วันพรุ่งนี้ ( 9ม.ค.58 ) อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้าแถลงโต้แย้งข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง ในคดีถอดถอน จากโครงการรับจำนำข้าว ต่อที่ประชุมสนช. อะไรคือประเด็นสำคัญ ที่จะนำไปหักล้าง
"โครงการรับจำนำข้าว เป็นสัญญาประชาคม กับประชาชนและชาวนาไทยทุกคน ที่พรรคเพื่อไทยเสนอเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง" นี่คือเจตนารมณ์ ที่อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงในส่วนแรกของคำแถลงโต้แย้งคดีถอดถอน ความยาวกว่า 200 หน้า ที่จะมีต่อ สนช.ในวันพรุ่งนี้ (9ม.ค.58)
ตามมาด้วย คำชี้แจง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลย ให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวของรัฐบาล ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดและนำมาสู่การถอดถอน
เริ่มจากคำยืนยัน รัฐบาลได้สร้างมาตรการป้องกันการทุจริต ในแต่ละขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไปจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์กระทรวงพาณิชย์ที่ดำเนินการมาทุกรัฐบาล และไม่เคยละเลย เมื่อเกิดกรณีท้วงติง คู่ไปหนังสือแจ้งจังหวัดในเขตชายแดน ป้องกันลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านสวมสิทธิ์
การอ้างถึงตัวเลขการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดระดับปฏิบัติการ ถึง 276 คดี ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง ที่จะป้องกันและปราบปรามทุจริตอย่างจริงจัง แต่ในหลักการบริหาร อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีอยู่ในระดับนโยบาย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะลงไปทราบในทุกรายละเอียดกิจกรรมของฝ่ายปฏิบัติ
สำหรับกรณี ข้าวสูญหายและเสื่อมคุณภาพ ระบุตามสัญญาชัดเจน คือ อคส.และ อตก.ต้องรับชดใช้ให้รัฐ ในหลักประกัน ร้อยละ 100 ของมูลค่าสินค้า แต่ที่ผ่านมา อคส.หรือ อตก.และอนุกรรมการปิดบัญชี ต่างยืนยันไม่พบความผิดปกติ ดังนั้นข้อกล่าวหา ที่ว่าตั้งแต่ ปี 2555 ข้ายหายไปจากโกดัง 2 ล้านตัน จึงไม่เป็นความจริง
แต่ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. อ้างอิงอยู่บนพื้นฐานตัวเลขที่คลาดเคลื่อน ไม่สะท้อนความเป็นจริง ระหว่างอนุกรรมการปิดบัญชี และทีดีอาร์ไอ นำมาใช้คำนวณมูลค่าสต็อกคงเหลือ และค่าเสื่อมสภาพที่อ้างอิงราคาแตกต่างกัน
ส่วนประโยชน์ ความคุ้มทุน ที่ชาวนาได้รับ เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายรวมถึง ป.ป.ช.ไม่พูดถึง แต่กลับกล่าวหาว่ารัฐบาลทำโครงการประชานิยม ยืนยันภายใต้โครงการนี้ สร้างรายได้ที่มั่นคงแก่ชาวนา และได้รับเงินจำนำข้าวทุกบาท ทุกสตางค์ 100 เปอร์เซ็นต์ โดย ธกส.โอนเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยตรง สร้างเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจำนำข้าว เพิ่มขึ้น 623,500 ล้านบาท ในปี 2555-2556
ส่วนข้อกล่าวหา ตั้งราคารับจำนำข้าว ตันละ 1 หมื่น 5 พันบาท บิดเบือนกลไกตลาดนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุเหตุผล เพื่อวางระดับรายได้ชาวนา ให้ใกล้เคียงกับรายได้ผู้ใช้แรงงาน หรือประมาณ 240 ต่อ 300 บาทต่อคนต่อวัน และเป็นตัวเลขที่คุ้มค่าต่อการลงทุน
ทั้งนี้ ทุกรัฐบาล ทุกประเทศอื่นๆ ในโลกต่างมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ต่างจากโครงการรับจำนำข้าว ที่ไม่ได้บิดเบือนกลไกตลาด แต่สร้างความเป็นธรรม ในตลาดเสรี ให้รายได้และกำไรอยู่ตกอยู่ในมือชาวนาเพิ่มมากขึ้น
เนื้อหาส่วนท้ายของคำแถลง ระบุถึง กระบวนการไต่สวนที่ไม่เป็นธรรมของ ป.ป.ช. ซึ่งชี้มูลความผิด ขณะที่การไต่สวนคดียังไม่ได้ข้อยุติ อีกทั้งได้นำคดีถอดถอนและคดีอาญา มารวมกันโดยมิชอบ และเร่งรัด เมื่อเทียบกับคดีของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนทิ้งท้ายสำนวนและรายงานการไต่สวนของ ป.ป.ช.ที่มีข้อไม่สมบูรณ์นี้ จึงไม่อาจยึดถือเพื่อการถอดถอนได้
http://news.voicetv.co.th/thailand/152718.html
ไปนอนละ ราตรีสวัสดิ์ .. เพื่อน ๆ
>> เปิดคำแถลง อดีตนายกฯ โต้แย้งคดีถอดถอน <<
"โครงการรับจำนำข้าว เป็นสัญญาประชาคม กับประชาชนและชาวนาไทยทุกคน ที่พรรคเพื่อไทยเสนอเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง" นี่คือเจตนารมณ์ ที่อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงในส่วนแรกของคำแถลงโต้แย้งคดีถอดถอน ความยาวกว่า 200 หน้า ที่จะมีต่อ สนช.ในวันพรุ่งนี้ (9ม.ค.58)
ตามมาด้วย คำชี้แจง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลย ให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวของรัฐบาล ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดและนำมาสู่การถอดถอน
เริ่มจากคำยืนยัน รัฐบาลได้สร้างมาตรการป้องกันการทุจริต ในแต่ละขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไปจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์กระทรวงพาณิชย์ที่ดำเนินการมาทุกรัฐบาล และไม่เคยละเลย เมื่อเกิดกรณีท้วงติง คู่ไปหนังสือแจ้งจังหวัดในเขตชายแดน ป้องกันลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านสวมสิทธิ์
การอ้างถึงตัวเลขการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดระดับปฏิบัติการ ถึง 276 คดี ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง ที่จะป้องกันและปราบปรามทุจริตอย่างจริงจัง แต่ในหลักการบริหาร อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีอยู่ในระดับนโยบาย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะลงไปทราบในทุกรายละเอียดกิจกรรมของฝ่ายปฏิบัติ
สำหรับกรณี ข้าวสูญหายและเสื่อมคุณภาพ ระบุตามสัญญาชัดเจน คือ อคส.และ อตก.ต้องรับชดใช้ให้รัฐ ในหลักประกัน ร้อยละ 100 ของมูลค่าสินค้า แต่ที่ผ่านมา อคส.หรือ อตก.และอนุกรรมการปิดบัญชี ต่างยืนยันไม่พบความผิดปกติ ดังนั้นข้อกล่าวหา ที่ว่าตั้งแต่ ปี 2555 ข้ายหายไปจากโกดัง 2 ล้านตัน จึงไม่เป็นความจริง
แต่ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. อ้างอิงอยู่บนพื้นฐานตัวเลขที่คลาดเคลื่อน ไม่สะท้อนความเป็นจริง ระหว่างอนุกรรมการปิดบัญชี และทีดีอาร์ไอ นำมาใช้คำนวณมูลค่าสต็อกคงเหลือ และค่าเสื่อมสภาพที่อ้างอิงราคาแตกต่างกัน
ส่วนประโยชน์ ความคุ้มทุน ที่ชาวนาได้รับ เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายรวมถึง ป.ป.ช.ไม่พูดถึง แต่กลับกล่าวหาว่ารัฐบาลทำโครงการประชานิยม ยืนยันภายใต้โครงการนี้ สร้างรายได้ที่มั่นคงแก่ชาวนา และได้รับเงินจำนำข้าวทุกบาท ทุกสตางค์ 100 เปอร์เซ็นต์ โดย ธกส.โอนเงินเข้าบัญชีชาวนาโดยตรง สร้างเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจำนำข้าว เพิ่มขึ้น 623,500 ล้านบาท ในปี 2555-2556
ส่วนข้อกล่าวหา ตั้งราคารับจำนำข้าว ตันละ 1 หมื่น 5 พันบาท บิดเบือนกลไกตลาดนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุเหตุผล เพื่อวางระดับรายได้ชาวนา ให้ใกล้เคียงกับรายได้ผู้ใช้แรงงาน หรือประมาณ 240 ต่อ 300 บาทต่อคนต่อวัน และเป็นตัวเลขที่คุ้มค่าต่อการลงทุน
ทั้งนี้ ทุกรัฐบาล ทุกประเทศอื่นๆ ในโลกต่างมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ต่างจากโครงการรับจำนำข้าว ที่ไม่ได้บิดเบือนกลไกตลาด แต่สร้างความเป็นธรรม ในตลาดเสรี ให้รายได้และกำไรอยู่ตกอยู่ในมือชาวนาเพิ่มมากขึ้น
เนื้อหาส่วนท้ายของคำแถลง ระบุถึง กระบวนการไต่สวนที่ไม่เป็นธรรมของ ป.ป.ช. ซึ่งชี้มูลความผิด ขณะที่การไต่สวนคดียังไม่ได้ข้อยุติ อีกทั้งได้นำคดีถอดถอนและคดีอาญา มารวมกันโดยมิชอบ และเร่งรัด เมื่อเทียบกับคดีของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนทิ้งท้ายสำนวนและรายงานการไต่สวนของ ป.ป.ช.ที่มีข้อไม่สมบูรณ์นี้ จึงไม่อาจยึดถือเพื่อการถอดถอนได้
http://news.voicetv.co.th/thailand/152718.html
ไปนอนละ ราตรีสวัสดิ์ .. เพื่อน ๆ