สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
อืมอ่านแล้วไม่แปลกนะคะ คุณควรสำนึกในความรักที่แม่มีต่อคุณมากๆนคะ
การที่ท่านบอกให้จดทะเบียนก่อนไป นั่นคือท่านรู้แล้วว่าพูดไปคุณก็ทำไม่ได้ เป็นกุศโลบายให้คุณไม่ต้องไปกับแฟน
ส่วนที่คุณว่าเพราะยังงัยก็จะแต่งอยู่แล้ว ถามต่อว่าเมื่อไหร่?? กำหนดวันเวลาไว้แล้วเหรอ หรือว่าคิดเองเออเอง
คนบางคนอยู่กันมาเป็นสิบปียังเลิกกันได้ ผู้หญิงถ้าเลิกกันมีแต่เสียหายและหลายๆกระทู้ในนี้ก้อท้องก่อนแต่งเพราะมีแนวคิดประมาณคุณนี่แร่ะ ชอบมองว่าเรื่องอยู่ก่อนแต่งเป้นเรื่องธรรมดา สุดท้ายพอมีปัญหาพ่อแม่มาตามเช็ด
ส่วนตัวเรา ตอนนี้อายุ 30 กว่าๆ เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน เคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับคุณทุกอย่างตั้งแต่จำความได้จนถึงอายุ 32 พ่อแม่ไม่เคยให้คลาดสายตา ขนาดกำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยมาสู่ขอกันแล้ว ฝ่ายชายขอพาไปบ้านที่ ตจว แม่ยังไม่ยอมเลย สุดท้ายพ่อต้องมาไกล่เกลี่ย
จนมาวันนี้มีครอบครัวเป็นของตัวเอง ถึงเข้าใจความรักที่แม่มีให้ว่ายิ่งใหญ่มากๆ ถ้าท่านไม่ตีกรอบให้บางทีอาจไม่มาถึงวันนี้ก็ได้
และถ้าเรามีลูกสาวก็จะเลี้ยงแบบแม่คุณค่ะ
ลองเปลี่ยนทัศนคติตัวเองก่อนเปลี่ยนทัศนคติคุณแม่ดีกว่าค่ะ มองว่าทุกอย่างที่ท่านพูดมามันดีต่อตัวคุณทั้งนั้น
การที่ท่านบอกให้จดทะเบียนก่อนไป นั่นคือท่านรู้แล้วว่าพูดไปคุณก็ทำไม่ได้ เป็นกุศโลบายให้คุณไม่ต้องไปกับแฟน
ส่วนที่คุณว่าเพราะยังงัยก็จะแต่งอยู่แล้ว ถามต่อว่าเมื่อไหร่?? กำหนดวันเวลาไว้แล้วเหรอ หรือว่าคิดเองเออเอง
คนบางคนอยู่กันมาเป็นสิบปียังเลิกกันได้ ผู้หญิงถ้าเลิกกันมีแต่เสียหายและหลายๆกระทู้ในนี้ก้อท้องก่อนแต่งเพราะมีแนวคิดประมาณคุณนี่แร่ะ ชอบมองว่าเรื่องอยู่ก่อนแต่งเป้นเรื่องธรรมดา สุดท้ายพอมีปัญหาพ่อแม่มาตามเช็ด
ส่วนตัวเรา ตอนนี้อายุ 30 กว่าๆ เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน เคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับคุณทุกอย่างตั้งแต่จำความได้จนถึงอายุ 32 พ่อแม่ไม่เคยให้คลาดสายตา ขนาดกำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยมาสู่ขอกันแล้ว ฝ่ายชายขอพาไปบ้านที่ ตจว แม่ยังไม่ยอมเลย สุดท้ายพ่อต้องมาไกล่เกลี่ย
จนมาวันนี้มีครอบครัวเป็นของตัวเอง ถึงเข้าใจความรักที่แม่มีให้ว่ายิ่งใหญ่มากๆ ถ้าท่านไม่ตีกรอบให้บางทีอาจไม่มาถึงวันนี้ก็ได้
และถ้าเรามีลูกสาวก็จะเลี้ยงแบบแม่คุณค่ะ
ลองเปลี่ยนทัศนคติตัวเองก่อนเปลี่ยนทัศนคติคุณแม่ดีกว่าค่ะ มองว่าทุกอย่างที่ท่านพูดมามันดีต่อตัวคุณทั้งนั้น
ความคิดเห็นที่ 38
เราว่าคุณน่ะแปลก
อายุ 25+ แล้ว วัยวุฒิคือผู้ใหญ่เต็มตัว คุณน่าจะคิดได้แบบผู้ใหญ่คิดมากกว่าว่าการที่แม่คุณเตือนมาแบบนั้นมันคือเรื่องปกติของคนเป็นแม่ที่ห่วงลูก
เพื่อน จขกท ที่ว่าไปค้างคืนกับแฟนได้นั่นคือเค้าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่หรือเปล่า
ถ้าลูกสาวเราโตแล้วมีแฟน เราก็ไม่อนุญาตให้ไปเที่ยวค้างคืนกับผู้ชายเหมือนกัน
ถ้าแฟนคุณเข้าใจและยอมรับกฎที่แม่คุณตั้งไว้ เค้าก็น่าจะมีวุฒิภาวะในระดับหนึ่ง
แต่ถ้าเค้าไม่เข้าใจและโวยวาย เค้าก็ยังเด็กพอๆ กันกับคุณที่คิดอะไรได้แค่ในมุมของตัวเอง
อายุ 25+ แล้ว วัยวุฒิคือผู้ใหญ่เต็มตัว คุณน่าจะคิดได้แบบผู้ใหญ่คิดมากกว่าว่าการที่แม่คุณเตือนมาแบบนั้นมันคือเรื่องปกติของคนเป็นแม่ที่ห่วงลูก
เพื่อน จขกท ที่ว่าไปค้างคืนกับแฟนได้นั่นคือเค้าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่หรือเปล่า
ถ้าลูกสาวเราโตแล้วมีแฟน เราก็ไม่อนุญาตให้ไปเที่ยวค้างคืนกับผู้ชายเหมือนกัน
ถ้าแฟนคุณเข้าใจและยอมรับกฎที่แม่คุณตั้งไว้ เค้าก็น่าจะมีวุฒิภาวะในระดับหนึ่ง
แต่ถ้าเค้าไม่เข้าใจและโวยวาย เค้าก็ยังเด็กพอๆ กันกับคุณที่คิดอะไรได้แค่ในมุมของตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
แปลกมั้ยคะ อายุ 25+ แล้วพ่อแม่ยังไม่ยอมให้ไปเที่ยวค้างคืนกับแฟน + ยังกำหนดเวลากลับบ้านอยู่ (18+)
เอาbackground ของเราคร่าวๆนะคะ เราอายุ 26 จบโท เป็นติวเตอร์ เงินเดือนก็ไม่มากเท่าไหร่แค่หมื่นปลายๆ แต่ทำงานแถวบ้านเลยอยู่บ้านค่ะ เมื่อก่อนสมัยเรียน มหาวิทยาลัยอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 50 กิโลเมตรค่ะ เดินทางไปกลับทุกวัน เพราะแม่ห่วง เราเรียน ตรี+โท รวม6ปีครึ่ง เคยค้างนอกบ้านไม่ถึง 10 ครั้ง ส่วนใหญ่ก็ตอนทำโปรเจ็คท์หนักๆ กะพรีเซ้นท์งาน
เราเคยมีแฟนเก่ามา2 คน คบกันตอนป.ตรี 1 คน (คบ4ปี) ป โท 1 คน (คบ 2 ปี) ไม่เคยไปไหนด้วยกันเลยยกเว้นกินข้าวดูหนังก็ไปงานแถวบ้าน ถ้าไปงานแต่งที่ต่างจังหวัด ต้องรีบกลับก่อน3ทุ่ม ไม่เคยค้างข้างนอกด้วยกันเลยแม้แต่คร้ังเดียว ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกัน (แต่เราเที่ยวทะเลกะเพื่อนผู้หญิงได้ค่ะ แม่โทรเช็คตลอด) เราพูดตรงๆ ก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแต่ไม่ได้มากอะไร แฟนเก่าทั้งคู่เคยชวนไปเที่ยวแล้วเราไปไม่ได้หลายครั้ง คนที่สองเลิกเพราะเรื่องนี้ เค้าบอกว่าเราไม่ยอมโต ไม่ยอมห่างบ้าน เป็นลูกแหง่ (ตอนนั้นเค้านอกใจด้วยค่ะ คงอ้างไปงั้นแหละ) เลยเลิก
ปัญหาคือ ตอนนี้ เรามีแฟน คบกันมา1 ปีแล้วค่ะ คนนี้คบกันตอนเรียนมีการมีงานทำ แฟนเป็นนักธุรกิจ อายุเท่ากัน เราวางแผนจะแต่งงานกันปีหน้าค่ะ พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ ทั้งพ่อทั้งแม่เค้าชอบเรามากค่ะ แม่เค้าชวนเราไปช็อปปิ้งบ่อยๆ (ซึ่งเราดีใจมากนะที่ไม่มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้อะไรเทือกนั้น) แต่ๆๆๆๆๆ ปัญหาเดิมก็กลับมาค่ะ เราต้องกลับบ้านทุกวันก่อน 3 ทุ่ม อันนั้นไม่เท่าไหร่ แต่แฟนชวนไปเที่ยวครั้งแรกหลังจากคบกัน1ปี แค่2วัน1คืนค่ะเพราะแฟนทำงานหนัก แต่แม่ไม่ให้ไปค่ะ แม่บอกว่าเดี๋ยวเสียหาย ถ้าจะไป ให้จดทะเบียนแล้วเอามาให้ดูก่อน พระเจ้า!!!! แม่พูดจริงจังมากนะคะ เอาจริงๆ เรากะแฟนก็เคยมีอะไรกันมา2-3 เดือนแล้ว (เราก็เคยมีอะไรกะแฟนเก่าคนนึง แฟนเราก็เคยมีผ่านผู้หญิงมาหลายคน ซึ่งมันก็เรื่องปกติป่ะคะ เราสองคนก็รับรู้และเฉยๆกะมัน) แล้วมันก็ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เอาจริงๆ ถึงท้องก็ท้องไปสิคะ อายุเท่านี้เพื่อนเราแต่งงาน บางคนลูกสองแล้วอะค่ะ แต่แม่ก็ไม่วายยื่นข้อแม้เดิมๆ คือให้ผู้ชายแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการจดทะเบียนสมรสก่อนพาไปเที่ยว เหมือนกรณีแม่
พ่อแม่เราแต่งงานตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัยค่ะ แม่อยู่หอหญิง พ่ออยู่หอชาย (อ้างว่า)ไม่เคยไปเที่ยวไหนกันเลยเพราะฐานะยากจนทั้งคู่ แค่กินยังต้องประหยัด พอเรียนจบหางานได้ทั้งคู่ พ่อชวนแม่ไปเที่ยวครั้งแรก แม่จึงยื่นข้อแม้นี้แหละค่ะ จดทะเบียน! ซึ่งพ่อก็ยอม พูดตรงๆคือ พ่อก็ไม่ได้มีตังค์อะนะคะ จะว่าเกาะก็ไม่ได้ ทั้งสองคนก็แต่งงานกันได้ 3-4 ปีแล้วก็หย่าค่ะ เราเกิดมาก็แทบไม่เห็นหน้าพ่อแล้ว (แต่พ่อส่งเงินมาทุกเดือนจนเราจบ ป.ตรีค่ะ) อันนี้เราคิดว่ามันเป็นการที่ไม่เคยอยู่กันก่อนแต่ง (เกี่ยวปะ) เราว่ามันหัวโบราณอะ เราพยายามอธิบาย แม่ก็ไม่เข้าใจอะค่ะ ก็ยังบอกว่า จดทะเบียนแล้วเลิก คนก็ไม่ครหา ดีกว่าอยู่ก่อนแต่ง (ซึ่งเราขอแค่ไปเที่ยวต่างจังหวัดเอง)เสียตัว คนก็จะหาว่าเราเป็นผู้หญิงสกปรก (ขนาดนั้นเลยหรอคะ) เถียงกันไปเถียงกันมา สรุปเหมือนเดิมค่ะ คือ
1. จดทะเบียนก่อนแล้วเอามาให้ดู
2. ถ้าไปก่อนแต่งงานก็ไปเงียบๆ ไม่ต้องโพสต์รูป ไม่ต้องบอกใคร (แม่บอก พวกที่ไปเที่ยวก่อนแต่งแล้วโพสต์บนเฟสบุค ถ้าเลิกแล้วจะเป็นราคี ขี้ปากชาวบ้านค่ะ!!! ซึ่งเพื่อนๆเราเกือบทุกคนก็ไปเที่ยวกัน ได้แต่งบ้าง เลิกบ้าง มันก็ชีวิตของเค้านี่คะ เราไม่เคยนินทาใครเลยด้วยซ้ำ)
3. ถ้าอยากอยู่ด้วยกันตลอดก็รีบๆแต่งงานแล้วจะไปไหนก็ไป
เอาทัศนคติเราจริงๆ เราว่าคนที่อยู่ก่อนแต่งยังโอเคด้วยซ้ำ ได้เรียนรู้กันและกันว่าอยู่ได้ไม่ได้ แต่ว่าเรากะแฟนคงไม่ได้มีโอกาสแบบนั้นเลยตัดไปค่ะ ตอนนี้เราเริ่มแย้มเรื่องจดทะเบียนกะแฟน ก็ดูเป็นนังโลภอะค่ะ (บ้านแฟนฐานะดีกว่าเรามากค่ะ ถึงไม่ได้รวยเหมือนเศรษฐี ทำธุรกิจได้เงินเดือนละ 4-5 แสน) เราจะดูเหมือนนางร้ายในละครที่เกาะพระเอกปะคะ เรายังไม่ได้อยากเร่งจดทะเบียนแต่งงาน เพราะยังไงก็จะแต่งอยู่แล้วค่ะ เราก็แค่คิดว่าตอนนี้มันเร็วไป ควรจะคุยกะแม่ยังไงดีคะ เครียดจัง ไม่ได้แค่อยากไปเที่ยวนะคะ แต่เราควรเปลี่ยนทัศนคติหัวโบราณของแม่ยังไงดีคะ