เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาเปิดดูแอบรักออนไลท์ย้อนหลัง เปิดๆมาก็เจอคำคมประโยคหนึ่งของพริบพราวช่างใกล้เคียงกับความรู้สึกของผมไปเสียมากมาย
ผมหยุดคิดทบทวนอะไรก็ตามที่ผมกำลังทำอยู่
"เคยได้ยินไหม นักจิตวิทยาบอกว่า คนที่เคยเป็นแฟนกันแล้วก็มาเป็นเพื่อนกัน มันมีอยู่ 2เหตุผล"
1.ก็คือเขาไม่เคยรักกัน 2.เขายังรักกันอยู่
***********************************************************************************
และสำหรับผม มันคือข้อ2 ผมยังคงรักแฟนเก่าผมมาก มากจนไม่สามารถเดินหายไปจากชีวิตเขาได้
เขาเองก็เช่นกัน แต่...ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเราไม่ควรเป็นแฟน หรือ มันยังจะมีโอกาส
ทำไมผมที่ผ่านปัญามาหลายๆเรื่องกับยอมแพ้เรื่องนี้ ผมไม่สามารถจับมือเขาแก้ปัญหานี้ได้ ถ้ามันต้องทำให้ใครต้องเจ็บ
โดยเฉพาะถ้าคนที่เจ็บเป็นครอบครัวอันเป็นที่รักของเขา เป็นคนที่สมควรอยู่ข้างๆเขาไปตลอดชีวิต
(คนอื่นที่พึ่งตามเรื่องของผม อาจดูผมอ่อนแอนะครับ แต่เปล่าเลย ผมว่าผมพยายามเข็มแข็งและมีสติมากๆ และเลือกทางออกที่ดีทีสุดให้เราสองคน)
ในสื่อทีวี วิทยุ เขาก็มักจะบอกกันว่า ถ้าคนสองคนรักกันจริงๆ จะไม่ปล่อยมือกัน จะแก้ปัญาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะปัญหาหารไม่ยอมรับของเพศที่3
ให้พยายามและสักวันนึง คนรอบๆตัวเราจะยอมรับและรักเราในทีสุด
หลักการสอนแบบนี้อาจใช้ได้กับหลายๆคนที่เกิดมาเป็นเกย์ในหลายรูปแบบแต่สำหรับผม ผมทำมาแล้วครับ11ปีมันมากพอที่ผมจะพยายาม
ผมไม่มีแรงจะพิสูตรตัวเองอีกแล้ว ผมไม่สามารถสู้กับอะไรที่ผมมองไม่เห็น และ ไม่สามารถเสี่ยงต่ออนาคตแฟนเก่าผมได้
ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นไป หรือ ชีวิตเขาแย่ลง ผมคงรู้สึกเสียใจไปจนตาย
การจากกันโดยยังมีชีวิตอยู่ มันดีที่สุดแล้ว เรายังได้รับรู้ลมหายใจไกลๆของกันและกัน
เรายังได้รับรู้ว่าเขายังสบายดีไหม และ ที่สำคัญเรายังได้เจอกัน
************************************************************
และวันนึงถ้าเราสองคนพร้อม กำแพงของเราที่ก่อขึ้นมาคงลดลงจนสามารถเปิดออก เพื่อยอมรับใครสักคนที่จะก้าวเข้ามาในชีวิต
เพื่อเติมเต็ม แต่ไม่ใช้การมาทดแทน
เรื่องราวของผมมันมาไกลแสนไกล ถึงสุดท้ายจะเป็นคำว่าจบลงอย่างสมบูรณ์ แต่ผมดีใจเสมอที่11ปีของผม
ผมได้พบเจอ ในคำว่าเพื่อนแท้
"แอบรักออนไลท์"ตอนจบ คำคมมันสะกิดใจ และ ทำให้ผมคิดอะไรได้อีกครั้ง (ยิ้มไปกับประโยคนี้จริงๆ)
ผมหยุดคิดทบทวนอะไรก็ตามที่ผมกำลังทำอยู่
"เคยได้ยินไหม นักจิตวิทยาบอกว่า คนที่เคยเป็นแฟนกันแล้วก็มาเป็นเพื่อนกัน มันมีอยู่ 2เหตุผล"
1.ก็คือเขาไม่เคยรักกัน 2.เขายังรักกันอยู่
***********************************************************************************
และสำหรับผม มันคือข้อ2 ผมยังคงรักแฟนเก่าผมมาก มากจนไม่สามารถเดินหายไปจากชีวิตเขาได้
เขาเองก็เช่นกัน แต่...ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเราไม่ควรเป็นแฟน หรือ มันยังจะมีโอกาส
ทำไมผมที่ผ่านปัญามาหลายๆเรื่องกับยอมแพ้เรื่องนี้ ผมไม่สามารถจับมือเขาแก้ปัญหานี้ได้ ถ้ามันต้องทำให้ใครต้องเจ็บ
โดยเฉพาะถ้าคนที่เจ็บเป็นครอบครัวอันเป็นที่รักของเขา เป็นคนที่สมควรอยู่ข้างๆเขาไปตลอดชีวิต
(คนอื่นที่พึ่งตามเรื่องของผม อาจดูผมอ่อนแอนะครับ แต่เปล่าเลย ผมว่าผมพยายามเข็มแข็งและมีสติมากๆ และเลือกทางออกที่ดีทีสุดให้เราสองคน)
ในสื่อทีวี วิทยุ เขาก็มักจะบอกกันว่า ถ้าคนสองคนรักกันจริงๆ จะไม่ปล่อยมือกัน จะแก้ปัญาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะปัญหาหารไม่ยอมรับของเพศที่3
ให้พยายามและสักวันนึง คนรอบๆตัวเราจะยอมรับและรักเราในทีสุด
หลักการสอนแบบนี้อาจใช้ได้กับหลายๆคนที่เกิดมาเป็นเกย์ในหลายรูปแบบแต่สำหรับผม ผมทำมาแล้วครับ11ปีมันมากพอที่ผมจะพยายาม
ผมไม่มีแรงจะพิสูตรตัวเองอีกแล้ว ผมไม่สามารถสู้กับอะไรที่ผมมองไม่เห็น และ ไม่สามารถเสี่ยงต่ออนาคตแฟนเก่าผมได้
ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นไป หรือ ชีวิตเขาแย่ลง ผมคงรู้สึกเสียใจไปจนตาย
การจากกันโดยยังมีชีวิตอยู่ มันดีที่สุดแล้ว เรายังได้รับรู้ลมหายใจไกลๆของกันและกัน
เรายังได้รับรู้ว่าเขายังสบายดีไหม และ ที่สำคัญเรายังได้เจอกัน
************************************************************
และวันนึงถ้าเราสองคนพร้อม กำแพงของเราที่ก่อขึ้นมาคงลดลงจนสามารถเปิดออก เพื่อยอมรับใครสักคนที่จะก้าวเข้ามาในชีวิต
เพื่อเติมเต็ม แต่ไม่ใช้การมาทดแทน
เรื่องราวของผมมันมาไกลแสนไกล ถึงสุดท้ายจะเป็นคำว่าจบลงอย่างสมบูรณ์ แต่ผมดีใจเสมอที่11ปีของผม
ผมได้พบเจอ ในคำว่าเพื่อนแท้