มรกต จรัสแสง
==========
มรกต จรัสแสง เป็นแมวจรจัดที่ผมตั้งชื่อให้ หล่อนเป็นแมวสาวขนสีดำปนเทา มีดวงตาสีเขียวมรกต ส่องสว่างสดใสสวยงามมาก นั่นละ ที่มาของชื่อ ผมก็คิดอยากจะตั้งชื่อให้แมวสาวแบบเรียบง่าย ชื่อที่คนส่วนใหญ่ชอบตั้งให้สัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น โกโก้ นิกกี้ ดำมี้ ตัวเล็ก ซูก้า ลีโอหรือแม้แต่ชื่อปิฬาร์ซึ่งเป็นแมวของเพื่อนผมเอง
ผมแอบนึกในใจว่าเพื่อนไปคิดชื่อนี้มาจากไหน ดูไม่เท่ไม่มีสไตล์เอาซะเลย ผมเห็นชื่อปิฬาร์ทีไรนึกไปถึงปลาบิรันย่าทุกที คนตั้งคงอยากให้ปิฬาร์ไปไล่งับบิรันย่ากระมัง แต่ก็ช่างเถอะผมไม่ใคร่จะใส่ใจกับชื่อไม่เท่แบบนั้นสักเท่าไร
ระดับผมผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนที่โด่งดังในศตวรรคที่ ๒๑ การจะตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยงสักตัวต้องดูหรูไว้ก่อนดูอย่างกระต่ายแฟนผม ผมตั้งชื่อให้มันว่า ขุนพล เดชพยัคฆ์ แฟนผมดันไปตัดเหลือคำว่าขุนอย่างเดียว เซ็งสิครับ..กระต่ายตัวนั่นมันควรได้รับชื่อนี้ไปครอบครอง เช่นเดียวเจ้าแมวสาวจรจัดที่ได้รับชื่อ มรกต จรัสแสง ไปทันทีแบบที่เจ้าหล่อนไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งเพื่อขอชื่อใหม่
เมื่อวันก่อนแมวสาวผู้ได้ชื่อใหม่เอี่ยมอ่องว่า มรกต แสงจรัส หล่อนมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าห้องพักขนาดเล็กของผม ส่งเสียงร้องเมี้ยว พร้อมส่งสายตาบ๋องแบ๊วไร้เดียงสามาให้ ขณะที่ผมกำลังปิดล็อคประตูห้องเพื่อออกไปทำงาน หล่อนเดินมาหมอบอยู่แทบเท้า เห็นแบบนี้แล้วจิตวิญญาณด้านอ่อนโยนก็เริ่มทำงานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มีแต่แมวแสนน่ารักกับบุรุษผู้รักสัตว์โลกอย่างผมคนนี้ ผมล้มลงไปลูบหัวมัน
ก่อนจะดัดเสียงเล็กเสียงน้อยให้ฟังดูอ่อนโยนน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำให้แมวจรจัดเกิดความรู้สึกปลาบปลื้มเมื่อแรกพบ
“ไงเจ้าเหมียวน้อย แกหิวข้าวใช่ไหม”
“เมี้ยว” เป็นเสียงตอบจากมรกต จรัสแสง ทำให้ผมต้องปลดล็อคประตูห้องวิ่งตรงไปเปิดหาอะไรก็ตามที่กินได้ในตู้เย็นมาให้แมวสาวจรจัดผู้หิวโหย และก็ไม่พบอะไรเลยนอกจาก ซากเน่าของแตงโมครึ่งลูกและถุงขนมที่แฟนซื้อมาฝากเมื่อห้าวันที่แล้ว ดูท่าจะขึ้นราเสียด้วยซ้ำ
ทว่า.. โชคดีเป็นของมรกต จรัสแสง เมื่อผมเห็นขวดนมที่เหลืออยู่ครึ่งขวด จัดการเทนมใส่ถ้วยแล้วนำมาวางหน้าห้อง
“แกกินไปก่อน เลิกงานแล้วจะซื้อปลาทูมาฝาก ถ้าแกยังอยู่ที่นี่นะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายเพราะหล่อนกำลังตวัดลิ้นเลียกินนมด้วยความเอร็ดอร่อย
ผมได้ปลาทูมาตัวหนึ่งตามที่ได้บอกกับแมวไว้ ผมไม่อาจผิดคำพูดกับใครหรือสัตว์ตัวไหน เมื่อได้เอ่ยปากไว้แล้ว ก็ตั้งมั่นจะทำอย่างที่พูด
สาดส่องสายตามองหาแมวสาวจรจัด แต่ก็ไม่เห็นมันอยู่บริเวณหน้าห้อง ผมตะโกนร้องเรียกหาอยู่เพียงไม่นาน เจ้าแมวสาวแสนสวยและผึ่งผายก็เดินเยี่ยงย่างออกมาจากมุมมืด นัยน์ตาสีเขียวมรกตส่องประกายแวววาวเจิดจรัสเมื่อต้องกับแสงไฟนีออน งดงามมากราวกับเพชรตาแมวเลยก็ว่าได้
“รออยู่นี่แป๊บนะ เดี๋ยวจะเอาปลาทูคลุกใส่ข้าวมาให้กิน”
ในจังหวะเดียวกันนั้นผมเห็นมรกต จรัสแสง ส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้ ก่อนนั่งรออย่างสำรวมอยู่หน้าห้อง ในขณะที่ผมกำลังสาละวนกับการทำหน้าที่เป็นมนุษย์ผู้รักสัตว์โลก แกะกล่องข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวซึ่งผมซื้อติดมาสำหรับอาหารเย็น แบ่งข้าวจากล่องมานิดหนึ่งแล้วขยำเนื้อปลาทูคลุกเคล้ากับข้าว เป็นว่าน่าทานสำหรับแมวตัวหนึ่ง
จัดใส่จานนำมาวางให้แมวสาวแสนสวยได้กิน
มรกต จรัสแสง ไม่พูดพล่ามทำเพลงลงมือกินข้าวอย่างละเมียดละไมด้วยอารมณ์เปี่ยมสุข ผมลูบหัวเจ้าหล่อนส่งเสียงร้องเมี้ยวแผ่วเบาทว่าแฝงในนัยยะแห่งการขอบคุณ
“ต่อไปนี้แกจะชื่อว่า มรกต จรัสแสงนะ” และผมก็ถือวิสาสะตั้งชื่อให้มันด้วยความภาคภูมิใจโดยที่ใช้เวลาคิดชื่อนี้เกือบทั้งวัน
ผมเปิดประตูห้องทิ้งไว้เพื่อจะได้มองดูมรกตกินข้าว แล้วกลับเข้ามาในห้อง ฟาดข้าวกะเพราะไก่จนหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะเปิดเฟซบุ๊กเพื่อส่งข้อความหาวิรันรัตน์แฟนผม หลังจากที่พยายามโทรติดต่อหาเธอทั้งวันแต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย
วิรันรัตน์ไปเป็นอาสาสมัครสอนหนังสือเด็กนักเรียนบนดอย เป็นมันความฝันของเธอ ผมเข้าใจสิ่งที่เธอทำ แต่ก็อดเป็นห่วงเสียไม่ได้ ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมอย่างวิรันรัตน์ต้องไปอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารแบบนั้น ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไร
‘ช่วงนี้อาจจะโทรหาวิไม่ติดนะคะ เพราะสัญญาณคลื่นโทรศัพท์หายากมาก บางทีก็มี บางทีก็ไม่มี สัญญาณอินเตอร์เนตก็ยิ่งแล้วใหญ่ วิคิดว่าคงต้องกลับไปใช้วิธีเขียนจดหมายซะแล้ว อิอิ วิเห็นสายที่ทัชโทรมาแล้วค่ะแต่พอจะโทรกลับก็ดันไม่มีคลื่นซะงั้น วิจะส่งข่าวมาหาทัชเป็นระยะๆนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงนา วิสบายดีค่ะ สนุกและมีความสุขมากด้วยที่ได้สอนหนังสือเด็กๆ บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นเย็นสบาย วิวธรรมชาติก็สวยมากเลยค่ะ อยากให้ทัชมาอยู่ที่นี่ด้วยจัง ดูแลตัวเองดีๆนะคะแล้วเจอกันเดือนหน้าค่ะ คิดถึงมากมายเลย’
ผมอ่านข้อความจากวิเป็นครั้งที่สาม รู้สึกหัวใจชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเหมือนได้ยินเสียงหวานซึ้งของวิดังอยู่ข้างหู นั่งยิ้มให้กับข้อความจากคนรักเท่านี้ก็สุขใจแล้ว แต่เมื่อคิดว่าตลอดทั้งเดือนนี้จะไม่ได้เจอวิเลย หัวใจก็กลับมาแห้งเหี่ยวอีกครั้ง
ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับ ถามไถ่วิหลากหลายเรื่องราว และเล่าเรื่องต่างๆที่ผมทำให้เธอฟัง รวมถึงเรื่องของมรกต จรัสแสงด้วย พร้อมส่งรูปเจ้าเหมียวจรจัดตัวนี้ไปให้เธอดู ผมคิดว่าวิคงชอบใจนักเพราะเธอเป็นนักสังคมสงเคราะห์สัตว์ไร้บ้านตัวยงเลยล่ะ
ผมปิดโน้ตบุ๊กตัวเก่งทันทีที่ส่งข้อความหาวิเรียบร้อยแล้ว คืนนี้ตั้งใจจะอ่านนิยายของดีน คูนท์ซ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเจ้าพ่อนิยายสยองขวัญ ซึ่งตอนนี้ผมมีนิยายเรื่อง หลอนวิปริต อยู่ในมือ แค่ชื่อก็ชวนให้ขนลุกขนพองได้แล้ว คืนนี้ต้องอ่านให้จบ ต้องหาแรงบันดาลใจสักเล็กน้อยเพื่อไขว้คว้าหาพล็อตนิยายเรื่องใหม่ของผมที่ต้องหวาดผวา โหดสยองไม่ให้น้อยหน้านักเขียนผู้ลึกลับ บุคคลที่หาตัวจับได้ยากซึ่งมีนามปากกาว่าไซโคจีให้จงได้
แต่ก็ช่างเถอะวันนี้ไม่อารมณ์จะร่ายนิยาย….
หันไปมองหน้าห้องก็เห็นมรกต จรัสแสงนอนขดตัวอยู่บนพื้นปูน คงรู้สึกหนาวอยู่ไม่น้อยเพราะคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นลมก็พัดแรง ผมรื้อค้นหาเศษเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้ว มาปูรองบนพื้นให้เจ้าหล่อนนอนรวมทั้งห่มผ้าให้ หล่อนปรือตาขึ้นมามองขณะที่ผมอุ้มขึ้นจากพื้น
“แกนอนอยู่หน้าห้องนี่นะ ไม่ต้องเร่ร่อนไปไหน เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงแกเอง”
พูดกับแมวแผ่วเบา และนึกอยากจะให้มรกต จรัสแสงมานอนอยู่ในห้องด้วย แต่มันคงจะออกจากห้องไม่ได้ ถ้าเกิดปวดท้องอยากปลดทุกข์ขึ้นมา ตัดสินใจปล่อยไว้หน้าห้องท่าจะดีกว่า
พรุ่งนี้ผมตั้งใจจะไปซื้อปลอกคอมาให้มรกต จรัสแสงใส่เสียหน่อย แสดงตนให้รู้ว่ามีเจ้าของ จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำร้าย
สี่วันผ่านไปผมกับมรกต จรัสแสงสนิทสนมและรู้ใจกันมาขึ้น หล่อนเรียนรู้ว่าผมออกจากบ้านกี่โมงแล้วกลับมากี่โมง ทุกเช้าที่ผมจะออกไปทำงาน จะมายืนรอส่งและนอนรออยู่หน้าประตูเมื่อผมเลิกงานกลับมา
หล่อนเป็นแมวที่เชื่อง แสนรู้ เจียมตัว และรู้ขอบเขตของตัวเอง ไม่เคยเลยที่ย่างกรายเข้ามาในห้องผม แม้จะเรียกให้เข้ามาก็ตาม
หล่อนจะยืนรออยู่แค่กรอบประตู ร้องเมี้ยวๆเสียงสดใสน่ารักทักทายทุกครั้ง ก่อนจะนอนหมอบเพื่อรออาหาร หรือรอให้ผมไปลูบหัว ยิ่งรู้จักยิ่งรักเจ้าแมวสาวตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมพาเจ้าหล่อนไปฉีดวัคซีน และกลับมาอาบน้ำแปรงขนให้จนสะอาดสะอ้าน มรกตกลายเป็นแมวสวยสง่างาม ไม่เหลือเค้าแมวจรจัดที่มอมแมมและมีกลิ่นตัวเหม็นอีกต่อไป
มรกต จรัสแสงเป็นเพื่อนที่ดีแถมยังเป็นนักฟังที่ดีเมื่อผมพร่ำเพ้อคิดถึงวิมากมายแค่ไหน หล่อนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ผมพูด ไม่ว่าจะเป็นการกะพริบตา ส่งเสียงร้องแผ่วทว่าฟังดูนุ่มนวลเหมือนเป็นการส่งกำลังใจมาให้และในบางครั้งก็ผงกหัวรับรู้ราวกับเข้าใจเรื่องราวเหล่านั้น
ช่วงเวลาที่มีมรกต จรัสแสง มันทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือเหงาหงอยเมื่อไม่ได้เจอวิ กลับมาห้องพักแล้วเห็นแมวสาวนอนรออยู่หน้าห้องก็ทำให้หัวใจเบิกบานขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และผมรับรู้ได้เช่นกันว่ามรกต จรัสแสงก็รู้สึกว่าตัวหล่อนเองไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะมีผมเป็นเพื่อนและเป็นคนดูแล ผมยังจำวันที่เจอหล่อนครั้งแรกได้ดี แมวสาวผู้มีสายตาว้าเหว่ อ้างว้างและเดี่ยวดาย ทว่าในวันนี้สายตาเหล่านั้นได้จางหายไปจากแววตาแมวสาวตัวนี้ไปหมดสิ้นแล้ว เราทั้งคู่ต่างได้มาเติมเต็มความสุขเล็กๆน้อยๆให้แก่กัน จนเกิดเป็นความรักความผูกพันระหว่างผมกับแมวสาวหลงทาง
เกือบจะครบสองสัปดาห์แล้วที่ผมเลี้ยงมรกต จรัสแสงไว้หน้าห้อง .. กลับมาห้องด้วยสภาพเหนื่อยล้า แต่เจ้ามรกต จรัสแสงก็เล่นเอาผมตกอกตกใจ เมื่อคาบงูเขียวและลูกหนูอีกหนึ่งตัวมากองไว้หน้าห้อง เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่หล่อนทำแบบนี้ บอกแล้วก็ไม่ฟัง ผมได้แต่ยืนระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
วันนี้ผมไม่ค่อยเป็นสุขนักไม่มีอารมณ์จะอบรมเจ้าแมวสาว ใจคอไม่ดีเอาซะเลย เมื่อติดต่อวิไม่ได้ ส่งข้อความไปหาทุกวันแต่ข้อความหลังๆมาเธอยังไม่อ่าน ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ผมอยากเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วตามไปดูให้แน่ใจว่าวิสบายดี
“เมี้ยว” เจ้าหล่อนร้องทักทาย ก่อนจะหันหน้าพยักพเยิดไปทางซากงูกับหนู ราวกับเป็นการเชื้อเชิญให้ผมลิ้มลองเมนูพิสดารตรงหน้า ผมเข้าใจดีนี่เป็นการแสดงการขอบคุณฉบับแมว แต่คงต้องสอนเจ้ามรกตใหม่เสียแล้วละ
“มรกต ฉันไม่กินอาหารพวกนี้หรอกนะ แกทำฉันสยองเลยนะ..โอ๊ยให้ตายเถอะ”
ผมหยิบถุงเปล่าจากถังขยะมาจับซากงูและหนูไปทิ้ง
เดินกลับมาลูบหัวมรกต ก่อนจะระบายความคิดถึงแฟนให้มันฟัง
“ผ่านไปสัปดาห์หนึ่งแล้ววิยังไม่ติดต่อกลับมาเลย แกจะให้ฉันทำอย่างไรดีมรกต บุกไปหาเลยดีไหม แต่แกจะอยู่คนเดียวได้ไหมนา”
“เมี้ยว” มรกตใช้หัวคลอเคลียเท้าและมือผมก่อนจะเดินไปที่ประตู แล้วใช้เท้าหน้าตะกุยขูดเขี่ยบานประตู
“มีอะไรหรือมรกต”
ไม่ต้องให้แมวตอบผมรีบเปิดประห้อง และเห็นซองจดหมายสีขาววางอยู่ที่พื้น ดูลายมือก็รู้แล้วว่าเป็นใคร
ผมคลี่จดหมายออกแล้วนั่งอ่านตรงประตูห้องโดยมีมรกตนอนหมอบอยู่ข้างๆ
ถึง..ทัชจัง
วิตั้งใจเขียนจดหมายทันทีหลังจากที่พยายามติดต่อทัชอยู่หลายครั้ง
สัญญาณอินเตอเน็ตและคลื่นโทรศัพท์ไม่สามารถใช้งานได้เลย
เกิดพายุขึ้นในหมู่บ้านค่ะ สถานที่ที่เคยใช้เป็นห้องเรียนสำหรับนักเรียนถูกพายุพัดทำลายไปเกือบหมด
อาสาสมัครที่นี่จึงวุ่นวายกันทุกคนเลยค่ะ
วิรู้ว่าทัชต้องเป็นห่วงวิแน่ๆเลยใช่ป่ะ คงใจคอไม่ดีล่ะสิที่ไม่เห็นเค้าติดต่อกลับมาเลย
วิสบายดีค่ะ และกำลังสนุกกับการสร้างห้องเรียนหลังใหม่ให้นักเรียน
ตอนนี้ตัวเริ่มดำแล้ว ผิวหนังลอกเป็นจุดๆ กลับไปไม่สวย
จะรักกันอยู่หรือเปล่านา ......... (ผมตอบได้ทันทีว่า รัก)
เห็นรูปเจ้ามรกตแล้วนะคะ มันเป็นแมวที่สวยและน่ารักมากเลยค่ะ ทัชเลี้ยงมันดีๆนา
กลับไปวิจะพาเจ้าขุนไปเล่นกับมรกตทีนี้เราก็จะมีสัตว์เลี้ยงต่างสายพันธุ์มาเป็นเพื่อนรักกัน อิอิ
คงน่ารักมากเลยค่ะ
อีกไม่นานก็จะได้เจอกันแล้ว
ดูแลตัวเองดีๆนะคะ คิดถึงที่สุดเลย
ปล.ตั้งชื่อให้แมวซะเว่อร์วังเลยนะคะ
ผมนั่งกอดจดหมายไว้แนบอกความสุขท่วมท้นจนยากจะบรรยาย ทำได้เพียงฉีกยิ้มกว้างจนปากจะถึงใบหูแล้วมั่ง …มรกต คงรับรู้ถึงหัวใจอันเบิกบานของผม เจ้าหล่อนกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก ใช้หัวดันหน้าท้องผม คงอยากแสดงความยินดี
ค่ำคืนนี้ผมอุ้มมรกตมานอนดูหนังเป็นเพื่อน
ในใจนึกถึงวันที่ มรกต จรัสแสง ได้ไปพบ ขุนพล เดชพยัคฆ์ มันคงจะเป็นวันที่อลหม่านวุ่นวายและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขมากแน่ๆเลย ผมเฝ้ารอให้ถึงวันนั้นใจจะขาดแล้ว
=====
มรกต จรัสแสง
==========
มรกต จรัสแสง เป็นแมวจรจัดที่ผมตั้งชื่อให้ หล่อนเป็นแมวสาวขนสีดำปนเทา มีดวงตาสีเขียวมรกต ส่องสว่างสดใสสวยงามมาก นั่นละ ที่มาของชื่อ ผมก็คิดอยากจะตั้งชื่อให้แมวสาวแบบเรียบง่าย ชื่อที่คนส่วนใหญ่ชอบตั้งให้สัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น โกโก้ นิกกี้ ดำมี้ ตัวเล็ก ซูก้า ลีโอหรือแม้แต่ชื่อปิฬาร์ซึ่งเป็นแมวของเพื่อนผมเอง
ผมแอบนึกในใจว่าเพื่อนไปคิดชื่อนี้มาจากไหน ดูไม่เท่ไม่มีสไตล์เอาซะเลย ผมเห็นชื่อปิฬาร์ทีไรนึกไปถึงปลาบิรันย่าทุกที คนตั้งคงอยากให้ปิฬาร์ไปไล่งับบิรันย่ากระมัง แต่ก็ช่างเถอะผมไม่ใคร่จะใส่ใจกับชื่อไม่เท่แบบนั้นสักเท่าไร
ระดับผมผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนที่โด่งดังในศตวรรคที่ ๒๑ การจะตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยงสักตัวต้องดูหรูไว้ก่อนดูอย่างกระต่ายแฟนผม ผมตั้งชื่อให้มันว่า ขุนพล เดชพยัคฆ์ แฟนผมดันไปตัดเหลือคำว่าขุนอย่างเดียว เซ็งสิครับ..กระต่ายตัวนั่นมันควรได้รับชื่อนี้ไปครอบครอง เช่นเดียวเจ้าแมวสาวจรจัดที่ได้รับชื่อ มรกต จรัสแสง ไปทันทีแบบที่เจ้าหล่อนไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งเพื่อขอชื่อใหม่
เมื่อวันก่อนแมวสาวผู้ได้ชื่อใหม่เอี่ยมอ่องว่า มรกต แสงจรัส หล่อนมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าห้องพักขนาดเล็กของผม ส่งเสียงร้องเมี้ยว พร้อมส่งสายตาบ๋องแบ๊วไร้เดียงสามาให้ ขณะที่ผมกำลังปิดล็อคประตูห้องเพื่อออกไปทำงาน หล่อนเดินมาหมอบอยู่แทบเท้า เห็นแบบนี้แล้วจิตวิญญาณด้านอ่อนโยนก็เริ่มทำงานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มีแต่แมวแสนน่ารักกับบุรุษผู้รักสัตว์โลกอย่างผมคนนี้ ผมล้มลงไปลูบหัวมัน
ก่อนจะดัดเสียงเล็กเสียงน้อยให้ฟังดูอ่อนโยนน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำให้แมวจรจัดเกิดความรู้สึกปลาบปลื้มเมื่อแรกพบ
“ไงเจ้าเหมียวน้อย แกหิวข้าวใช่ไหม”
“เมี้ยว” เป็นเสียงตอบจากมรกต จรัสแสง ทำให้ผมต้องปลดล็อคประตูห้องวิ่งตรงไปเปิดหาอะไรก็ตามที่กินได้ในตู้เย็นมาให้แมวสาวจรจัดผู้หิวโหย และก็ไม่พบอะไรเลยนอกจาก ซากเน่าของแตงโมครึ่งลูกและถุงขนมที่แฟนซื้อมาฝากเมื่อห้าวันที่แล้ว ดูท่าจะขึ้นราเสียด้วยซ้ำ
ทว่า.. โชคดีเป็นของมรกต จรัสแสง เมื่อผมเห็นขวดนมที่เหลืออยู่ครึ่งขวด จัดการเทนมใส่ถ้วยแล้วนำมาวางหน้าห้อง
“แกกินไปก่อน เลิกงานแล้วจะซื้อปลาทูมาฝาก ถ้าแกยังอยู่ที่นี่นะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายเพราะหล่อนกำลังตวัดลิ้นเลียกินนมด้วยความเอร็ดอร่อย
ผมได้ปลาทูมาตัวหนึ่งตามที่ได้บอกกับแมวไว้ ผมไม่อาจผิดคำพูดกับใครหรือสัตว์ตัวไหน เมื่อได้เอ่ยปากไว้แล้ว ก็ตั้งมั่นจะทำอย่างที่พูด
สาดส่องสายตามองหาแมวสาวจรจัด แต่ก็ไม่เห็นมันอยู่บริเวณหน้าห้อง ผมตะโกนร้องเรียกหาอยู่เพียงไม่นาน เจ้าแมวสาวแสนสวยและผึ่งผายก็เดินเยี่ยงย่างออกมาจากมุมมืด นัยน์ตาสีเขียวมรกตส่องประกายแวววาวเจิดจรัสเมื่อต้องกับแสงไฟนีออน งดงามมากราวกับเพชรตาแมวเลยก็ว่าได้
“รออยู่นี่แป๊บนะ เดี๋ยวจะเอาปลาทูคลุกใส่ข้าวมาให้กิน”
ในจังหวะเดียวกันนั้นผมเห็นมรกต จรัสแสง ส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้ ก่อนนั่งรออย่างสำรวมอยู่หน้าห้อง ในขณะที่ผมกำลังสาละวนกับการทำหน้าที่เป็นมนุษย์ผู้รักสัตว์โลก แกะกล่องข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวซึ่งผมซื้อติดมาสำหรับอาหารเย็น แบ่งข้าวจากล่องมานิดหนึ่งแล้วขยำเนื้อปลาทูคลุกเคล้ากับข้าว เป็นว่าน่าทานสำหรับแมวตัวหนึ่ง
จัดใส่จานนำมาวางให้แมวสาวแสนสวยได้กิน
มรกต จรัสแสง ไม่พูดพล่ามทำเพลงลงมือกินข้าวอย่างละเมียดละไมด้วยอารมณ์เปี่ยมสุข ผมลูบหัวเจ้าหล่อนส่งเสียงร้องเมี้ยวแผ่วเบาทว่าแฝงในนัยยะแห่งการขอบคุณ
“ต่อไปนี้แกจะชื่อว่า มรกต จรัสแสงนะ” และผมก็ถือวิสาสะตั้งชื่อให้มันด้วยความภาคภูมิใจโดยที่ใช้เวลาคิดชื่อนี้เกือบทั้งวัน
ผมเปิดประตูห้องทิ้งไว้เพื่อจะได้มองดูมรกตกินข้าว แล้วกลับเข้ามาในห้อง ฟาดข้าวกะเพราะไก่จนหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะเปิดเฟซบุ๊กเพื่อส่งข้อความหาวิรันรัตน์แฟนผม หลังจากที่พยายามโทรติดต่อหาเธอทั้งวันแต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย
วิรันรัตน์ไปเป็นอาสาสมัครสอนหนังสือเด็กนักเรียนบนดอย เป็นมันความฝันของเธอ ผมเข้าใจสิ่งที่เธอทำ แต่ก็อดเป็นห่วงเสียไม่ได้ ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมอย่างวิรันรัตน์ต้องไปอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารแบบนั้น ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไร
‘ช่วงนี้อาจจะโทรหาวิไม่ติดนะคะ เพราะสัญญาณคลื่นโทรศัพท์หายากมาก บางทีก็มี บางทีก็ไม่มี สัญญาณอินเตอร์เนตก็ยิ่งแล้วใหญ่ วิคิดว่าคงต้องกลับไปใช้วิธีเขียนจดหมายซะแล้ว อิอิ วิเห็นสายที่ทัชโทรมาแล้วค่ะแต่พอจะโทรกลับก็ดันไม่มีคลื่นซะงั้น วิจะส่งข่าวมาหาทัชเป็นระยะๆนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงนา วิสบายดีค่ะ สนุกและมีความสุขมากด้วยที่ได้สอนหนังสือเด็กๆ บรรยากาศที่นี่ร่มรื่นเย็นสบาย วิวธรรมชาติก็สวยมากเลยค่ะ อยากให้ทัชมาอยู่ที่นี่ด้วยจัง ดูแลตัวเองดีๆนะคะแล้วเจอกันเดือนหน้าค่ะ คิดถึงมากมายเลย’
ผมอ่านข้อความจากวิเป็นครั้งที่สาม รู้สึกหัวใจชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเหมือนได้ยินเสียงหวานซึ้งของวิดังอยู่ข้างหู นั่งยิ้มให้กับข้อความจากคนรักเท่านี้ก็สุขใจแล้ว แต่เมื่อคิดว่าตลอดทั้งเดือนนี้จะไม่ได้เจอวิเลย หัวใจก็กลับมาแห้งเหี่ยวอีกครั้ง
ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับ ถามไถ่วิหลากหลายเรื่องราว และเล่าเรื่องต่างๆที่ผมทำให้เธอฟัง รวมถึงเรื่องของมรกต จรัสแสงด้วย พร้อมส่งรูปเจ้าเหมียวจรจัดตัวนี้ไปให้เธอดู ผมคิดว่าวิคงชอบใจนักเพราะเธอเป็นนักสังคมสงเคราะห์สัตว์ไร้บ้านตัวยงเลยล่ะ
ผมปิดโน้ตบุ๊กตัวเก่งทันทีที่ส่งข้อความหาวิเรียบร้อยแล้ว คืนนี้ตั้งใจจะอ่านนิยายของดีน คูนท์ซ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเจ้าพ่อนิยายสยองขวัญ ซึ่งตอนนี้ผมมีนิยายเรื่อง หลอนวิปริต อยู่ในมือ แค่ชื่อก็ชวนให้ขนลุกขนพองได้แล้ว คืนนี้ต้องอ่านให้จบ ต้องหาแรงบันดาลใจสักเล็กน้อยเพื่อไขว้คว้าหาพล็อตนิยายเรื่องใหม่ของผมที่ต้องหวาดผวา โหดสยองไม่ให้น้อยหน้านักเขียนผู้ลึกลับ บุคคลที่หาตัวจับได้ยากซึ่งมีนามปากกาว่าไซโคจีให้จงได้
แต่ก็ช่างเถอะวันนี้ไม่อารมณ์จะร่ายนิยาย….
หันไปมองหน้าห้องก็เห็นมรกต จรัสแสงนอนขดตัวอยู่บนพื้นปูน คงรู้สึกหนาวอยู่ไม่น้อยเพราะคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นลมก็พัดแรง ผมรื้อค้นหาเศษเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้ว มาปูรองบนพื้นให้เจ้าหล่อนนอนรวมทั้งห่มผ้าให้ หล่อนปรือตาขึ้นมามองขณะที่ผมอุ้มขึ้นจากพื้น
“แกนอนอยู่หน้าห้องนี่นะ ไม่ต้องเร่ร่อนไปไหน เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงแกเอง”
พูดกับแมวแผ่วเบา และนึกอยากจะให้มรกต จรัสแสงมานอนอยู่ในห้องด้วย แต่มันคงจะออกจากห้องไม่ได้ ถ้าเกิดปวดท้องอยากปลดทุกข์ขึ้นมา ตัดสินใจปล่อยไว้หน้าห้องท่าจะดีกว่า
พรุ่งนี้ผมตั้งใจจะไปซื้อปลอกคอมาให้มรกต จรัสแสงใส่เสียหน่อย แสดงตนให้รู้ว่ามีเจ้าของ จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำร้าย
สี่วันผ่านไปผมกับมรกต จรัสแสงสนิทสนมและรู้ใจกันมาขึ้น หล่อนเรียนรู้ว่าผมออกจากบ้านกี่โมงแล้วกลับมากี่โมง ทุกเช้าที่ผมจะออกไปทำงาน จะมายืนรอส่งและนอนรออยู่หน้าประตูเมื่อผมเลิกงานกลับมา
หล่อนเป็นแมวที่เชื่อง แสนรู้ เจียมตัว และรู้ขอบเขตของตัวเอง ไม่เคยเลยที่ย่างกรายเข้ามาในห้องผม แม้จะเรียกให้เข้ามาก็ตาม
หล่อนจะยืนรออยู่แค่กรอบประตู ร้องเมี้ยวๆเสียงสดใสน่ารักทักทายทุกครั้ง ก่อนจะนอนหมอบเพื่อรออาหาร หรือรอให้ผมไปลูบหัว ยิ่งรู้จักยิ่งรักเจ้าแมวสาวตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมพาเจ้าหล่อนไปฉีดวัคซีน และกลับมาอาบน้ำแปรงขนให้จนสะอาดสะอ้าน มรกตกลายเป็นแมวสวยสง่างาม ไม่เหลือเค้าแมวจรจัดที่มอมแมมและมีกลิ่นตัวเหม็นอีกต่อไป
มรกต จรัสแสงเป็นเพื่อนที่ดีแถมยังเป็นนักฟังที่ดีเมื่อผมพร่ำเพ้อคิดถึงวิมากมายแค่ไหน หล่อนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ผมพูด ไม่ว่าจะเป็นการกะพริบตา ส่งเสียงร้องแผ่วทว่าฟังดูนุ่มนวลเหมือนเป็นการส่งกำลังใจมาให้และในบางครั้งก็ผงกหัวรับรู้ราวกับเข้าใจเรื่องราวเหล่านั้น
ช่วงเวลาที่มีมรกต จรัสแสง มันทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือเหงาหงอยเมื่อไม่ได้เจอวิ กลับมาห้องพักแล้วเห็นแมวสาวนอนรออยู่หน้าห้องก็ทำให้หัวใจเบิกบานขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และผมรับรู้ได้เช่นกันว่ามรกต จรัสแสงก็รู้สึกว่าตัวหล่อนเองไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะมีผมเป็นเพื่อนและเป็นคนดูแล ผมยังจำวันที่เจอหล่อนครั้งแรกได้ดี แมวสาวผู้มีสายตาว้าเหว่ อ้างว้างและเดี่ยวดาย ทว่าในวันนี้สายตาเหล่านั้นได้จางหายไปจากแววตาแมวสาวตัวนี้ไปหมดสิ้นแล้ว เราทั้งคู่ต่างได้มาเติมเต็มความสุขเล็กๆน้อยๆให้แก่กัน จนเกิดเป็นความรักความผูกพันระหว่างผมกับแมวสาวหลงทาง
เกือบจะครบสองสัปดาห์แล้วที่ผมเลี้ยงมรกต จรัสแสงไว้หน้าห้อง .. กลับมาห้องด้วยสภาพเหนื่อยล้า แต่เจ้ามรกต จรัสแสงก็เล่นเอาผมตกอกตกใจ เมื่อคาบงูเขียวและลูกหนูอีกหนึ่งตัวมากองไว้หน้าห้อง เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่หล่อนทำแบบนี้ บอกแล้วก็ไม่ฟัง ผมได้แต่ยืนระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
วันนี้ผมไม่ค่อยเป็นสุขนักไม่มีอารมณ์จะอบรมเจ้าแมวสาว ใจคอไม่ดีเอาซะเลย เมื่อติดต่อวิไม่ได้ ส่งข้อความไปหาทุกวันแต่ข้อความหลังๆมาเธอยังไม่อ่าน ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ผมอยากเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วตามไปดูให้แน่ใจว่าวิสบายดี
“เมี้ยว” เจ้าหล่อนร้องทักทาย ก่อนจะหันหน้าพยักพเยิดไปทางซากงูกับหนู ราวกับเป็นการเชื้อเชิญให้ผมลิ้มลองเมนูพิสดารตรงหน้า ผมเข้าใจดีนี่เป็นการแสดงการขอบคุณฉบับแมว แต่คงต้องสอนเจ้ามรกตใหม่เสียแล้วละ
“มรกต ฉันไม่กินอาหารพวกนี้หรอกนะ แกทำฉันสยองเลยนะ..โอ๊ยให้ตายเถอะ”
ผมหยิบถุงเปล่าจากถังขยะมาจับซากงูและหนูไปทิ้ง
เดินกลับมาลูบหัวมรกต ก่อนจะระบายความคิดถึงแฟนให้มันฟัง
“ผ่านไปสัปดาห์หนึ่งแล้ววิยังไม่ติดต่อกลับมาเลย แกจะให้ฉันทำอย่างไรดีมรกต บุกไปหาเลยดีไหม แต่แกจะอยู่คนเดียวได้ไหมนา”
“เมี้ยว” มรกตใช้หัวคลอเคลียเท้าและมือผมก่อนจะเดินไปที่ประตู แล้วใช้เท้าหน้าตะกุยขูดเขี่ยบานประตู
“มีอะไรหรือมรกต”
ไม่ต้องให้แมวตอบผมรีบเปิดประห้อง และเห็นซองจดหมายสีขาววางอยู่ที่พื้น ดูลายมือก็รู้แล้วว่าเป็นใคร
ผมคลี่จดหมายออกแล้วนั่งอ่านตรงประตูห้องโดยมีมรกตนอนหมอบอยู่ข้างๆ
ถึง..ทัชจัง
วิตั้งใจเขียนจดหมายทันทีหลังจากที่พยายามติดต่อทัชอยู่หลายครั้ง
สัญญาณอินเตอเน็ตและคลื่นโทรศัพท์ไม่สามารถใช้งานได้เลย
เกิดพายุขึ้นในหมู่บ้านค่ะ สถานที่ที่เคยใช้เป็นห้องเรียนสำหรับนักเรียนถูกพายุพัดทำลายไปเกือบหมด
อาสาสมัครที่นี่จึงวุ่นวายกันทุกคนเลยค่ะ
วิรู้ว่าทัชต้องเป็นห่วงวิแน่ๆเลยใช่ป่ะ คงใจคอไม่ดีล่ะสิที่ไม่เห็นเค้าติดต่อกลับมาเลย
วิสบายดีค่ะ และกำลังสนุกกับการสร้างห้องเรียนหลังใหม่ให้นักเรียน
ตอนนี้ตัวเริ่มดำแล้ว ผิวหนังลอกเป็นจุดๆ กลับไปไม่สวย
จะรักกันอยู่หรือเปล่านา ......... (ผมตอบได้ทันทีว่า รัก)
เห็นรูปเจ้ามรกตแล้วนะคะ มันเป็นแมวที่สวยและน่ารักมากเลยค่ะ ทัชเลี้ยงมันดีๆนา
กลับไปวิจะพาเจ้าขุนไปเล่นกับมรกตทีนี้เราก็จะมีสัตว์เลี้ยงต่างสายพันธุ์มาเป็นเพื่อนรักกัน อิอิ
คงน่ารักมากเลยค่ะ
อีกไม่นานก็จะได้เจอกันแล้ว
ดูแลตัวเองดีๆนะคะ คิดถึงที่สุดเลย
ปล.ตั้งชื่อให้แมวซะเว่อร์วังเลยนะคะ
ผมนั่งกอดจดหมายไว้แนบอกความสุขท่วมท้นจนยากจะบรรยาย ทำได้เพียงฉีกยิ้มกว้างจนปากจะถึงใบหูแล้วมั่ง …มรกต คงรับรู้ถึงหัวใจอันเบิกบานของผม เจ้าหล่อนกระโดดขึ้นมานั่งบนตัก ใช้หัวดันหน้าท้องผม คงอยากแสดงความยินดี
ค่ำคืนนี้ผมอุ้มมรกตมานอนดูหนังเป็นเพื่อน
ในใจนึกถึงวันที่ มรกต จรัสแสง ได้ไปพบ ขุนพล เดชพยัคฆ์ มันคงจะเป็นวันที่อลหม่านวุ่นวายและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขมากแน่ๆเลย ผมเฝ้ารอให้ถึงวันนั้นใจจะขาดแล้ว