ยะทิทัง. ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ.
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา.
คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่, นับเรียงตัวบุรุษ ได้ ๘ บุรุษ.
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ. นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
อาหุเนยโย. เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา.
ปาหุเนยโย. เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ.
ทักขิเนยโย เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน.
อัญชะลีกะระณีโย. เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไป ควรทำอัญชลี.
..............................................................................
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
คือโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล
สกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล
อนาคามีมรรค อนาคามีผล
อรหัตมรรค อรหัตผล
นี่คือ 4 คู่ 8 บุรุษผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นเนื้อนาบุญ เป็นสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า....
ผมเห็นว่า ไม่สมควรจะไปด่าพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ครับ....
.............................................................................
แต่ถ้าท่านจะด่า อลัชชี ผู้อาศัยผ้ากาสาวพัตร เพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่งใหญ่โต เงิน ทอง ข้าวของ ซึ่งเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนแล้วนั้น ท่านจะด่าก็ด่ากันไปเถอะครับ...
แต่ว่าการด่า พวกนี้นั้น ก็ไม่ทำให้คนชั่วเหล่านี้สะดุ้งสะเทือนได้แต่อย่างใด ...
อยากจะกำจัด ก็ไม่มีอำนาจจะไปกำจัด พวกเหล่านี้ ผมไม่ได้ใช้คำว่า คนเหล่านี้ เพราะคำว่าคน ยังสูงไปสำหรับสิ่งมีชีวิตจำพวกนี้...
จะว่าควาย ผมก็เห็นว่าควายยังดีกว่า ยังมีศีล 5 ไถนาได้ เนื้อ หนัง เขา ยังมีประโยชน์
จะว่าหมา ผมก็เห็นว่า หมา ยังดีกว่า มีความซื้อสัตย์ ไม่กล่าววาจาร้าย ไม่โกง ไม่ทรยศ ไม่หลอกลวงให้ผู้คนมากราบไหว้
ผมไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ที่แฝงมาในพระพุทธศาสนาว่าอย่างไร???
แต่ผมมั่นใจว่า พวกนี้ไม่ใช่พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า และก็ไม่ใช่คน ...
...........................................................................
เรื่องปาราชิก ที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้
ผมอยากจะแสดงความเห็นบ้าง เพราะเห็นคนออกมาด่าก็มาก ออกมาปกป้องก็มี โพสรัวๆแถๆ ก็มีบ้าง...
ปาราชิกนี่คือโทษประหารชีวิต เปรียบเหมือนคนหัวขาด เหมือนตาลยอดด้วน ....
ปาราชิกนี่เกิดจากตน ทำตัวของตัวเอง หาใช่ใครจับมายัดเยียดให้แต่อย่างใด...
ปาราชิกแล้วนี่ก็ไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ หนทางสู่พระนิพพานไม่เปิดรับ มีอเวจีมหานรก เป็นที่ไปเพียงจุดเดียว...
.......................................................................
สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระลิขิต วินิจฉัยตัดสินเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว พระองค์ทรงมีพระอริยภาพ พระปัญญาที่เฉียบแหลม รอบคอบ เป็นพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระสุปฎิปันโน ในความเห็นของข้าพเจ้า ทรงทำเพื่อพระพุทธศาสนา ไม่เคยมุ่งหมายให้ร้ายต่อผู้ใด เป็นพระผู้ซึ่งข้าพเจ้ากราบได้สนิทใจ เมื่อพระองค์ทรงวินิจฉัยมาอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น ส่วนทางโลกจะแก้ต่างกันอย่างไรก็แก้กันไป แต่ทางธรรมเป็นอันว่ายุติไปแล้ว กฎของกรรมก็ได้ดำเนินไปแล้ว คติที่ไปของผู้ที่ได้รับการตัดสินจากพระองค์ก็มีที่ไปของเขาอยู่แล้ว ตามกรรมตามวาระที่ท่านกระทำกันมา...
.......................................................................
พวกเราก็เหมือนกันนะครับ ได้รู้ ได้ดู ได้เห็น แล้วก็น้อมเข้ามาใส่ตัว ว่าเรานี่มีอะไรที่ยังชั่วอยู่บ้าง นี่เราไปด่าเขาว่าเขา แต่ว่าถ้าหากวันไหนเรามีเงินมากอย่างเขา มีอำนาจอย่างเขา มีคนแวดล้อมประจบสอพลอ เคารพกราบไหว้ มากมายอย่างเขา....
วันนั้น เราอาจจะเลวกว่าเขาก็เป็นได้ เรื่องแบบนี้มันไม่แน่เหมือนกัน ....
แต่ก่อนผมก็ด่าสิ่งมีชีวิตจำพวกนี้เป็นอันมากครับ ผมด่าอย่างเจ็บแสบเผ็ดร้อน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสิ่งมีชีวิตพวกนี้ก็ยังไม่ได้ทำตัวดีขึ้น หรืออาจจะเลวหนักกว่าเดิม แต่ที่แน่ๆจิตใจผมที่หมกหมุ่นกับการด่า การคิดร้าย จ้องทำร้าย จิตใจผมพลอยเลวลงไปกว่าเดิมเสียอีก
ผมหยุดด่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยปละละเลยนะครับ เพราะหากวันใดผมมีอำนาจที่จะจัดการสิ่งมีชีวิตที่แฝงเข้ามาหาผลประโยชน์จากผ้ากาสาวพัตรนี้แล้ว ผมจะต้องจัดการกำจัดออกไปให้พ้น แผ่นดินพุทธภูมิโดยทันที....
แต่ว่าผมไม่มีอำนาจแบบนี้ ผมจะทำอะไรได้บ้าง...
ผมปรารถนาจะให้คนทั้งหลายเป็นคนดี แต่ผมก็นึกละอายใจว่า เราเองยังเป็นคนดีไม่ได้ คือดีตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าสอนไม่ได้ เพราะคนดี ต้องนับเอาโสดาปัตติผลเป็นที่ตั้ง ผมยังทำไม่ได้....
แต่ถ้าปรารถนาแค่ว่า ไม่เลว.... อันนี้ยังพอมีหวังขึ้นมาหน่อย...
คิดมานานว่าจะให้เริ่มต้นจากอะไรดีนะ....
ให้รักษาศีล เพียงศีล5 มันก็หนักเกินไปสำหรับคนไทยทุกวันนี้....
สวดมนต์ก็แล้วกัน เพราะคนไทยชอบสวดอ้อนวอน ขอโน่น ขอนี่ ยิ่งเวลาทุกข์ใจ ก็จะนั่งสวดๆๆๆ แล้วก็ขอๆๆๆ เป็นแบบนี้เสียโดยมาก...
แต่ว่าเวลาสวดมนต์นี้ ก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะเวลานั่งสวดมนต์อยู่นั้น ศีล 5 เวลานั้นครบถ้วน ผมจึงคิดว่า จะทำยังไงให้คนสวดมนต์ได้นานยิ่งขึ้น
ถ้าเขานั่งสวดมนต์แล้วไม่ปวดขา ปวดเข่า ปวดเอว มันก็จะช่วยให้เขานั่งสวดมนต์ได้นานยิ่งขึ้น เมื่อสวดมนต์ได้นานขึ้น ก็หมายถึงระยะเวลาที่ศีล 5 ครบถ้วนนี้ ก็ยาวนานยิ่งขึ้นไปด้วย
จึงเป็นที่มาของการประดิษฐ์อุปกรณ์มาช่วยให้คนสวดมนต์ได้นานขึ้นครับ
ทำขึ้นมาแล้ว เรื่องกำไรไม่ต้องคิดครับ เพราะลำพังค่าแรงก็ยังไม่ได้สนใจ
เพราะเป้าหมายคือ ต้องการให้พุทธศาสนิกชน หันมาสวดมนต์ให้นานขึ้นอีกนิดหนึ่ง
ผมคิดว่าดีกว่าผมเอาปากไปด่าคนโน้นคนนี้ แล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้น หรือเขาเหล่านั้นดีขึ้น
ผมเอาปากมาสวดมนต์ดีกว่าครับ แม้ผมจะไม่ได้ดีขึ้น แต่อย่างน้อย ผมก็จะไม่เลวลงไปกว่านี้...
.....................................................................
ท่านที่เห็นชอบแนวทางเดียวกัน ก็ขอได้โปรดสละเวลา ไปกด Like Fan page
https://www.facebook.com/samathan.luck
ให้ด้วยนะครับ....
http://samathan.lnwshop.com/
http://www.olx.co.th/product-103299542/
http://www.pantipmarket.com/items/15037468
http://store.weloveshopping.com/samathan/
ไม่ควรด่า พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา. คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่, นับเรียงตัวบุรุษ ได้ ๘ บุรุษ.
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ. นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
อาหุเนยโย. เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา.
ปาหุเนยโย. เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ.
ทักขิเนยโย เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน.
อัญชะลีกะระณีโย. เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไป ควรทำอัญชลี.
..............................................................................
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
คือโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล
สกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล
อนาคามีมรรค อนาคามีผล
อรหัตมรรค อรหัตผล
นี่คือ 4 คู่ 8 บุรุษผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นเนื้อนาบุญ เป็นสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า....
ผมเห็นว่า ไม่สมควรจะไปด่าพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ครับ....
.............................................................................
แต่ถ้าท่านจะด่า อลัชชี ผู้อาศัยผ้ากาสาวพัตร เพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่งใหญ่โต เงิน ทอง ข้าวของ ซึ่งเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนแล้วนั้น ท่านจะด่าก็ด่ากันไปเถอะครับ...
แต่ว่าการด่า พวกนี้นั้น ก็ไม่ทำให้คนชั่วเหล่านี้สะดุ้งสะเทือนได้แต่อย่างใด ...
อยากจะกำจัด ก็ไม่มีอำนาจจะไปกำจัด พวกเหล่านี้ ผมไม่ได้ใช้คำว่า คนเหล่านี้ เพราะคำว่าคน ยังสูงไปสำหรับสิ่งมีชีวิตจำพวกนี้...
จะว่าควาย ผมก็เห็นว่าควายยังดีกว่า ยังมีศีล 5 ไถนาได้ เนื้อ หนัง เขา ยังมีประโยชน์
จะว่าหมา ผมก็เห็นว่า หมา ยังดีกว่า มีความซื้อสัตย์ ไม่กล่าววาจาร้าย ไม่โกง ไม่ทรยศ ไม่หลอกลวงให้ผู้คนมากราบไหว้
ผมไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ที่แฝงมาในพระพุทธศาสนาว่าอย่างไร???
แต่ผมมั่นใจว่า พวกนี้ไม่ใช่พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า และก็ไม่ใช่คน ...
...........................................................................
เรื่องปาราชิก ที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้
ผมอยากจะแสดงความเห็นบ้าง เพราะเห็นคนออกมาด่าก็มาก ออกมาปกป้องก็มี โพสรัวๆแถๆ ก็มีบ้าง...
ปาราชิกนี่คือโทษประหารชีวิต เปรียบเหมือนคนหัวขาด เหมือนตาลยอดด้วน ....
ปาราชิกนี่เกิดจากตน ทำตัวของตัวเอง หาใช่ใครจับมายัดเยียดให้แต่อย่างใด...
ปาราชิกแล้วนี่ก็ไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ หนทางสู่พระนิพพานไม่เปิดรับ มีอเวจีมหานรก เป็นที่ไปเพียงจุดเดียว...
.......................................................................
สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระลิขิต วินิจฉัยตัดสินเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว พระองค์ทรงมีพระอริยภาพ พระปัญญาที่เฉียบแหลม รอบคอบ เป็นพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระสุปฎิปันโน ในความเห็นของข้าพเจ้า ทรงทำเพื่อพระพุทธศาสนา ไม่เคยมุ่งหมายให้ร้ายต่อผู้ใด เป็นพระผู้ซึ่งข้าพเจ้ากราบได้สนิทใจ เมื่อพระองค์ทรงวินิจฉัยมาอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น ส่วนทางโลกจะแก้ต่างกันอย่างไรก็แก้กันไป แต่ทางธรรมเป็นอันว่ายุติไปแล้ว กฎของกรรมก็ได้ดำเนินไปแล้ว คติที่ไปของผู้ที่ได้รับการตัดสินจากพระองค์ก็มีที่ไปของเขาอยู่แล้ว ตามกรรมตามวาระที่ท่านกระทำกันมา...
.......................................................................
พวกเราก็เหมือนกันนะครับ ได้รู้ ได้ดู ได้เห็น แล้วก็น้อมเข้ามาใส่ตัว ว่าเรานี่มีอะไรที่ยังชั่วอยู่บ้าง นี่เราไปด่าเขาว่าเขา แต่ว่าถ้าหากวันไหนเรามีเงินมากอย่างเขา มีอำนาจอย่างเขา มีคนแวดล้อมประจบสอพลอ เคารพกราบไหว้ มากมายอย่างเขา....
วันนั้น เราอาจจะเลวกว่าเขาก็เป็นได้ เรื่องแบบนี้มันไม่แน่เหมือนกัน ....
แต่ก่อนผมก็ด่าสิ่งมีชีวิตจำพวกนี้เป็นอันมากครับ ผมด่าอย่างเจ็บแสบเผ็ดร้อน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสิ่งมีชีวิตพวกนี้ก็ยังไม่ได้ทำตัวดีขึ้น หรืออาจจะเลวหนักกว่าเดิม แต่ที่แน่ๆจิตใจผมที่หมกหมุ่นกับการด่า การคิดร้าย จ้องทำร้าย จิตใจผมพลอยเลวลงไปกว่าเดิมเสียอีก
ผมหยุดด่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยปละละเลยนะครับ เพราะหากวันใดผมมีอำนาจที่จะจัดการสิ่งมีชีวิตที่แฝงเข้ามาหาผลประโยชน์จากผ้ากาสาวพัตรนี้แล้ว ผมจะต้องจัดการกำจัดออกไปให้พ้น แผ่นดินพุทธภูมิโดยทันที....
แต่ว่าผมไม่มีอำนาจแบบนี้ ผมจะทำอะไรได้บ้าง...
ผมปรารถนาจะให้คนทั้งหลายเป็นคนดี แต่ผมก็นึกละอายใจว่า เราเองยังเป็นคนดีไม่ได้ คือดีตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าสอนไม่ได้ เพราะคนดี ต้องนับเอาโสดาปัตติผลเป็นที่ตั้ง ผมยังทำไม่ได้....
แต่ถ้าปรารถนาแค่ว่า ไม่เลว.... อันนี้ยังพอมีหวังขึ้นมาหน่อย...
คิดมานานว่าจะให้เริ่มต้นจากอะไรดีนะ....
ให้รักษาศีล เพียงศีล5 มันก็หนักเกินไปสำหรับคนไทยทุกวันนี้....
สวดมนต์ก็แล้วกัน เพราะคนไทยชอบสวดอ้อนวอน ขอโน่น ขอนี่ ยิ่งเวลาทุกข์ใจ ก็จะนั่งสวดๆๆๆ แล้วก็ขอๆๆๆ เป็นแบบนี้เสียโดยมาก...
แต่ว่าเวลาสวดมนต์นี้ ก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะเวลานั่งสวดมนต์อยู่นั้น ศีล 5 เวลานั้นครบถ้วน ผมจึงคิดว่า จะทำยังไงให้คนสวดมนต์ได้นานยิ่งขึ้น
ถ้าเขานั่งสวดมนต์แล้วไม่ปวดขา ปวดเข่า ปวดเอว มันก็จะช่วยให้เขานั่งสวดมนต์ได้นานยิ่งขึ้น เมื่อสวดมนต์ได้นานขึ้น ก็หมายถึงระยะเวลาที่ศีล 5 ครบถ้วนนี้ ก็ยาวนานยิ่งขึ้นไปด้วย
จึงเป็นที่มาของการประดิษฐ์อุปกรณ์มาช่วยให้คนสวดมนต์ได้นานขึ้นครับ
ทำขึ้นมาแล้ว เรื่องกำไรไม่ต้องคิดครับ เพราะลำพังค่าแรงก็ยังไม่ได้สนใจ
เพราะเป้าหมายคือ ต้องการให้พุทธศาสนิกชน หันมาสวดมนต์ให้นานขึ้นอีกนิดหนึ่ง
ผมคิดว่าดีกว่าผมเอาปากไปด่าคนโน้นคนนี้ แล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้น หรือเขาเหล่านั้นดีขึ้น
ผมเอาปากมาสวดมนต์ดีกว่าครับ แม้ผมจะไม่ได้ดีขึ้น แต่อย่างน้อย ผมก็จะไม่เลวลงไปกว่านี้...
.....................................................................
ท่านที่เห็นชอบแนวทางเดียวกัน ก็ขอได้โปรดสละเวลา ไปกด Like Fan page
https://www.facebook.com/samathan.luck
ให้ด้วยนะครับ....
http://samathan.lnwshop.com/
http://www.olx.co.th/product-103299542/
http://www.pantipmarket.com/items/15037468
http://store.weloveshopping.com/samathan/