ดีลส้ม-น้ำเงิน ไม่ว่ามองมุมไหน ภูมิใจไทยก็ได้เปรียบ
หากรัฐบาลผลงานดี พรรคส้มก็จะแพ้เลือกตั้ง ประชาชนอยากให้ภูมิใจไทยไปต่อ
หากรัฐบาลผลงานไม่ดี พรรคส้มก็จะแพ้เลือกตั้ง เพราะเอามงกุฎตัวเอง สวมให้พรรคภูมิใจไทย
พรรคส้ม คือ ตัวแปร ที่นำประเทศไปอยู่ในจุดเสี่ยง แม้แต่บริหารเองก็เสี่ยง เพราะประสพการณ์น้อย
ทักษะการสร้างคอนเน็คชั่นก็น้อย ระดับที่ตั้งรัฐบาลเองไม่ได้แม้แต่รอบเดียว
การวางเงื่อนไข คือ ปัญหา ให้การขับเคลื่อน
เงื่อนไข คือ บ่วง ที่ผูกขาตัวเองไม่ให้ก้าวเดิน
โลกนี้ ซับซ้อน แต่หากเรียบเรียง ก็จะเห็นว่า อะไรควรทำก่อน สิ่งใดค่อยทำอะไรทีหลัง
หลายๆ ปัญหา ต้องรอผลงานชั้นต้นก่อน แล้วค่อยไปคลี่คลายอีกปัญหาปลายทาง
ณ วันนี้ การแก้ กม ไม่สำคัญเท่าปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคง
เมื่อพรรคส้ม เอาสิ่งที่ต้องทำหลัง เช่น แก้รัฐธรรมนูญ มาทำก่อน
เวลา 4 เดือน ไม่น้อย มากพอที่จะทำให้เศรษฐกิจดำดิ่ง
ราคาหุ้นตกต่ำ SME ต้องใช้ท่อหายใจ พร้อมจากไปได้ทุกเมื่อ
และมากพอที่จะเอางบประมาณจำนวนมาก ออกมาพลิกสถานการณ์
อาจเป็นเพราะความต้องการเอาสรรพกำลังของพรรคไปดูแลทำประชามติ
จนไม่อาจยอมให้ใครในพรรคไปนั่งเป็น รมต-รมช ได้ หรือเปล่า ?
ทั้งที่หากพรรคส้มเป็นแกนนำรัฐบาล พรรคร่วมก็ต้องยอมเรื่องแก้ กม อยู่แล้ว
สามารถกำหนดแผนการแก้ รมต ได้ตามกำหนด ภายในเวลา 2 ปี
พรรคประชาชนบอกเลือกทางไหนก็เจ็บ ทั้งที่ทางที่ดีที่สุด คือ
เป็นรัฐบาล ด้วยตนเอง ได้แสดงฝีมือบริหารหลายกระทรวง ได้คุมพรรคร่วม ได้แก้รัฐธรรมนูญ
และความหวังที่จะเป็นรัฐบาล พรรคเดียว 4 ปี จะขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ถ้าอดีตนายกแพทองธาร เสียท่า ในเจรจากับ ฮุนเซน จนคนไทยร้อง ว้า... ทำไมเราต้องยอมให้กัมพูชาขนาดนั้น
พรรคส้ม ก็ได้ดีลที่เข้าใจว่า ตนได้เปรียบ จนฐานเสียงทั้งประเทศร้อง อ้าว... อำนาจที่ประชาชนยกให้ เอาไปใช้แค่ยกมือเองเหรอ?
สำหรับภูมิใจไทย การปิดดีล ครั้งนี้ เป็นที่ยอมรับเชิงบวกว่า
ชั้นเชิงมากพอ ที่จะได้ไปดีลรักษาผลประโยชน์ของชาติ
ราคาที่พรรคส้มต้องจ่าย แพงไม่ต่างจากอดีตนายกแพทองธาร
หากรัฐบาลผลงานดี พรรคส้มก็จะแพ้เลือกตั้ง ประชาชนอยากให้ภูมิใจไทยไปต่อ
หากรัฐบาลผลงานไม่ดี พรรคส้มก็จะแพ้เลือกตั้ง เพราะเอามงกุฎตัวเอง สวมให้พรรคภูมิใจไทย
พรรคส้ม คือ ตัวแปร ที่นำประเทศไปอยู่ในจุดเสี่ยง แม้แต่บริหารเองก็เสี่ยง เพราะประสพการณ์น้อย
ทักษะการสร้างคอนเน็คชั่นก็น้อย ระดับที่ตั้งรัฐบาลเองไม่ได้แม้แต่รอบเดียว
การวางเงื่อนไข คือ ปัญหา ให้การขับเคลื่อน
เงื่อนไข คือ บ่วง ที่ผูกขาตัวเองไม่ให้ก้าวเดิน
โลกนี้ ซับซ้อน แต่หากเรียบเรียง ก็จะเห็นว่า อะไรควรทำก่อน สิ่งใดค่อยทำอะไรทีหลัง
หลายๆ ปัญหา ต้องรอผลงานชั้นต้นก่อน แล้วค่อยไปคลี่คลายอีกปัญหาปลายทาง
ณ วันนี้ การแก้ กม ไม่สำคัญเท่าปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคง
เมื่อพรรคส้ม เอาสิ่งที่ต้องทำหลัง เช่น แก้รัฐธรรมนูญ มาทำก่อน
เวลา 4 เดือน ไม่น้อย มากพอที่จะทำให้เศรษฐกิจดำดิ่ง
ราคาหุ้นตกต่ำ SME ต้องใช้ท่อหายใจ พร้อมจากไปได้ทุกเมื่อ
และมากพอที่จะเอางบประมาณจำนวนมาก ออกมาพลิกสถานการณ์
อาจเป็นเพราะความต้องการเอาสรรพกำลังของพรรคไปดูแลทำประชามติ
จนไม่อาจยอมให้ใครในพรรคไปนั่งเป็น รมต-รมช ได้ หรือเปล่า ?
ทั้งที่หากพรรคส้มเป็นแกนนำรัฐบาล พรรคร่วมก็ต้องยอมเรื่องแก้ กม อยู่แล้ว
สามารถกำหนดแผนการแก้ รมต ได้ตามกำหนด ภายในเวลา 2 ปี
พรรคประชาชนบอกเลือกทางไหนก็เจ็บ ทั้งที่ทางที่ดีที่สุด คือ
เป็นรัฐบาล ด้วยตนเอง ได้แสดงฝีมือบริหารหลายกระทรวง ได้คุมพรรคร่วม ได้แก้รัฐธรรมนูญ
และความหวังที่จะเป็นรัฐบาล พรรคเดียว 4 ปี จะขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ถ้าอดีตนายกแพทองธาร เสียท่า ในเจรจากับ ฮุนเซน จนคนไทยร้อง ว้า... ทำไมเราต้องยอมให้กัมพูชาขนาดนั้น
พรรคส้ม ก็ได้ดีลที่เข้าใจว่า ตนได้เปรียบ จนฐานเสียงทั้งประเทศร้อง อ้าว... อำนาจที่ประชาชนยกให้ เอาไปใช้แค่ยกมือเองเหรอ?
สำหรับภูมิใจไทย การปิดดีล ครั้งนี้ เป็นที่ยอมรับเชิงบวกว่า
ชั้นเชิงมากพอ ที่จะได้ไปดีลรักษาผลประโยชน์ของชาติ