้น...พลางบอกให้เราเดินไปขึ้นลิฟต์ที่ด้านหลัง ชั้นที่ 28 นะคะ..
เอิ่ม...ค่าาาา  

รอสักพักก็ได้เข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์สมใจ  มีเพื่อนขึ้นไปด้วยมากมาย เหอๆๆๆ  
ยืนหวิวๆ อยู่ในลิฟต์สักพัก ก็ถึงแระ ชั้นที่ 28 (ใจก็คิดนะ ว่าถ้าเกิดซวย ลิฟต์ตก คงไม่รอดแน่  แต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนเยอะ)
ยืนงงๆ เล็กน้อย  ประมาณว่า จะไปทางไหนดีเนี่ย..  ก็มีเจ้าหน้าที่มาถาม วีซ่าอังกฤษ หรือแคนาดาครับ  ว่าแล้วก็ชี้บอกว่าวีซ่าอังกฤษมาทางนี้
ยื่นใบนัด  รับบัตรคิว  ผ่านด่านสแกน   แล้วก็เข้าไปในห้องเลยค่ะ
โห...มีช่องยื่นตั้ง 22 ช่อง ถ้าจำไม่ผิดนะ    เยอะดี   เรามานั่งรอ  ดูหมายเลขหน้าจอ  คอยฟังเสียงประกาศเรียก สักพักก็ถึงคิว
เรามายื่นวีซ่าอังกฤษเป็นครั้งที่ห้าแล้ว  จำหน้าเจ้าหน้าที่ของ VFS ได้บางคน   คราวนี้คุณเธอพยายามนำเสนอจะให้เรายื่นแบบเร่งด่วน
ที่ต้องเสียค่าบริการตั้ง 5,000   ใช้เวลาพิจารณาแค่ 3 วัน    แต่เราไม่เอาค่ะ  เพราะไม่ได้รีบขนาดนั้น  แบบว่าศรีรอด้ายยย...อิ อิ

เรายื่นวีซ่าท่องเที่ยวเหมือนทุกปี  เพราะมันง่ายดี ไม่วุ่นวายมาก
ทั้งที่จริงๆ แล้วเราเพิ่งแต่งงานกับคุณแฟนเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง  แต่ว่ายังไม่ได้จดทะเบียนสมรส    เลยไม่อยากยุ่งยากเวลาเตรียมเอกสาร
กลัวสถานฑูตจะคิดว่าเราอยากไปอยู่ที่โน่นกับคุณสามีแล้วไม่ยอมกลับไทย    ยังไงก็ต้องกลับค่ะ เพราะว่ารับราชการ 555
คราวนี้ก็ขอไปเดือนนึงตามเดิม   ไม่ได้แนบ statement  ของคุณสามีด้วยนะ  มีแต่ statement ของตัวเอง เพราะคิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว
อีกอย่างก็มีจดหมายรับรองจากที่ทำงาน  จดหมายลางาน   หนังสือเชิญจากคุณสามี  โปรแกรมเที่ยวตลอด 1 เดือน  จดหมายแนะนำตัว  แล้วก็รูปถ่าย  
อีเมล์  การ์ดวันสำคัญๆ    รูปถ่ายนี่ทำเป็นชุดๆ ไว้เลย  ชุดละ 8-10 รูป ไล่มาตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปี 2014   ทั้งที่คุณสามีมาเที่ยวไทย และตอนที่เราไปแคว้นเวลส์   โอ๊ย...เยอะแยะตาแป๊ะไก่  5555    ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเตรียมราวๆ หนึ่งสัปดาห์เองค่ะ  

เราขอใช้บริการส่งทางไปรษณีย์   เพราะยังไงก็สะดวกและประหยัดกว่าที่จะเดินทางมารับเล่มเองที่กรุงเทพฯ
เจ้าหน้าที่ให้เรานั่งรอสักพัก ราวๆ 20 นาที ก็เรียกให้ไปเซ็นชื่อ  ตรวจดูรายการอีกที  แล้วก็หอบกระเป๋าเอกสารสีดำมานั่งรอหน้าห้องสแกน
แป๊บเดียวเองค่ะ ก็เรียกให้เข้าไปในห้อง  ทำการเก็บข้อมูล Biometric คือสแกนลายนิ้วมือ  สแกนม่านตา   เราเจอเจ้าหน้าที่คนเดิมที่ออกเป็นทอมๆ
จำได้นะเนี่ย   ปีที่แล้วก็เป็นคนสแกนให้เรา  5555   เสร็จแล้วเธอก็บอกว่า กลับบ้านได้เลยค่ะ !   โอ้...เร็วมาก
สรุปว่าใช้เวลาอยู่ในตึก Trendy ประมาณ 1 ชั่วโมง  
ลงจากลิฟต์มาชั้นล่างได้นี่  ถอนหายใจโล่งอกสุดๆ ไปเลย...
แล้วก็เดินท้องร้องโครกครากมาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีนานา     ตรงไปเอกมัยเลยค่ะ
ไม่ไปแล้วอนุสาวรีย์  ไม่นั่งแล้วรถตู้    นั่งรถทัวร์ที่เอกมัยกลับดีกว่า   รอดตายจากรถตู้มาได้ก็บุญแล้ว
จะถึงจันท์เมื่อไหร่ก็ช่างมัน  5555
แบบว่า..นั่งรถตู้นี่ มันลุ้นระทึกสิ้นดี    ขับเร็วจนไม่กล้าหลับ   เพราะกลัวว่าตื่นมาแล้วจะเป็นชาติหน้า ไม่ใช่ชาตินี้
ยิ่งตอนที่สัปหงก แล้วตกใจตื่นนี่ใจหายแว้บทุกทีค่ะ..

..สรุปว่าถึงบ้านโดยปลอดภัยโดยรถทัวร์กรุงเทพฯ - จันทบุรี
ณ วันนี้ วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม  ก็ได้รับเล่มส่งมาทางไปรษณีย์เรียบร้อย   วีซ่าผ่านแล้วค่ะ   ดีใจ 5555
ทีนี้ก็ออกตั๋วได้แล้ว     จะเดินทางวันที่ 2 เมษายนนี้   มีใครไปอังกฤษวันเดียวกันบ้างคะ  
ขอให้โชคดี วีซ่าผ่านกันทุกคนนะคะ...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่