JJNY : วิโรจน์ยันเอาจริง คดีเขากระโดง-ฮั้วสว.│ปชน.พร้อมคว่ำรบ.หากพท.ซักฟอก│“สว.นันทนา”กังวลบิดพลิ้ว│สื่อนอกจับตา อนุทิน

วิโรจน์ แจงบทบาท ปชน. หลังอนุทินนั่งนายกฯ ยันเอาจริงตรวจสอบคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว.
.
.
วิโรจน์ แจงบทบาท ปชน. หลังอนุทินนั่งนายกฯ ยันเอาจริงตรวจสอบคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว.
.
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แจงบทบาทของพรรคประชาชน หลัง อนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรีก่อนยุบสภา ยันเอาจริงตรวจสอบคดีเขากระโดง ฮั้ว ส.ว.
.
เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ศาลาประชาคม เทศบาลเมืองบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี น.ส.วรรณิดา นพสิทธิ์ รองประธานกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.ชลบุรี เขต 2 พรรคประชาชน ได้มีการจัดโครงการสัมมนาเรื่องการส่งเสริมความรู้ด้านพลังงาน ในยุคเปลี่ยนผ่านมาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีวิทยากรประกอบด้วย นายอัครพงษ์ รัฐปัตย์ วิศวกรปฏิบัติการ สำนักงานพลังงานจังหวัดชลบุรี ดร.เอกชัย เรืองรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา และนายกฤษฎา นุพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท กรีนเวิลด์ยูซีโอ จำกัด โดยมีประชาชน และเยาวชนเข้าร่วมสัมมนาประมาณ 300 คน นอกจากนี้ยังมี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมสังเกตการณ์
.
หลังจากนั้น นายวิโรจน์เปิดเผยเกี่ยวกับบทบาทของพรรคประชาชน หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และอีก 4 เดือนเข้าสู่การยุบสภา ว่า บทบาทของพรรคประชาชนจะต้องกำกับดูแลรัฐบาลที่มีนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี ตามข้อตกลง MOA ที่ได้ลงนามกับพรรคประชาชน โดยเฉพาะการทำประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และในช่วงเวลา 4 เดือนยังต้องประคับประคองสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศที่ค่อนข้างจะจำกัด รวมทั้งราคาพืชผลทางการเกษตร อาทิ ลำไย ข้าว และข้าวโพด โดยจะใช้กลไกกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องติดตามตรวจสอบ
.
รวมทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์คดีเขากระโดง ฮั้ว ส.ว. ซึ่งทั้ง 2 เรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว จะต้องสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิดว่ามีความพยายาม หรือร่องรอยใดๆ ที่จะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่ หากพบว่ามีร่องรอยที่จะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม จะใช้กลไกของสภาในการติดตามตรวจสอบต่อไป” นายวิโรจน์กล่าว และว่า ส่วนการที่หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมไม่ร่วมรัฐบาล คิดว่ารัฐบาลที่มีความชอบธรรมจะต้องมาจากประชาชน แต่ขณะนี้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ มีการถกเถียงในเรื่องอำนาจของรัฐบาล และมีความคลอนแคลนแบบนี้ คนที่เคารพในประชาธิปไตย คิดว่าควรจะคืนอำนาจให้กับประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับการเสนอนโยบายกับ กกต. และเสนอนโยบายกับประชาชน ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะมีความชอบธรรมในการแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง
.
รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ปัญหาสังคม คิดว่าการเลือกตั้งคืนอำนาจให้กับประชาชน ซึ่งรัฐบาลแบบนี้จะมีความเข้มแข็งในการแก้ไขปัญหามากกว่า หากพรรคประชาชนไปร่วมรัฐบาลตอนนี้ ไม่สามารถไปทำอะไรได้ เพราะงบประมาณปี’69 ก็ผ่านไปแล้ว ส่วนจะรองบประมาณปี’70 ก็ไปไม่ถึง การแต่งตั้งข้าราชการดำเนินการไปเรียบร้อยหมดแล้ว ซึ่งพรรคประชาชนไม่สามารถดำเนินการอะไรได้แล้ว ทั้งเรื่องบุคลากร งบประมาณ ดังนั้นพรรคประชาชนควรมาเป็นฝ่ายค้าน เพื่อกำกับดูแลอย่างเข้มข้นจะดีกว่า และมองไกลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะเป็นความชอบธรรมและมีผลดีกับประเทศมากกว่า” นายวิโรจน์กล่าว
.
ส่วนความคาดหวังของ ส.ส.ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ในการเลือกตั้งสมัยหน้า นายวิโรจน์กล่าวว่า พื้นที่ จ.ชลบุรี ยังมีโอกาสของพรรคประชาชนอีกมาก และประชาชนมีความต้องการที่จะให้แก้ไขอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอากาศบริสุทธิ์ การจัดการปัญหาขยะ มลพิษที่ปล่อยออกมาอย่างมากมาย กากขยะพิษที่ปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรม จะทำอย่างไรให้มีการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ทำให้ชาวชลบุรีมีความมั่นใจในคุณภาพชีวิต จากความเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้าการขาย การพาณิชย์ และการอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ จ.ชลบุรี ซึ่งทางพรรคประชาชนพยายามที่จะขับเคลื่อนนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของ จ.ชลบุรี รวมทั้งดูแล จ.ชลบุรี ให้เป็นเมืองที่ปลอดภัย อากาศสะอาด จัดการมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ
.

.
ปชน.พร้อมคว่ำรบ.หนู หากพท. ซักฟอกเขากระโดง ผิดหวังใช้นิติสงคราม ร้องศาลรธน.
.
ปชน.พร้อมคว่ำรบ.หนู หากพท. ซักฟอกเขากระโดง ผิดหวังใช้นิติสงคราม ร้องศาลรธน.
.
วันที่ 7 กันยายน นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า
.
พรรคเพื่อไทย ไม่เคยแสดงความจริงใจในการเจรจาว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยตามข้อเสนอของพรรคประชาชน และยิ่งยืนยันจะทำรัฐบาลเสียงข้างมากให้ได้โดยคุณจุลพันธ์
.
พรรคเพื่อไทย ไม่เคยให้ความชัดเจนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่แต่ตอนมาเจรจา แต่เห็นได้ตั้งแต่ตอนคว่ำองค์ประชุมตัวเองและจะให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เรื่องนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคลิปเสียงคุณแพทองธาร
.
พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ยืนยันว่าพร้อมจะเสนอคุณชัยเกษมอย่างชัดเจน ยืนยันได้จากการสื่อสารของคุณก่อแก้ว และคำพูดเรื่องอัศวินม้าขาวและการเป็นตุ๊กตาของคุณชัยเกษมเอง
.
พรรคเพื่อไทย ไม่เคยแสดงความพร้อมยุบสภา เพราะตั้งแต่เราเสนอไปสองเดือนก่อนที่คุณแพทองธารจะโดนหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่เราเสนอ และยิ่งชัดเจนว่าการยุบสภาแล้วมาแจ้งทีหลังการแถลงข่าวของพรรคประชาชน ว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดยุบสภาถ้าตัวเองมีอำนาจและไม่พร้อมเลือกตั้ง หรือจนกว่าอำนาจจะหลุดมือ
.
พรรคเพื่อไทย ไม่คิดจะร่วมมือเป็นฝ่ายค้านในการกำหนดทิศทางการแก้ไขหรือผ่านข้อกฎหมายในฐานะเสียงข้างมากในสภากับเรา แม้จะเรียกได้ว่าเป็นฝ่ายค้าน แต่การกำหนดวาระกฎหมายในสภา เป็นของเราแทบทั้งหมด จะผ่านอะไรก็ได้ ทั้งที่ประธานสภาและรองประธาน ก็เป็นของประชาชาติกับเพื่อไทย รวมถึงเสียงในสภาข้างมาก ก็ไม่ใช่รัฐบาล ยืนยันได้จากการไม่ยอมรับว่าเสียงตัวเองรวมอยู่ในฝ่ายค้านด้วยการมาถามว่า เสียงพรรคประชาชนมีมากพอจะควบคุมรัฐบาลหรือยังหากไม่มีเพื่อไทยช่วย คืออะไร?
.
พรรคเพื่อไทย ตั้งป้อมใช้ข้อมูลเรื่องเขากระโดงและฮั้ว ส.ว. มาบอกว่ามีข้อมูลนี้พร้อมใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจทันที โดยคิดว่าพรรคประชาชนจะไม่ฟังและไปปกป้องรัฐบาล ผมยืนยันได้เลย ถ้าข้อมูลในสภาบ่งชี้ว่าผิด เราก็คว่ำได้เลย ไม่มีเหตุให้ปกป้อง เราเป็นฝ่ายค้านอยู่แล้ว และเราก็เตรียมข้อมูลของเราไว้เหมือนกัน เลิกบอกว่าเราจะโหวตและแบกต่อไปแบบไม่สนใจอะไรได้แล้ว ไร้สาระ เราสร้างรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่เราไม่ได้ร่วมรัฐบาลนั้น เราไม่มีเหตุอะไรให้แบกรัฐบาลที่เราเลือกมาแก้รัฐธรรมนูญและยุบสภาในเวลาที่กำหนด ถ้ารัฐบาลเบี้ยวแล้วเรายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ต้องถามเพื่อไทยว่าพร้อมช่วยกันไหม
.
พรรคเพื่อไทยยื่นโปรไฟไหม้วันสุดท้ายทั้งที่มีโอกาสเจรจาเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรก ทำไมไม่ทำ? หรือแม้แต่มีโอกาสยุบสภาก่อนหน้านี้สองเดือน แต่เลือกจะไม่มาเจรจา และประกาศหลัง MOA ว่ายุบสภาไปก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งวัน
.
แล้วคุณมาเสนอทุกอย่างหลัง MOA เพื่อให้เราตระบัดสัตย์ฉีกข้อเสนอที่เราร่างเองให้ได้เพื่อลากเราไปอยู่จุดเดียวกันกับเพื่อไทย ต้องถามว่าทำไมคิดว่าเราจะทำแบบนั้น นักการเมืองมีหน้าที่พูดและสื่อสาร แต่ถ้าเราเคยให้คำมั่นอะไรไปแล้วโกหก การสื่อสารของเราจะไปมีความหมายอะไร ใครจะเชื่ออีก
ทั้งหมดนี้ ผมถามตรงๆ พวกผมจะเชื่อใจพรรคเพื่อไทยได้ยังไง?
.
แน่นอน ผมไม่เชื่อใจพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่อเราเปิดข้อเสนอไว้ แล้วผ่านการเปิดโอกาสให้เจรจาบนข้อเสนอของเรา เราก็ต้องฟังและพิจารณา เพราะเราต้องเคารพข้อเสนอของเราต่อการผ่าทางตันประเทศที่เรามีข้อมูล เราก็ต้องเดินต่อไปแม้จะรู้ว่า มีโอกาสถูกหักจากทั้งสองฝั่ง ฝั่งนึงเคยหักเรามาแล้ว อีกฝั่งก็ไม่รู้จะหักไหม
.
ก่อนได้ข้อสรุปการตัดสินใจ ผมเดินหน้ารับฟังเสียงประชาชนด้วยโพลในตลาด รับฟังคณะทำงาน ฟังเสียงองคาพยพและสมาชิกพรรคแล้วเอาทุกข้อเสนอมาคุยกันไปสักแปดชั่วโมงได้ ก่อนจะมีข้อสรุปในการเซ็น MOA
.
ถ้าเราเลือก เราเสี่ยง แต่ถ้าเราไม่เลือก จะเจออะไร? มาดูฉากทัศน์กัน
.
เริ่มจากเรื่อง ประธานสภาบรรจุวาระเรื่องเลือกนายกฯไปแล้ว ซึ่งเป็นอำนาจประธาน สถานการณ์นี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็ต้องเข้าสู่การโหวต ซึ่งเสียงสองฝั่ง เราเห็นแล้วว่า เราเลือกใคร คนนั้นได้เป็นนายกฯเพื่อไปยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญ
.
ถ้าเราอยู่ดีๆ ไม่โหวตในวินาทีสุดท้าย
เสียงคุณอนุทินจะมี 311-142=169
เสียงคุณชัยเกษมจะมี 152
.
ทั้งสองชื่อ จะตกไป แล้วหลังจากนั้นทั้งสองชื่อจะเสนอซ้ำไม่ได้ เรื่องนี้คุณอัครเดชเคยใช้ตอนโหวตคุณพิธารอบสอง ไปย้อนดูได้เลย
สิ่งที่จะตามมา คือชื่อถัดไปจะถูกใช้เพื่อเสนอต่อ ก็คือประยุทธ์ พีระพันธุ์ จุรินทร์ และประวิตร
ทีนี้ ในสี่ชื่อนี้ก็จะมีสักคนเป็นอัศวินม้าขาวที่คุณชัยเกษมพูดถึง ที่ถูกเสนอเข้ามา
.
อัศวินม้าขาวที่ว่าในกระแสชาตินิยมสูง คุณคิดว่าจะเป็นใครกัน? เดากันไม่ยาก กับการเอาอัศวินม้าขาวคนนั้นมาเป็นนายกฯ
พรรคไหนจะโหวตให้บ้าง? แต่ถ้าถึงรอบหน้าพวกผมไม่ให้คะแนน ผมเดาว่าคนนั้นก็น่าจะได้เป็นนายกฯอยู่ดี โดยข้อเสนอยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญที่เราเสนอเองก็ลืมไปได้เลย
.
แล้วถ้าพวกผมรู้ทั้งรู้ แต่ไม่ทำอะไร ปล่อยให้เดินหน้าไปให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น โดยหวังแค่คะแนนนิยม พวกผมจะตอบตัวเองอย่างไร ที่เป็นคนที่รู้อยู่แก่ใจแล้วยังปล่อยให้เกิดขึ้น
.
ผมไม่หวั่นไหวกับการตัดสินใจที่ผ่านไปแล้ว ผมตอบตัวเองได้ และผมยังเป็นฝ่ายค้านที่ไม่เข้าไปแย่งเก้าอี้อะไรกับเขา พวกเราจะเป็นรัฐบาล ก็ต่อเมื่อเราเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรมมากพอจากเสียงประชาชนเท่านั้น รอบนี้พวกผมไม่มีภาระผูกพันที่ต้องแบกรัฐบาลที่อาจจะไม่ชอบธรรมไว้ และพร้อมล้มได้ทันทีด้วยอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าเกิดการตระบัดสัตย์อีก
.
สิ่งเดียวที่ผมน่าจะประเมินผิด คือผมไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะเล่นเกมนิติสงคราม และยึกยักว่าจะไม่เอาด้วยกับพรรคประชาชนที่เป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมากด้วยกัน อันนี้ ผมไม่เข้าใจจริงๆ
.
นาทีนี้ ผมสรุปกับตัวเองได้ ว่าผมไม่ได้วางใจรัฐบาลเสียงข้างน้อยของพรรคภูมิใจไทย และพร้อมพิสูจน์ตัวเองในฐานะฝ่ายค้านต่อไป จนกว่าวันเลือกตั้งจะมาถึง และผมอยากให้จำสิ่งที่คุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พูดไว้ในการอภิปรายก่อนโหวตนายกฯ
ว่าถนนทุกสาย มุ่งสู่การเลือกตั้งแล้ว และทุกพรรคที่จะลงเลือกตั้ง ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการรักษาสัญญากับพี่น้องประชาชนเช่นกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่