ราตรีของหมวย (1)
อ่านตอนอื่นๆที่นี่
http://psychosis-1st.blogspot.com/2014/12/blog-post_16.html
แสงของดวงจันทร์คืนนี้ส่องสว่างอยู่กลางท้องฟ้า ไร้ซึ่งเมฆหมอกมาบดบัง ช่างสวยงามเหลือเกิน ไม่เหมือนตอนกลางวัน ฉันเกลียดแสงอาทิตย์ มันบดบังดวงดาวที่งดงาม ฉันเกลียดแสงสว่างเพราะมันมักจะบดบังความจริง ฉันเกลียดกลางวัน
ฉันนอนราบลงกับพื้นระเบียง เหม่อมองดวงดาวระยิบระยับ และพระจันทร์ดวงโตที่สะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์มาจากที่อันแสนไกล เสียงลมพัดกระทบใบไม้ มันสั่นไหวขยับเขยื้อนราวกับกำลังเต้นรำต้อนรับสายลมที่พัดเข้ามากระทบตัวมัน ดูพวกมันสนุกสนานเหลือเกิน คงมีความสุขกันมากสินะที่พวกมนุษย์โง่เง่าพวกนั้นนอนหลับพักผ่อนกันหมด
"เมี้ยว" เจ้ามี้ แมวสีดำท่าทางดูปราดเปรียวกระโดดขึ้นมาที่ระเบียงอย่างรู้เวลา มันมักจะมาอยู่เป็นเพื่อนฉันเสมอๆ ในตอนกลางคืน และพอแสงสว่างเริ่มมาเยือนมันก็จะหายตัวไป มันคงจะไม่ชอบเวลากลางวันเหมือนกัน เพราะฉันไม่เคยได้เจอมันในตอนกลางวันเลย มันคงไปหาสถานที่กำบังตัวให้พ้นจากแสงแดด และเมื่อพระอาทิตย์พ้นจากขอบฟ้ามันถึงออกมาร่าเริง
"เมี้ยว" ฉันส่งเสียงร้องเลียนแบบมันเป็นการทักทาย มันเดินลัดเลาะขอบรั้วระเบียงด้วยท่าทางที่สง่างาม ตรงมาหาฉัน
"เมี้ยว" มันส่งเสียงร้องอีกครั้ง แล้วกระโดดลงมาจากราวระเบียง มานั่งจ้องหน้าฉัน ฉันลุกขึ้นนั่งและ ลูบหัวของมันเป็น ส่วนเจ้ามี้ก็มุดหัวคลอเคลียไปมา ก่อนจะนั่งแปะลงข้างๆ เอนตัวพิงฉันแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าราวกับว่าฉันกับมี้เป็นคู่รักที่นั่งเหม่อมองดวงดาวด้วยกัน
ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแมวสักเท่าไหร่ ที่พอจะเข้าหูมาบ้างก็มีแต่เรื่องไร้สาระอย่างพวก แมวมีเก้าชีวิต หรือ แมวดำแบบเจ้ามี้ ถ้ากระโดดข้ามโลงศพแล้วผีจะดุ กับชอบนั่งดูดาว
สายลมเบาๆที่พัดผ่านร่างกาย เสียงใบไม้เสียดสีตามแรงลม แสงนวลสลัวของดวงจันทร์ กับแมวดำหนึ่งตัว เป็นภาพที่ดูเข้ากันเสียจริง ฉันอุ้มเจ้ามี้ขึ้นมาวางบนหน้าตัก มันร้องแล้วดิ้นนิดหน่อยตอนที่ยกมันขึ้นมา แต่พอลงถึงตักมันก็ขดตัวซุกลงนอนอยู่ตรงนั้น ตัวของมันทั้งนิ่มและก็อุ่นมาก
"เป็นแมวนี่ก็ดีนะ" ฉันกำลังพร่ำรำพันอยู่กับแมว มือก็ลูบขนนิ่มๆ ของมัน ไล่จากหัวลงไปถึงกลางลำตัว ไม่รู้ว่ามันจะฟังฉันรู้เรื่องหรือเปล่า แต่ฉันก็มักจะคุยกับมันแบบนี้เกือบทุกคืน
"ชั้นอยากเป็นแมวแบบแกจังเจ้ามี้" มันผงกหัวขึ้นมามอง ดวงตาสีเหลืองของมันจ้องมาที่ฉันทำท่าเหมือนกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันจะพูด
"แมวน่ะ ค่อนข้างจะมีอิสระนี่นา อยากไปไหนก็ไป ท่าทางก็สวยงาม ทั้งว่องไว ปีนก็เก่ง การทรงตัวก็เป็นเลิส ถ้าชั้นทำแบบแกได้ ทุกๆคืนชั้นคงออกตระเวนกระโดดไปตามหลังคาบ้าน ปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูง หามุมสวยๆสำหรับนั่งมองแสงของดวงจันทร์" มันจ้องหน้าฉันทำคิ้วขมวดเล็กน้อย
"เงียววว" แน่ะมีตอบกลับมาด้วยล่ะ เจ้านี่เป็นแบบนี้ประจำ จนหลายๆ ครั้งฉันเผลอคิดว่ามันรู้เรื่องที่ฉันคุยกับมัน และมันก็พยายามจะคุยกับฉันด้วย
"แง้ว" ฉันร้องส่งเสียงตอบมัน มันทำคิ้วขมวดมากกว่าเดิมก่อนจะซุกตัวลงที่เดิม ฉันลูบหัวมันมันต่อ
"อย่างอนน่า ก็ชั้นฟังแกไม่รู้เรื่องนี่นา" คราวนี้มันลุกขึ้นหมุนตัวหันก้นมาให้ฉัน แต่ยังคงนอนซุกอยู่ที่ตักฉันเหมือนเดิม ฉันอมยิ้มกับท่าทางของมัน ก็มันดูเหมือนกับว่าเจ้ามี้กำลังงอนฉันอยู่เลย นี่ฉันคงจะเป็นบ้าเสียล่ะมั้ง แมวมันจะมารู้เรื่องขนาดนั้นได้ยังไง ฉันหลุดหัวเราะออกไปนิดหน่อย เจ้ามี้ยกหัวขึ้นมามองหน้าฉัน
"เมี้ยว" มันร้องคิ้วยังคงขมวดแล้วก็ซุกตัวกลับเข้าที่เดิมอีกครั้ง //
หมอกจางบทที่ 3 ราตรีของหมวย
อ่านตอนอื่นๆที่นี่
http://psychosis-1st.blogspot.com/2014/12/blog-post_16.html
แสงของดวงจันทร์คืนนี้ส่องสว่างอยู่กลางท้องฟ้า ไร้ซึ่งเมฆหมอกมาบดบัง ช่างสวยงามเหลือเกิน ไม่เหมือนตอนกลางวัน ฉันเกลียดแสงอาทิตย์ มันบดบังดวงดาวที่งดงาม ฉันเกลียดแสงสว่างเพราะมันมักจะบดบังความจริง ฉันเกลียดกลางวัน
ฉันนอนราบลงกับพื้นระเบียง เหม่อมองดวงดาวระยิบระยับ และพระจันทร์ดวงโตที่สะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์มาจากที่อันแสนไกล เสียงลมพัดกระทบใบไม้ มันสั่นไหวขยับเขยื้อนราวกับกำลังเต้นรำต้อนรับสายลมที่พัดเข้ามากระทบตัวมัน ดูพวกมันสนุกสนานเหลือเกิน คงมีความสุขกันมากสินะที่พวกมนุษย์โง่เง่าพวกนั้นนอนหลับพักผ่อนกันหมด
"เมี้ยว" เจ้ามี้ แมวสีดำท่าทางดูปราดเปรียวกระโดดขึ้นมาที่ระเบียงอย่างรู้เวลา มันมักจะมาอยู่เป็นเพื่อนฉันเสมอๆ ในตอนกลางคืน และพอแสงสว่างเริ่มมาเยือนมันก็จะหายตัวไป มันคงจะไม่ชอบเวลากลางวันเหมือนกัน เพราะฉันไม่เคยได้เจอมันในตอนกลางวันเลย มันคงไปหาสถานที่กำบังตัวให้พ้นจากแสงแดด และเมื่อพระอาทิตย์พ้นจากขอบฟ้ามันถึงออกมาร่าเริง
"เมี้ยว" ฉันส่งเสียงร้องเลียนแบบมันเป็นการทักทาย มันเดินลัดเลาะขอบรั้วระเบียงด้วยท่าทางที่สง่างาม ตรงมาหาฉัน
"เมี้ยว" มันส่งเสียงร้องอีกครั้ง แล้วกระโดดลงมาจากราวระเบียง มานั่งจ้องหน้าฉัน ฉันลุกขึ้นนั่งและ ลูบหัวของมันเป็น ส่วนเจ้ามี้ก็มุดหัวคลอเคลียไปมา ก่อนจะนั่งแปะลงข้างๆ เอนตัวพิงฉันแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าราวกับว่าฉันกับมี้เป็นคู่รักที่นั่งเหม่อมองดวงดาวด้วยกัน
ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแมวสักเท่าไหร่ ที่พอจะเข้าหูมาบ้างก็มีแต่เรื่องไร้สาระอย่างพวก แมวมีเก้าชีวิต หรือ แมวดำแบบเจ้ามี้ ถ้ากระโดดข้ามโลงศพแล้วผีจะดุ กับชอบนั่งดูดาว
สายลมเบาๆที่พัดผ่านร่างกาย เสียงใบไม้เสียดสีตามแรงลม แสงนวลสลัวของดวงจันทร์ กับแมวดำหนึ่งตัว เป็นภาพที่ดูเข้ากันเสียจริง ฉันอุ้มเจ้ามี้ขึ้นมาวางบนหน้าตัก มันร้องแล้วดิ้นนิดหน่อยตอนที่ยกมันขึ้นมา แต่พอลงถึงตักมันก็ขดตัวซุกลงนอนอยู่ตรงนั้น ตัวของมันทั้งนิ่มและก็อุ่นมาก
"เป็นแมวนี่ก็ดีนะ" ฉันกำลังพร่ำรำพันอยู่กับแมว มือก็ลูบขนนิ่มๆ ของมัน ไล่จากหัวลงไปถึงกลางลำตัว ไม่รู้ว่ามันจะฟังฉันรู้เรื่องหรือเปล่า แต่ฉันก็มักจะคุยกับมันแบบนี้เกือบทุกคืน
"ชั้นอยากเป็นแมวแบบแกจังเจ้ามี้" มันผงกหัวขึ้นมามอง ดวงตาสีเหลืองของมันจ้องมาที่ฉันทำท่าเหมือนกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ฉันจะพูด
"แมวน่ะ ค่อนข้างจะมีอิสระนี่นา อยากไปไหนก็ไป ท่าทางก็สวยงาม ทั้งว่องไว ปีนก็เก่ง การทรงตัวก็เป็นเลิส ถ้าชั้นทำแบบแกได้ ทุกๆคืนชั้นคงออกตระเวนกระโดดไปตามหลังคาบ้าน ปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูง หามุมสวยๆสำหรับนั่งมองแสงของดวงจันทร์" มันจ้องหน้าฉันทำคิ้วขมวดเล็กน้อย
"เงียววว" แน่ะมีตอบกลับมาด้วยล่ะ เจ้านี่เป็นแบบนี้ประจำ จนหลายๆ ครั้งฉันเผลอคิดว่ามันรู้เรื่องที่ฉันคุยกับมัน และมันก็พยายามจะคุยกับฉันด้วย
"แง้ว" ฉันร้องส่งเสียงตอบมัน มันทำคิ้วขมวดมากกว่าเดิมก่อนจะซุกตัวลงที่เดิม ฉันลูบหัวมันมันต่อ
"อย่างอนน่า ก็ชั้นฟังแกไม่รู้เรื่องนี่นา" คราวนี้มันลุกขึ้นหมุนตัวหันก้นมาให้ฉัน แต่ยังคงนอนซุกอยู่ที่ตักฉันเหมือนเดิม ฉันอมยิ้มกับท่าทางของมัน ก็มันดูเหมือนกับว่าเจ้ามี้กำลังงอนฉันอยู่เลย นี่ฉันคงจะเป็นบ้าเสียล่ะมั้ง แมวมันจะมารู้เรื่องขนาดนั้นได้ยังไง ฉันหลุดหัวเราะออกไปนิดหน่อย เจ้ามี้ยกหัวขึ้นมามองหน้าฉัน
"เมี้ยว" มันร้องคิ้วยังคงขมวดแล้วก็ซุกตัวกลับเข้าที่เดิมอีกครั้ง //