ความแปรปรวนและการปลอบประโลม

กระทู้สนทนา

Hove to for a Pilot
Museum:    National Maritime Museum
Artist:    Henry Moore
Medium:    Oil Painting on Canvas


วันที่14ก.พ.2558
เช้านี้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใสแต่อากาศภายในใจกลับหม่นมัว  มีเสียงร้องไห้ที่ได้ยินอย่างคุ้นเคย เพราะมันเป็นเสียงภายในใจ ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ตลอดเวลา 7 ปี หลายคนเรียกอาการนี้ว่า "ความเครียดสะสม" พยายามหลับตาต่อคิดภาพทะเลสีฟ้าครามกว้างใหญ่ไพศาลกับเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งบางเบา แต่เมื่อลืมตาตื่นอีกครั้ง ความหม่นมัวกลับครอบคลุมจนทำให้หนาวจับจิต ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร  หรือรู้แต่ก็ยากมากที่จะเรียบเรียง  ส่วนใหญ่เป็นความรู้สึกผิดในตัวเอง และความรู้สึกผิดหวังต่อสิ่งรอบตัว เบื่อหน่ายท้อแท้ อึดอัดเหมือนตัวเองต้องอาศัยหลับนอนอยู่ในบ้านที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง
นับตั้งแต่วันที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ที่ใหม่ที่ฉันและครอบครัวพยายามจะเรียกมันว่าบ้าน ความต่างไปของกลิ่นในบรรยากาศรอบตัว  กลิ่นอายของท้องทะเลแทนที่กลิ่นน้ำจากเจ้าพระยาและเสียงอึงอนของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กลิ่นเงินที่โชยพัดมาสร้างความตื่นใจจนเคยคุ้น อย่างน้อยจากวันนั้นถึงวันนี้มันยังพอทำให้เราสร้างฝันของครอบครัวได้ แต่แปลกนักว่ามันไม่ได้ช่วยเยียวยาความมืดมัวให้หายขาดไปได้  นั่นเพราะความคิดของการมองโลกแง่บวกมันค่อย ๆ ถูกย่อยสลายไปตามกาลเวลา  ยิ่งนานวัน ใจฉันมันค่อย ๆผุพัง  แม้ว่าจะรู้ตัวและพยายามมาก ๆ ที่จะตั้งสติเพื่อกอบโกยความรู้สึกนึกคิดในแบบที่สวยงามตามที่คุ้นเคยและคิดว่าใช่ กลับทำให้ยิ่งเหนื่อยล้า  
“ที่นี่มันไม่ใช่บ้าน!”  เสียงนี้มันตะโกนดังก้องอยู่ในความคิดตลอดเวลา 7 ปีที่อาศัยอยู่ที่นี่ คล้าย ๆ กับการพยายามยืนอยู่บนเรือกลางมหาสมุทรที่แกว่งไกว แต่พยายามที่จะควบคุมตัวเองให้ยืนอยู่อย่างสงบ พยายามทำความเข้าใจแดดฝน และลมฟ้าอากาศรอบตัว  หาทางทรงตัวไปพร้อมๆ กับการพายเรือไปบนมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง ยากนักที่จะปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เป็นอยู่
คิดแล้วว่าถ้าผิดก็ผิดที่ตัวเอง  ความนับถือและศรัทธาเชื่อมั่นในตัวเอง มันกลายเป็นเงาบาง ๆ ที่ยังปรากฏให้พอรู้ว่ามันเคยมีอยู่อย่างชัดเจนในตัวเรา  สภาวะชะงักงันจะเดินหน้าหรือถอยหลัง จะสู้หรือจะผ่อน จะบุกหรือจะถอย การอาศัยความคิดแบบตรรกะ ใช้ได้ยากมากกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
บรรทัดฐานหรือกฎกติกาไม่ต้องพูดถึง  เพราะมันแทบไม่มีความหมายคล้ายรองเท้าเก่า ๆ ขาดวิ่น ใครสวมก็รังแต่จะทำให้เหม็นเท้าเปล่า ๆ  และถูกมองว่าประหลาดแปลกแยก ต้องอาศัยหยัดยืนด้วยเท้าเปล่าของตัวเอง ร้อนหนาวก็ต้องหาทางเขย่งยงโย่ ยงหยกเอา ครั้นปรายตาไปมองคนรอบข้างเพื่อศึกษาเรียนรู้ว่าคนอื่นเขาอยู่กันอย่างไร ภาพที่ปรากฏคือหากไม่ทานทนจนกร้านสภาพ ก็ต้องเหยียบยืนบนตีนคนอื่น และนั่นหมายถึงบางคนที่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้อีกคน  
ทุกวันนี้มีคนในครอบครัวเป็นน้ำและอาหารใจให้เดินทางไปยังจุดหมายที่ชัดเจน  จุดหมายสำคัญและยิ่งใหญ่มีค่ามหาศาลมากกว่าแค่ตัวมันเอง  คุณค่านั้นคือสิ่งกระตุ้นและแรงดึง ให้เราเดินหน้าไปท่ามกลางความเลวร้ายและการต่อสู้ภายในจิตใจของตัวเอง  
เคยอ่านเจอบางบทความที่ได้กล่าวถึงการทำตัวให้กลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกับสภาวการณ์   แต่สำหรับฉันแล้ว  การเป็นหนึ่งเดียวกับเรือที่แล่นอยู่และความหนักแน่นในจิตใจนั้นสำคัญกว่านัก  เพราะไม่ว่าสภาวการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน  ถ้าเรือที่แล่นอยู่ยังคงถูกควบคุมด้วยจิตใจที่หนักแน่นและมีทิศทางเพื่อนำสู่เป้าหมาย  แม้เจอสภาพอากาศทีแปรปรวนเลวร้าย  เราจะยังคงประคับประคองเรือลำนั้นต่อไปได้ โดยที่ความเป็นตัวตนของเราไม่ถูกกลืนกินจนสิ้นซาก
เป้าหมายรออยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน  เรือลำนี้ก็ยังคงลอยลำอยู่  แม้บางวันสภาพจิตใจของคนพายกำลังเหนื่อยหน่ายกับดินฟ้าอากาศ แต่ก็ต้องรวบรวมสติเพื่อดึงความเชื่อมั่นในใจตัวเอง  ...เรือลำนี้จะยังคงแล่นต่อไปได้ จนกว่าจะถึงฝั่ง...แม้ว่ามันจะเหนื่อยนักกับบางวัน หลาย ๆวันก็ตาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่