เรื่องเล็กๆที่อาจทำให้คุณมีกำลังใจมากขึ้น

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา เราติดตามอ่านพันทิพมานานแล้ว
โดยส่วนใหญ่ อ่านจาก ลิงค์ที่หน้าเฟสบุค ที่ เฟนเพจ กระทู้เด็ดพันทิพ และ ลิงค์ที่เพื่อนๆในเฟสบุค แชร์มา
ส่วนสาเหตุที่ตั้ง กระทู้นี้ เนื่องจาก คนรอบข้าง รุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเพื่อน กำลังท้อแท้กับสิ่งที่เจอ
เราเลยอยากตั้ง เล่าเรื่องราวของเรา เผื่อทุกๆคน หรือใครสักคน ได้มีกำลังใจขึ้นมา

เราเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน และเป็นเด็กกำพร้า  อาศัยอยู่กับยาย ซึ้งยายก็ได้เงินจากขายพลู ขายใบตองกล้วย ญาติๆหยิบยื่นให้
เราสัมผัสกับความลำบากตั้งแต่ ป.1 เลย เราได้เงินไปโรงเรียนวันละ 7 บาท
ข้าวจานละ 5 บาท ส่วนน้ำ กรอกไปกินค่ะ กรอกน้ำฝนจากโอ่งเลยทีเดียว
เราเริ่มมีเงินเก็บตั้งแต่ ป 1 เลยค่ะ เงินมาจากไหน หลายคนสงสัย
ที่โรงเรียนเรามี การที่ว่า ใครทำความสะอาดห้องเรียน หรือบำเพ็ญประโยชน์ จะได้บัตรกินข้าวเที่ยงฟรี ในแต่ละวัน
ซึ้งเราเหมา ห้าวันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเก็บขยะเอย กวาห้อง เก็บใบไม้หน้าชั้นเรียน บลาๆ
ที่เราทำแบบนั้น เพราะเราอยากเงินเอาไปซื้อตุ๊กตากระดาษ เล่น สมัยนั้น 55 แต่ก็ดีนะคะ ทำให้มีเงินเหลือในแต่ละวัน
พอขึ้นป 2 เรา เรามีงานพิเศษทำค่ะ คือ ปั้นขนมไข่เต่า เป็นก้อนเล็กๆ สองกาละมัง ที่ไซส?ใหญ่ที่สุดค่ะ จนเต็ม
ได้วันละ 50 บาท ซึ้งยายเราก็ทำช่วยกัน แบบว่า ปั้นเก่งมากค่ะ ใช้เวลาแค่สอง ชั่วโมง เราก็จะยกไป ช่วยเวลาเจ้าของมาเอา
เขาก็จะให้เรา เป็น ทิป ครั้งละ 20 บาท
เราทำแบบนี้ มาเรื่อยๆค่ะ และตั้งใจเรียน เพราะถ้าใครสอบได้ที่ 1 จะได้รับเงินทุนการศึกษา 500 บาท ทุกปี
และเราก็ได้ที่ 1 เนื่องจากเราอยากมีเงิน 55
เราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนจบ ป 6 และสอบติดมัทยม โรงเรียนประจำจังหวัดห้องต้นๆ
เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายพอควร มากขึ้น เราก็ไม่กล้าขอเงิน เพราะรู้ว่าไม่มี
เราเลยทำงานค่ะ งานที่ว่าคือ จ้างทำการบ้าน หลายวิชา จ้างจดงาน เวลาสอบตกบ้าง ก็ได้เงินพอควรค่ะ
ก็ตอนนั้น มีเงินเก็บพอควร แถมยังทำกิจกรรม แข่งทักษะภาษาไทย นู้นนี่ ได้ครั้งละ สองร้อย สามร้อย ก็เก็บไว้
จนจบ ม 3 ค่ะ ยายบอกใหห้ต่ออาชีวศึกษา จะได้ทำงานไป เรียนไป เราไม่ยอมค่ะ อยากต่อ ม4 เรามีสิ่งที่เราใฝ่ฝันไว้ อยากใส่ชุด ม ปลาย และเรียนสิ่งๆหนึ่ง
สุดท้าย เราก็ชนะค่ะ ได้เรียน ม.4 ซึ่ง ตอนปิดเทอม จะขึ้นม 4 เราก็ทำงาน เป็นเด็กล้างจานร้านอาหาร
ถามว่าเหนื่อยไหม ไม่เหนื่อยนะคะ เก็บคำดูถูก ของคนนึง ที่บอกกับฉันว่า ฉันไม่มีวันได้ดีเรียนไม่จบม ปลาย  แต่วันนี้ฉันทำได้
พอขึ้น ม 4 ก็ยึดอาชีพเดิมค่ะ จ้างทำการบ้าน 555 แล้วก็มีเขียนเรื่องสั้น กลอน ส่งตาม สนพ นู้นนี่ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ซึ้งเราชอบแนวเพ้อฝันแบบนี้ ก็ทำให้เรารู้จักกับเพื่อนเยอะมากมาย แต่ที่สนิดกัน มีอยู่ สามคนเท่านั้นล่ะค่ะ
ชีวิตเราก็ลุ่มๆดอนๆ จน ยายเสียชีวิต T T เราก็มาอยู่กับป้าค่ะ ตอนนั้น ม 5 แล้ว เราก็มีเงินเก็บไว้ พอควร เกือบหมื่น ค่ะ
อ่อ คือ เราไม่ค่อยขอเงินที่บ้านเท่าไหร่นะคะ ใช้เงินตัวเองส่วนใหญ่ นอกจากที่ไม่มีจริงๆ
ช่วงนั้น เราประหยัดมาก ห่อข้าว ห่อน้ำ ไปกิน เพื่อนถาม ทำไปทำไม เราบอกเก็บเงิน
เพื่อตอน ม 6 เราจะได้ไม่ลำบาก ในการ ใช้จ่ายค่าสอบ นู้นนี่ ในการเข้ามหาลัย
และเป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ เราไม่ได้ขอเลย ไม่ว่าค่า สอบ แกท แพท ค่า สอบเข้าคณะต่างๆ
อ้อ ตอนปิดเทอ ม ม. 5 เราก็ทำงานเป้นเด็กเสริพ ล้างจาน อีกค่ะ โดนดุถูกมากมาย แต่เราก็สู้
จนเราสอบเข้า ติดค่ะ ในสิ่งที่เราฝัน และอยากเป็น เป็นอาชีพที่ ดีมากระดับนึงเลยค่ะ
ทุกคนดีใจ ชื่นชม มากมาย แต่เหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ แต่ไม่ใช่
ค่าเทอมมาอีกค่ะ แต่โชคดี มีคนช่วยอุปการะ ขอบคุณมากค่ะ ยิ้ม
ก่อนเข้าเรียน ปี 1 ก้ทำงาน เงินเดือนดีค่ะ เจ้าของใจดี เมตตา อาจเพราะเราทำทุกอย่างที่มีคนสั่ง หรือใช้มา เป้นงานจัดโต๊ะเลี้ยงอาหาร ค่ะ
จนตอนนี้ก็ใกล้จบ  อีกไม่กี่ปี แล้ว มีเงินพอประมาณ ขายของออนไลน์บ้าง เยอะค่ะ เราไม่เกี่ยง

ที่เรามา มันเหมือนสบาย ไม่เลยค่ะ เหนื่อยกายเราไม่เหนื่อย เหนื่อยใจมากกว่า
ตอนเด็กๆ เราคิดท้อ นอนร้องไห้หลายคืนนะคะ ว่าจะทำอย่างไร บางทีเรารุ้สึกเหมือน ว่า ถูกให้ใช้ชีวิตคนเดียว
เราเหงา เราท้อ เคยคิดไม่อยากสู้ คิดอยากล้ม แต่ก้ทำไม่ได้ เวลามีปัญหา เราไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร
สิ่งที่โชคดี อย่างนึง คือเรามีเพื่อนดี ที่คอยช่วยเหลือ อยู่ข้างๆ ในวันที่เราไม่มี จนวันที่เรามี
เราเคยถามเพื่อนคนนี้นะคะ ว่าทำไม ยังอยู่ด้วยกัน เพื่อนตอบมาว่า ถ้าจะอยู่ด้วยกันแต่เวลามีความสุข จะเรียกว่าเพื่อนหรอ
ซึ้งใจมากค่ะ T T ตั้งแต่ ม ต้น จน จะใกล้จบ

และสิ่งที่เรา เดินมาถึงทุกวันนี้ได้ คือ

คำสอนของยาย ยายบอกว่า คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ อย่าคิดว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ทำ
ลำบากแค่ไหน อย่าเป้นหนี้ใคร เพราะจะทำให้ลำบากยิ่งกว่าเดิม
และ อย่าเอาเปรียบใคร

นี่คือคำที่เราจำ และทำมาตลอด
สิ่งที่สำคัญ เวลาเราท้อ เราก็จะร้องไห้ พอร้องเสร็จ ก็จะยิ้มให้ตัวเองในกระจก พูดว่า สุ้ๆ
นี่คือเคล็ดลัด การให้กำลังใจตัวเราเองค่ะ

สุดท้ายนี้ คือเราไม่เคยคิดสั้น เราคิดแต่ว่า เราจะใช้ชีวิตให้ดีและคุ้มค่าที่สุด ให้คุ้มกับชีวิตที่ได้มา
ไม่รู้ว่า เรื่องนี้จะพอให้ใครมีกำลังใจมากขึ้นไหม เราแค่อย่าบอกว่า สู้ๆค่ะ ไม่มีอะไรยากเกินกว่าพยายาม
เราเป็นกำลังใจให้ทุกคน คิดบวก อะไรที่มองผ่านและปล่อยวางได้ ปล่อยค่ะ อย่าเก็บมาหนักความรู้สึกของเราเอง ยิ้ม

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงทุกประการค่ะแค่อยากแชร์ให้รู้ค่ะ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่