จากทู้
http://pantip.com/topic/33264427
เส้นทางสู่อำนาจของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ ถึงยิ่งใหญ่มากขนาดนี้
............................
เรื่องอำนาจนี่ ต้องแพรวพราวครับ ชั้นเชิงสูง เหลี่ยมลึก
คนที่รักษาอำนาจได้ยาวนาน อยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจได้นาน
ต้องเก่งในการอำนวยการสร้าง กำกับการแสดง เขียนบท และบางทีแสดงนำเอง
แสดงนำเองก็อย่างเรื่องจ๊อกกี้เมื่อปี 49 นั่นแหละครับ
ต้องออกมาแสดงนำเอง เพราะช่วงนั้นทักษิณยังไม่ล้ม การเลือกตั้งกำลังจะมีอีกครั้ง
หากปล่อยให้มีการเลือกตั้ง ก็เสร็จทักษิณ
หรือหลังสุด ก็เรื่องอนุสาวรีย์พลเอกกฤษณ์ สีวะรา ที่สกลนคร เมื่อปี 57
นี่ก็ต้องแสดงนำเอง เพราะม็อบ กปปส. ไม่ไหวแล้ว ต้องออกมาเร่งเกม
ซึ่งก็ได้ผล พอโผล่ออกมา ขบวนการตุลาการวิบัติก็เดินเรื่องฉับ ๆ ทันที
และลงท้ายด้วยรัฐประหาร 22 พ.ค. 57
ยกตัวอย่างแสดงนำเองไปแล้ว มาลองดูเรื่องอื่นกันบ้างครับ
เรื่องอำนวยการสร้าง กำกับการแสดง เขียนบท
ตัวอย่างแรก เหตุการณ์การโค่นล้ม รสช. ที่นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร เมื่อปี 2535
ตอนนั้น กลุ่มนายทหารที่เรียกว่า 0143 สยายปีกคุมอำนาจในกองทัพไว้หมดครับ
ไม่ว่าบก เรือ อากาศ ตำรวจ
พอรัฐประหาร 23 ก.พ. 34 ล้มรัฐบาลชาติชายสำเร็จ รสช.ก็คุมประเทศ
จอมยุทธเปรม เห็นว่าเอาชนะทางการทหารไม่ได้ ก็หันมาใช้กลยุทธทางการเมือง
ปี 35 เมื่อสุจินดาพลาดก้าวขึ้นเป็นนายกฯ
ก็ส่งจำลอง ศรีเมือง ออกมานำม็อบประท้วงเรื่องนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง
คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าม็อบนั้นมี ปชป. เป็นแกนหลัก (นำมาใช้อีกครั้งในปี 49 ปี 51 ในการโค่นทักษิณและสมัคร - สมชาย)
ประชาชนคนบริสทธิ์ก็แห่ร่วม เท่านั้นก็ได้การ ม็อบจุดติด
เมื่อเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ยิงตายไปหลายศพ แผนการก็สำเร็จ
เปรมนำจำลองกับสุจินดาเข้าเฝ้าในหลวง เกมก็โอเวอร์
สุจินดาและพวก หลุดออกไปจากวงจรอำนาจจนถึงทุกวันนี้
แล้วก็มีการเลือกตั้งกลางปี 35
ปชป. ก็จุดกระแส พรรคเทพ พรรคมาร คือ ปชป. เป็นพรรคเทพ พรรคอื่นที่เคยหนุน รสช. เป็นพรรคมาร
โจมตีจำลอง หัวหน้าพรรคพลังธรรม หัวหอกในการโค่น รสช. ว่า จำลองพาคนไปตาย
(เหมือนโจมตีแกนนำแดงเมื่อปี 53 นั่นแหละครับ)
ผลการเลือกตั้ง ปชป. ได้รับเลือกเข้ามาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง 79 คน จากทั้งหมด 360 คน
ก็ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯหนแรก
ผลก็คือ จำลอง ศรีเมืองโดดเข้าร่วมรัฐบาลด้วยหน้าตาเฉย ทั้งที่โดนด่าว่าพาคนไปตาย
ปาหี่ครับ
จำลองนำม็อบ ปชป. ส่งคนหนุน เลือกตั้ง ปชป. เป็นเทพ จำลองเป็นมาร
เลือกตั้งเสร็จ ร่วมรัฐบาลกันหน้าตาเฉย
นี่คือการสมรู้ร่วมคิดโค่น รสช. เป็นการอำนวยการสร้าง กำกับ เขียนบท อย่างแนบเนียน
พอ ปชป. ได้เป็นรัฐบาล ก็แน่นอน อำนาจในกองทัพ อำนาจทางการเมือง
ก็หวนกลับมาสู่เปรม
ตัวอย่างที่สอง
หลังจากนำแสดงเอง เป็นพระเอกในเรื่องจ๊อกกี้
บทก็เปลี่ยนให้บิ๊กบังเป็นพระเอกบ้างในเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 49
ส่วนเปรมก็ลดตัวเองจากพระเอก มาเป็นพระรอง พาบิ๊กบังเข้าเฝ้ากลางดึก 19 ก.ย. 49
เพื่อปิดเกมรัฐประหาร
นี่คือแผนการที่คล้ายคลึงกับเมื่อปี 35
ที่พาจำลองกับสุจินดาเข้าเฝ้าหลังเหตุการณ์พฤษภาทิมฬ
โค่นทักษิณสำเร็จ ยังไม่พอ
ยังมีบทเรื่องอุ้ม ปชป. เป็นรัฐบาล บทสร้างรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระเพื่อไว้เป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจ
เนียนยิ่งกว่าเนียน
ตัวอย่างที่สาม
เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่สังคมอาจไม่สังเกตเห็น
ก็เรื่องรูปนายกฯยิ่งลักษณ์ถ่ายคู่กับผู้ชายหคนหนึ่งแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นแหละครับ
แพร่ออกมาหลังอัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์
อย่าลืมนะครับ เรื่องฟ้องนี่ อยู่ดี ๆ อัยการสูงสุดก็โดนลงมาเล่นเองแบบฉับพลัน
รองอัยการสูงสุดที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานในคดีนี้ หลุดออกจากคดีไปเฉย ๆ
แล้วก็มีการแพร่ภาพ สร้างกระแสว่า เป็นภาพนายกฯยิ่งลักษณ์ กับ รองอัยการสูงสุด
(ความจริงคือภาพนายเผด็จ หงษ์ฟ้า เป็นนักธุรกิจและเพื่อนร่วมรุนหลักสูตรกับนายกฯยิ่งลักษณ์)
นี่เป็น "บท" ลดกระแสรองอัยการสูงสุดโดนเตะออกจากคดี
เป็นการสร้างกระแสว่ารองอัยการมีความสนิทสนมกับนายกฯยิ่งลักษณ์ ถึงไม่ฟ้องสักที
เป็นการกลบประเด็นอัยการสูงสุดโดดลงมาเล่นเอง สั่งฟ้องแบบฉับพลัน
นี่เรียกว่าเป็นบทเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องหนึ่งไปสู่อีกเรื่อง
เก่งครับ วางบทได้ดี
เหมือนที่นายวันชัย สอนศิริ รับบทมาเปิดประเด็นเรื่องปรองดอง บิ๊กตู่ควรเจรจากับทักษิณนั่นแหละครับ
ได้ผล
สังคมสนใจเรื่องปรองดองมาเป็นสัปดาห์แล้ว ลืมเรื่องอื่น ๆ หมดแล้ว
คสช.รับลูก เล่นบทต่อ ด้วยการปิดประตูเรื่องเจรจาสนิทแล้ว
นี่คือการดำรงคงอยู่ในอำนาจ
ทั้งอำนวยการสร้าง ทั้งกำกับ ทั้งเขียนบท ทั้งแสดงเอง
และยังมีอีกเรื่อง แต่คงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้
ขืนยกตัวอย่าง ปลิวแน่
พูดได้เพียงว่า เปรมรู้จักอิง พิง อ้าง ทำตัวว่าภักดีปกป้อง
แต่นั่นแหละ คือการ "ใช้" เพื่อประโยชน์ทางอำนาจของตัวเปรมเองล้วน ๆ
ฉะนั้น ไม่ต้องสงสัยครับ ว่าทำไมสี่สิบปีแล้ว
ไม่ว่ากองทัพ การเมือง และธุรกิจ ถึงได้ซูฮกเปรมตลอดมา
เปรมเรียนรู้มาตั้งแต่ยุคสฤษดิ์ครับ (ยุคนั้นเปรมเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ก็คือ สปช. ยุคนี้แหละครับ)
ต่อด้วยตำแหน่ง สนช. และ วุฒิสมาชิก ในยุคจอมพลถนอม
ถนอมไป เปรมก็ร่วมพลเรือเอกสงัด เป็นแกนหลักในการรัฐประหารสองครั้งในปี 19 และปี 20
พอเป็น ผช.ทบ. ในปี 2520 ก็ใช้นายทหารกลุ่ม จปร.7 (รุ่นจำลอง ศรีเมือง) เป็นฐานอำนาจ
นายทหารรุ่นนี้นำโดยพันเอกมนูญ รูปขจร
ส่งให้เปรมได้เป็น ผบ.ทบ. ในปี 21 ชนิดที่ว่านายกฯในตอนนั้น พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ปฏิเสธไม่ได้
ได้เป็น ผบ.ทบ. ชนิดข้ามหัวคนอื่นกระเจิดกระเจิง
แล้วก็เข้าเป็น รมช. มหาดไทยในรัฐบาลเกรียงศักดิ์
ปี 22 ก็ขึ้นเป็น รมว.กลาโหม ควบ ผบ.ทบ.
ปี 23 เกรียงศักดิ์ก็ลาออก
(คงไม่ต้องบอกว่าทำไมต้องลาออก)
เปรมก็ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯแทน ด้วยความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร
(ตอนนั้น คนนอกเป็นนายกฯได้ อย่างที่กำลังสร้าง รธน.ในตอนนี้แหละครับ)
เป็นนายกฯอยู่กว่าแปดปี 2523-2531 แบบไม่เคยลงเลือกตั้ง ไม่ต้องลงเลือกตั้งให้เมื่อย
มี ปชป. เป็นพรรคหลักในการอุ้มเป็นนายกฯ
จากนั้น ก็อย่างที่เล่าไว้ข้างบนครับ ปี 35 ถึงปี 57
มีการอำนวยการสร้าง กำกับ เขียนบท แสดงเอง อย่างไรบ้าง
นี่คือเส้นทางของเปรม ติณสูลานนท์
(บางส่วนเท่านั้น ความจริงยังมีตอนเนคชั่นกับกลุ่มธุรกิจและ....อีกเยอะ)
ไม่มีใครทาบเปรมได้หรอกครับ
เมื่อย จบ
เห็นมีกระทู้ถามเรื่องเส้นทางอำนาจของพลเอกเปรม ผมก็ขอยกตัวอย่างเรื่องอดีตให้ขบคิดพิจารณาครับ
เส้นทางสู่อำนาจของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ ถึงยิ่งใหญ่มากขนาดนี้
............................
เรื่องอำนาจนี่ ต้องแพรวพราวครับ ชั้นเชิงสูง เหลี่ยมลึก
คนที่รักษาอำนาจได้ยาวนาน อยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจได้นาน
ต้องเก่งในการอำนวยการสร้าง กำกับการแสดง เขียนบท และบางทีแสดงนำเอง
แสดงนำเองก็อย่างเรื่องจ๊อกกี้เมื่อปี 49 นั่นแหละครับ
ต้องออกมาแสดงนำเอง เพราะช่วงนั้นทักษิณยังไม่ล้ม การเลือกตั้งกำลังจะมีอีกครั้ง
หากปล่อยให้มีการเลือกตั้ง ก็เสร็จทักษิณ
หรือหลังสุด ก็เรื่องอนุสาวรีย์พลเอกกฤษณ์ สีวะรา ที่สกลนคร เมื่อปี 57
นี่ก็ต้องแสดงนำเอง เพราะม็อบ กปปส. ไม่ไหวแล้ว ต้องออกมาเร่งเกม
ซึ่งก็ได้ผล พอโผล่ออกมา ขบวนการตุลาการวิบัติก็เดินเรื่องฉับ ๆ ทันที
และลงท้ายด้วยรัฐประหาร 22 พ.ค. 57
ยกตัวอย่างแสดงนำเองไปแล้ว มาลองดูเรื่องอื่นกันบ้างครับ
เรื่องอำนวยการสร้าง กำกับการแสดง เขียนบท
ตัวอย่างแรก เหตุการณ์การโค่นล้ม รสช. ที่นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร เมื่อปี 2535
ตอนนั้น กลุ่มนายทหารที่เรียกว่า 0143 สยายปีกคุมอำนาจในกองทัพไว้หมดครับ
ไม่ว่าบก เรือ อากาศ ตำรวจ
พอรัฐประหาร 23 ก.พ. 34 ล้มรัฐบาลชาติชายสำเร็จ รสช.ก็คุมประเทศ
จอมยุทธเปรม เห็นว่าเอาชนะทางการทหารไม่ได้ ก็หันมาใช้กลยุทธทางการเมือง
ปี 35 เมื่อสุจินดาพลาดก้าวขึ้นเป็นนายกฯ
ก็ส่งจำลอง ศรีเมือง ออกมานำม็อบประท้วงเรื่องนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง
คงไม่ต้องบอกนะครับ ว่าม็อบนั้นมี ปชป. เป็นแกนหลัก (นำมาใช้อีกครั้งในปี 49 ปี 51 ในการโค่นทักษิณและสมัคร - สมชาย)
ประชาชนคนบริสทธิ์ก็แห่ร่วม เท่านั้นก็ได้การ ม็อบจุดติด
เมื่อเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ยิงตายไปหลายศพ แผนการก็สำเร็จ
เปรมนำจำลองกับสุจินดาเข้าเฝ้าในหลวง เกมก็โอเวอร์
สุจินดาและพวก หลุดออกไปจากวงจรอำนาจจนถึงทุกวันนี้
แล้วก็มีการเลือกตั้งกลางปี 35
ปชป. ก็จุดกระแส พรรคเทพ พรรคมาร คือ ปชป. เป็นพรรคเทพ พรรคอื่นที่เคยหนุน รสช. เป็นพรรคมาร
โจมตีจำลอง หัวหน้าพรรคพลังธรรม หัวหอกในการโค่น รสช. ว่า จำลองพาคนไปตาย
(เหมือนโจมตีแกนนำแดงเมื่อปี 53 นั่นแหละครับ)
ผลการเลือกตั้ง ปชป. ได้รับเลือกเข้ามาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง 79 คน จากทั้งหมด 360 คน
ก็ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯหนแรก
ผลก็คือ จำลอง ศรีเมืองโดดเข้าร่วมรัฐบาลด้วยหน้าตาเฉย ทั้งที่โดนด่าว่าพาคนไปตาย
ปาหี่ครับ
จำลองนำม็อบ ปชป. ส่งคนหนุน เลือกตั้ง ปชป. เป็นเทพ จำลองเป็นมาร
เลือกตั้งเสร็จ ร่วมรัฐบาลกันหน้าตาเฉย
นี่คือการสมรู้ร่วมคิดโค่น รสช. เป็นการอำนวยการสร้าง กำกับ เขียนบท อย่างแนบเนียน
พอ ปชป. ได้เป็นรัฐบาล ก็แน่นอน อำนาจในกองทัพ อำนาจทางการเมือง
ก็หวนกลับมาสู่เปรม
ตัวอย่างที่สอง
หลังจากนำแสดงเอง เป็นพระเอกในเรื่องจ๊อกกี้
บทก็เปลี่ยนให้บิ๊กบังเป็นพระเอกบ้างในเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 49
ส่วนเปรมก็ลดตัวเองจากพระเอก มาเป็นพระรอง พาบิ๊กบังเข้าเฝ้ากลางดึก 19 ก.ย. 49
เพื่อปิดเกมรัฐประหาร
นี่คือแผนการที่คล้ายคลึงกับเมื่อปี 35
ที่พาจำลองกับสุจินดาเข้าเฝ้าหลังเหตุการณ์พฤษภาทิมฬ
โค่นทักษิณสำเร็จ ยังไม่พอ
ยังมีบทเรื่องอุ้ม ปชป. เป็นรัฐบาล บทสร้างรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระเพื่อไว้เป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจ
เนียนยิ่งกว่าเนียน
ตัวอย่างที่สาม
เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่สังคมอาจไม่สังเกตเห็น
ก็เรื่องรูปนายกฯยิ่งลักษณ์ถ่ายคู่กับผู้ชายหคนหนึ่งแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นแหละครับ
แพร่ออกมาหลังอัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์
อย่าลืมนะครับ เรื่องฟ้องนี่ อยู่ดี ๆ อัยการสูงสุดก็โดนลงมาเล่นเองแบบฉับพลัน
รองอัยการสูงสุดที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานในคดีนี้ หลุดออกจากคดีไปเฉย ๆ
แล้วก็มีการแพร่ภาพ สร้างกระแสว่า เป็นภาพนายกฯยิ่งลักษณ์ กับ รองอัยการสูงสุด
(ความจริงคือภาพนายเผด็จ หงษ์ฟ้า เป็นนักธุรกิจและเพื่อนร่วมรุนหลักสูตรกับนายกฯยิ่งลักษณ์)
นี่เป็น "บท" ลดกระแสรองอัยการสูงสุดโดนเตะออกจากคดี
เป็นการสร้างกระแสว่ารองอัยการมีความสนิทสนมกับนายกฯยิ่งลักษณ์ ถึงไม่ฟ้องสักที
เป็นการกลบประเด็นอัยการสูงสุดโดดลงมาเล่นเอง สั่งฟ้องแบบฉับพลัน
นี่เรียกว่าเป็นบทเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องหนึ่งไปสู่อีกเรื่อง
เก่งครับ วางบทได้ดี
เหมือนที่นายวันชัย สอนศิริ รับบทมาเปิดประเด็นเรื่องปรองดอง บิ๊กตู่ควรเจรจากับทักษิณนั่นแหละครับ
ได้ผล
สังคมสนใจเรื่องปรองดองมาเป็นสัปดาห์แล้ว ลืมเรื่องอื่น ๆ หมดแล้ว
คสช.รับลูก เล่นบทต่อ ด้วยการปิดประตูเรื่องเจรจาสนิทแล้ว
นี่คือการดำรงคงอยู่ในอำนาจ
ทั้งอำนวยการสร้าง ทั้งกำกับ ทั้งเขียนบท ทั้งแสดงเอง
และยังมีอีกเรื่อง แต่คงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้
ขืนยกตัวอย่าง ปลิวแน่
พูดได้เพียงว่า เปรมรู้จักอิง พิง อ้าง ทำตัวว่าภักดีปกป้อง
แต่นั่นแหละ คือการ "ใช้" เพื่อประโยชน์ทางอำนาจของตัวเปรมเองล้วน ๆ
ฉะนั้น ไม่ต้องสงสัยครับ ว่าทำไมสี่สิบปีแล้ว
ไม่ว่ากองทัพ การเมือง และธุรกิจ ถึงได้ซูฮกเปรมตลอดมา
เปรมเรียนรู้มาตั้งแต่ยุคสฤษดิ์ครับ (ยุคนั้นเปรมเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ก็คือ สปช. ยุคนี้แหละครับ)
ต่อด้วยตำแหน่ง สนช. และ วุฒิสมาชิก ในยุคจอมพลถนอม
ถนอมไป เปรมก็ร่วมพลเรือเอกสงัด เป็นแกนหลักในการรัฐประหารสองครั้งในปี 19 และปี 20
พอเป็น ผช.ทบ. ในปี 2520 ก็ใช้นายทหารกลุ่ม จปร.7 (รุ่นจำลอง ศรีเมือง) เป็นฐานอำนาจ
นายทหารรุ่นนี้นำโดยพันเอกมนูญ รูปขจร
ส่งให้เปรมได้เป็น ผบ.ทบ. ในปี 21 ชนิดที่ว่านายกฯในตอนนั้น พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ปฏิเสธไม่ได้
ได้เป็น ผบ.ทบ. ชนิดข้ามหัวคนอื่นกระเจิดกระเจิง
แล้วก็เข้าเป็น รมช. มหาดไทยในรัฐบาลเกรียงศักดิ์
ปี 22 ก็ขึ้นเป็น รมว.กลาโหม ควบ ผบ.ทบ.
ปี 23 เกรียงศักดิ์ก็ลาออก (คงไม่ต้องบอกว่าทำไมต้องลาออก)
เปรมก็ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯแทน ด้วยความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร
(ตอนนั้น คนนอกเป็นนายกฯได้ อย่างที่กำลังสร้าง รธน.ในตอนนี้แหละครับ)
เป็นนายกฯอยู่กว่าแปดปี 2523-2531 แบบไม่เคยลงเลือกตั้ง ไม่ต้องลงเลือกตั้งให้เมื่อย
มี ปชป. เป็นพรรคหลักในการอุ้มเป็นนายกฯ
จากนั้น ก็อย่างที่เล่าไว้ข้างบนครับ ปี 35 ถึงปี 57
มีการอำนวยการสร้าง กำกับ เขียนบท แสดงเอง อย่างไรบ้าง
นี่คือเส้นทางของเปรม ติณสูลานนท์ (บางส่วนเท่านั้น ความจริงยังมีตอนเนคชั่นกับกลุ่มธุรกิจและ....อีกเยอะ)
ไม่มีใครทาบเปรมได้หรอกครับ
เมื่อย จบ