การเลื่อนตำแหน่งที่ผิดพลาด
จ่าสิบเอกปีเตอร์ 'พิตต์' เพอร์กินส์ วัยสามสิบต้นๆ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นกะลาสีเรือ เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนักจัดดอกไม้ แต่โชคชะตากลับพาเขามาเป็นทหารเรือประจำเรือขนส่งสินค้า 'มาดามคอลลี่'
หลังจากทำงานซักพื้นและทำความสะอาดห้องน้ำมานานสี่ปี ในที่สุดพิตต์ก็ได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่: กัปตันซิมมอนส์ ผู้สายตาสั้นและมีอาการหลงลืม ให้พิตต์เลื่อนตำแหน่งเป็น ผู้ควบคุมหางเสือชั่วคราว ในการเดินทางข้ามอ่าวครั้งสั้นๆ
"จำไว้ เพอร์กินส์!" กัปตันซิมมอนส์สั่งด้วยเสียงอันดัง "จับพวงมาลัยให้มั่น! เราแค่ต้องตรงไปข้างหน้าเท่านั้น!"
พิตต์รับคำสั่งด้วยความตื่นเต้น เขาสวมหมวกกะลาสีที่หลวมเกินไป แล้วก้าวเข้าประจำที่ตรงหน้าพวงมาลัยเรือไม้ขนาดใหญ่
เต้นรำกลางอ่าว
เรือ 'มาดามคอลลี่' เริ่มเคลื่อนตัวออกจากท่าเรืออย่างช้าๆ ในช่วงแรกทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่ทันทีที่เรือเข้าสู่เขตน้ำเปิด ปัญหาของพิตต์ก็เริ่มปรากฏ
พิตต์จับพวงมาลัยแน่นมากเกินไป เขาใช้แรงถึงขั้นที่กล้ามเนื้อแขนแทบฉีก เมื่อพวงมาลัยเริ่มหมุนเพียงนิดเดียว เรือก็ตอบสนองอย่างรุนแรง
ฟิ้ววว! แกร๊ก! ซู่ม!
แทนที่จะแล่นเป็นเส้นตรง เรือมาดามคอลลี่ก็เริ่ม "เต้นรำกลางอ่าว"
ครั้งแรก: พิตต์พยายามหมุนพวงมาลัยไปทางขวาเล็กน้อย แต่เขาหมุนแรงเกินไป เรือจึง เบนขวาเกือบ 45 องศา จนเกือบชนกับทุ่นไฟที่ลอยอยู่
ครั้งที่สอง: ด้วยความตกใจ พิตต์พยายามดึงกลับมาทางซ้ายอย่างรวดเร็ว แต่แรงเหวี่ยงทำให้เรือ เซไปทางซ้ายอย่างรุนแรง จนจานข้าวของพ่อครัวที่กำลังเดินผ่านมาปลิวว่อนไปทั่วดาดฟ้า
"ใครบังคับเรือวะ!?" เสียงตะโกนจากดาดฟ้าดังขึ้น
"เพอร์กินส์! นั่นแกกำลังทำอะไร!?" กัปตันซิมมอนส์ที่กำลังงีบหลับอยู่ด้านในรีบวิ่งออกมา
พิตต์เหงื่อแตกพลั่ก "ขอโทษครับกัปตัน! มัน...มันพยายามหนีมือผมครับ! ผมคิดว่ามันมีวิญญาณสิงอยู่!"
กัปตันซิมมอนส์ตะโกนลั่น "พวงมาลัยเรือมันไม่ได้มีวิญญาณสิงหรอกไอ้หนู! มันแค่อ่อนไหว! ค่อยๆ หมุน! ค่อยๆ!"
กวาดล้างอ่าว
เรือมาดามคอลลี่กลายเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเรือทุกลำที่อยู่ในบริเวณนั้น มันเคลื่อนที่แบบ คลื่นไซน์ (Sine Wave) ขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากระยะไกล
ลูกเรือคนอื่นๆ พากันวิ่งไปมาอย่างวุ่นวาย
มาเรีย กะลาสีสาวผู้แข็งแกร่ง ต้องรีบใช้เชือกผูกถังน้ำมันให้แน่น เพราะเรือเอียงจนถังเกือบกลิ้งตกทะเล
พ่อครัว ต้องคลานสี่ขาไปตามพื้นเพื่อเก็บวัตถุดิบที่กระจายไปทั่วห้องครัว
"พิตต์! ดูข้างหน้า!" กัปตันซิมมอนส์ชี้ไปข้างหน้าอย่างตื่นตระหนก "เรือประมงกำลังมา!"
พิตต์ตกใจมาก เขาพยายามจะหมุนพวงมาลัยให้ตรง แต่ด้วยความประหม่า เขาเผลอหมุนไปทางซ้ายสุดแรง!
วู่มมมม!
เรือมาดามคอลลี่หักเลี้ยวซ้ายอย่างเฉียบพลัน และไม่ได้ชนกับเรือประมง แต่กลับสร้าง คลื่นยักษ์ ขนาดใหญ่ซัดเข้าใส่เรือลำนั้นอย่างจัง!
เรือประมงโคลงเคลงอย่างหนัก ชาวประมงพากันตะโกนด่าทอ และที่เลวร้ายที่สุดคือ...ปลาที่จับมาได้ทั้งหมดกว่าร้อยตัว ถูกคลื่นซัดหายกลับลงสู่ทะเลไปหมดแล้ว!
"โอ๊ย! ไม่นะ! ปลาของผม!" ชาวประมงคนหนึ่งร้องไห้คร่ำครวญ
"พิตต์! เราไม่ได้จะทำความสะอาดอ่าว!" กัปตันซิมมอนส์ตะคอก "เลิกหมุนมันได้แล้ว! ถือให้ตรง!"
ศูนย์กลางที่สงบ
พิตต์มองพวงมาลัยที่หมุนไปมาด้วยความสิ้นหวัง เขาตระหนักได้ว่ายิ่งเขาใช้แรงมากเท่าไหร่ เรือก็ยิ่งบ้าคลั่งมากเท่านั้น
เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน: คิดถึงสวนดอกไม้!
พิตต์หายใจเข้าลึกๆ เขาจินตนาการว่าพวงมาลัยเรือนี้ไม่ใช่ไม้เนื้อแข็ง แต่เป็น ก้านดอกทานตะวัน ที่บอบบาง เขาต้องจับมันด้วยความอ่อนโยนที่สุด
เขาค่อยๆ คลายมือออก แล้วจับพวงมาลัยด้วยปลายนิ้วที่เบาบาง
เซ... เซ...
เรือมาดามคอลลี่เริ่มเซไปทางขวา พิตต์ไม่ตกใจ เขาค่อยๆ ดันพวงมาลัยกลับมาทางซ้ายเพียง หนึ่งมิลลิเมตร
ซู่มมม...
เรือปรับทิศทางอย่างช้าๆ แล้ว...มันก็เริ่มแล่นตรง!
"โอ้! ตรงแล้ว! ตรงแล้ว!" กัปตันซิมมอนส์ร้องด้วยความโล่งอก
พิตต์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาได้ค้นพบความลับของการควบคุมเรือแล้ว: การควบคุมที่ดีที่สุดคือการใช้ความอ่อนโยนและนุ่มนวล เหมือนการจัดดอกไม้!
เขาขับเรือไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จนกระทั่งเรือมาดามคอลลี่เข้าเทียบท่าเรือปลายทางได้อย่างปลอดภัย (ถึงแม้จะล่าช้าไปสองชั่วโมงและต้องจ่ายค่าปลาชดเชยให้ชาวประมงก็ตาม)
"เพอร์กินส์..." กัปตันซิมมอนส์ตบไหล่พิตต์อย่างแรง "แกเป็นกะลาสีที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา...แต่แกก็ทำสำเร็จจนได้! ว่าแต่...ทำไมแกถึงทำได้ในที่สุดวะ?"
พิตต์ยิ้มอย่างอ่อนโยน "ผมแค่จับพวงมาลัยเหมือนกับที่ผมจัดช่อดอกไม้ครับกัปตัน...ด้วยความรักและความอ่อนโยน"
กัปตันซิมมอนส์ส่ายหน้าด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่ได้ซักต่อ พิตต์ถูกลดตำแหน่งกลับไปทำความสะอาดห้องน้ำในวันรุ่งขึ้น แต่เขาก็ไม่เสียใจ เพราะเขาได้ค้นพบว่า แม้แต่ในงานที่วุ่นวายที่สุด ความอ่อนโยน ก็สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพได้เช่นกัน
(AI) กะลาสีบังคับพวงมาลัยเรือไม่เก่ง
จ่าสิบเอกปีเตอร์ 'พิตต์' เพอร์กินส์ วัยสามสิบต้นๆ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นกะลาสีเรือ เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนักจัดดอกไม้ แต่โชคชะตากลับพาเขามาเป็นทหารเรือประจำเรือขนส่งสินค้า 'มาดามคอลลี่'
หลังจากทำงานซักพื้นและทำความสะอาดห้องน้ำมานานสี่ปี ในที่สุดพิตต์ก็ได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่: กัปตันซิมมอนส์ ผู้สายตาสั้นและมีอาการหลงลืม ให้พิตต์เลื่อนตำแหน่งเป็น ผู้ควบคุมหางเสือชั่วคราว ในการเดินทางข้ามอ่าวครั้งสั้นๆ
"จำไว้ เพอร์กินส์!" กัปตันซิมมอนส์สั่งด้วยเสียงอันดัง "จับพวงมาลัยให้มั่น! เราแค่ต้องตรงไปข้างหน้าเท่านั้น!"
พิตต์รับคำสั่งด้วยความตื่นเต้น เขาสวมหมวกกะลาสีที่หลวมเกินไป แล้วก้าวเข้าประจำที่ตรงหน้าพวงมาลัยเรือไม้ขนาดใหญ่
เต้นรำกลางอ่าว
เรือ 'มาดามคอลลี่' เริ่มเคลื่อนตัวออกจากท่าเรืออย่างช้าๆ ในช่วงแรกทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่ทันทีที่เรือเข้าสู่เขตน้ำเปิด ปัญหาของพิตต์ก็เริ่มปรากฏ
พิตต์จับพวงมาลัยแน่นมากเกินไป เขาใช้แรงถึงขั้นที่กล้ามเนื้อแขนแทบฉีก เมื่อพวงมาลัยเริ่มหมุนเพียงนิดเดียว เรือก็ตอบสนองอย่างรุนแรง
ฟิ้ววว! แกร๊ก! ซู่ม!
แทนที่จะแล่นเป็นเส้นตรง เรือมาดามคอลลี่ก็เริ่ม "เต้นรำกลางอ่าว"
ครั้งแรก: พิตต์พยายามหมุนพวงมาลัยไปทางขวาเล็กน้อย แต่เขาหมุนแรงเกินไป เรือจึง เบนขวาเกือบ 45 องศา จนเกือบชนกับทุ่นไฟที่ลอยอยู่
ครั้งที่สอง: ด้วยความตกใจ พิตต์พยายามดึงกลับมาทางซ้ายอย่างรวดเร็ว แต่แรงเหวี่ยงทำให้เรือ เซไปทางซ้ายอย่างรุนแรง จนจานข้าวของพ่อครัวที่กำลังเดินผ่านมาปลิวว่อนไปทั่วดาดฟ้า
"ใครบังคับเรือวะ!?" เสียงตะโกนจากดาดฟ้าดังขึ้น
"เพอร์กินส์! นั่นแกกำลังทำอะไร!?" กัปตันซิมมอนส์ที่กำลังงีบหลับอยู่ด้านในรีบวิ่งออกมา
พิตต์เหงื่อแตกพลั่ก "ขอโทษครับกัปตัน! มัน...มันพยายามหนีมือผมครับ! ผมคิดว่ามันมีวิญญาณสิงอยู่!"
กัปตันซิมมอนส์ตะโกนลั่น "พวงมาลัยเรือมันไม่ได้มีวิญญาณสิงหรอกไอ้หนู! มันแค่อ่อนไหว! ค่อยๆ หมุน! ค่อยๆ!"
กวาดล้างอ่าว
เรือมาดามคอลลี่กลายเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเรือทุกลำที่อยู่ในบริเวณนั้น มันเคลื่อนที่แบบ คลื่นไซน์ (Sine Wave) ขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากระยะไกล
ลูกเรือคนอื่นๆ พากันวิ่งไปมาอย่างวุ่นวาย
มาเรีย กะลาสีสาวผู้แข็งแกร่ง ต้องรีบใช้เชือกผูกถังน้ำมันให้แน่น เพราะเรือเอียงจนถังเกือบกลิ้งตกทะเล
พ่อครัว ต้องคลานสี่ขาไปตามพื้นเพื่อเก็บวัตถุดิบที่กระจายไปทั่วห้องครัว
"พิตต์! ดูข้างหน้า!" กัปตันซิมมอนส์ชี้ไปข้างหน้าอย่างตื่นตระหนก "เรือประมงกำลังมา!"
พิตต์ตกใจมาก เขาพยายามจะหมุนพวงมาลัยให้ตรง แต่ด้วยความประหม่า เขาเผลอหมุนไปทางซ้ายสุดแรง!
วู่มมมม!
เรือมาดามคอลลี่หักเลี้ยวซ้ายอย่างเฉียบพลัน และไม่ได้ชนกับเรือประมง แต่กลับสร้าง คลื่นยักษ์ ขนาดใหญ่ซัดเข้าใส่เรือลำนั้นอย่างจัง!
เรือประมงโคลงเคลงอย่างหนัก ชาวประมงพากันตะโกนด่าทอ และที่เลวร้ายที่สุดคือ...ปลาที่จับมาได้ทั้งหมดกว่าร้อยตัว ถูกคลื่นซัดหายกลับลงสู่ทะเลไปหมดแล้ว!
"โอ๊ย! ไม่นะ! ปลาของผม!" ชาวประมงคนหนึ่งร้องไห้คร่ำครวญ
"พิตต์! เราไม่ได้จะทำความสะอาดอ่าว!" กัปตันซิมมอนส์ตะคอก "เลิกหมุนมันได้แล้ว! ถือให้ตรง!"
ศูนย์กลางที่สงบ
พิตต์มองพวงมาลัยที่หมุนไปมาด้วยความสิ้นหวัง เขาตระหนักได้ว่ายิ่งเขาใช้แรงมากเท่าไหร่ เรือก็ยิ่งบ้าคลั่งมากเท่านั้น
เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน: คิดถึงสวนดอกไม้!
พิตต์หายใจเข้าลึกๆ เขาจินตนาการว่าพวงมาลัยเรือนี้ไม่ใช่ไม้เนื้อแข็ง แต่เป็น ก้านดอกทานตะวัน ที่บอบบาง เขาต้องจับมันด้วยความอ่อนโยนที่สุด
เขาค่อยๆ คลายมือออก แล้วจับพวงมาลัยด้วยปลายนิ้วที่เบาบาง
เซ... เซ...
เรือมาดามคอลลี่เริ่มเซไปทางขวา พิตต์ไม่ตกใจ เขาค่อยๆ ดันพวงมาลัยกลับมาทางซ้ายเพียง หนึ่งมิลลิเมตร
ซู่มมม...
เรือปรับทิศทางอย่างช้าๆ แล้ว...มันก็เริ่มแล่นตรง!
"โอ้! ตรงแล้ว! ตรงแล้ว!" กัปตันซิมมอนส์ร้องด้วยความโล่งอก
พิตต์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาได้ค้นพบความลับของการควบคุมเรือแล้ว: การควบคุมที่ดีที่สุดคือการใช้ความอ่อนโยนและนุ่มนวล เหมือนการจัดดอกไม้!
เขาขับเรือไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จนกระทั่งเรือมาดามคอลลี่เข้าเทียบท่าเรือปลายทางได้อย่างปลอดภัย (ถึงแม้จะล่าช้าไปสองชั่วโมงและต้องจ่ายค่าปลาชดเชยให้ชาวประมงก็ตาม)
"เพอร์กินส์..." กัปตันซิมมอนส์ตบไหล่พิตต์อย่างแรง "แกเป็นกะลาสีที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา...แต่แกก็ทำสำเร็จจนได้! ว่าแต่...ทำไมแกถึงทำได้ในที่สุดวะ?"
พิตต์ยิ้มอย่างอ่อนโยน "ผมแค่จับพวงมาลัยเหมือนกับที่ผมจัดช่อดอกไม้ครับกัปตัน...ด้วยความรักและความอ่อนโยน"
กัปตันซิมมอนส์ส่ายหน้าด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่ได้ซักต่อ พิตต์ถูกลดตำแหน่งกลับไปทำความสะอาดห้องน้ำในวันรุ่งขึ้น แต่เขาก็ไม่เสียใจ เพราะเขาได้ค้นพบว่า แม้แต่ในงานที่วุ่นวายที่สุด ความอ่อนโยน ก็สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพได้เช่นกัน