จากข่าว :
ทนายยิ่งลักษณ์รวมหัวชู 12 ข้อ ฝาก สนช. ถาม "วิชา" ปมถอดถอน
1. ก่อนการชี้มูลความผิดในคดีโครงการรับจำนำข้าวคณะกรรมการ ป.ป.ช.
เหตุใดผู้กล่าวหา ไม่มีการไต่สวนและแสวงหาพยานหลักฐานอันเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหา ดังนี้
1. ปัญหา “
โครงการรับจำนำข้าวในอดีต” และ
2. ปัญหา “
โครงการประกันรายได้เกษตรกร” มีปัญหา
โดยข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหาทั้งหมดของโครงการช่วยเหลือชาวไทยในอดีตกลับไม่มีการไต่สวนให้สิ้นกระแสความ
แต่ด่วนสรุปชี้มูลความผิดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา โดยเลือกที่จะเชื่อแต่รายงาน TDRI ในอดีต ที่ ป.ป.ช. จ้างทำเท่านั้น
และมีคำสั่งให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา ยุติโครงการรับจำนำข้าว
ภายหลังรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวได้เพียง ๒ วัน
2. นายวิชา ในฐานะคณะกรรมการ ป.ป.ช. เจ้าของสำนวนผู้ไต่สวนคดีโครงการรับจำนำข้าว
ได้เคยไปกล่าวปาฐกถา “
การทุจริต การเมือง ความอยู่รอดของประเทศ” ในวันสัญญาธรรมศักดิ์ ประจำปี 2557 ว่า
เมื่อปี 55
ยืนยันว่ามีข้าวในโกดัง 2 ล้านตันหายไป ใช่หรือไม่ ที่กล่าวหาเช่นนั้นมีหลักฐานใดยืนยันคำกล่าวหา
ว่าข้าวจำนวนดังกล่าวได้หายไป และเมื่อสรุปสำนวนชี้มูลความผิดกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่ยอมบันทึกบัญชีข้าวจำนวน 2 ล้านตัน
ตามรายงานคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ใช่หรือไม่ และข้าวในโกดังที่อ้างว่าหายไปจำนวน 2 ล้านตันนั้น
เป็นข้าวจำนวนและชนิดเดียวกันกับที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวไม่ยอมบันทึกบัญชี จำนวน 2.98 ล้านตัน
โดยอ้างว่าข้าวหายใช่หรือไม่
3. ก่อนการชี้มูลความผิด ( 8 พฤษภาคม 57) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีหนังสือขอให้ ป.ป.ช. “
เผชิญสืบ”
เพื่อตรวจสอบให้ชัดแจ้งว่าข้าวไม่หาย แต่กรรมการ ป.ป.ช. กลับมีมติไม่ให้มีการเผชิญสืบ
เพื่อตรวจสอบว่าข้าวหายหรือไม่ ทำไมจึงไม่ไต่สวนโดยการเผชิญสืบ
4. ภายหลังที่กรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด
รัฐบาลปัจจุบันได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าวในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ โกดัง โรงสี ทั่วประเทศ
ไม่พบว่าข้าวจำนวน 2 ล้านตัน ตามที่นายวิชาอ้าง แต่ข้าวจำนวนดังกล่าวกลับไปถูกอ้างในรายงานและสำนวน ป.ป.ช.
โดยถือเป็นมูลค่าความเสียหายและผลขาดทุนทั้งที่ข้าวมิได้หายจริงเช่นนี้ ถือได้หรือไม่ว่ารายงานและสำนวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.
อันเกี่ยวกับตัวเลขผลขาดทุนและความเสียหายยังไม่พิสูจน์ให้เป็นข้อยุติและไม่ถูกต้อง
และเรื่องนี้ผู้ที่รับผิดชอบในความผิดพลาดที่ไม่ยอมบันทึกบัญชีคือ อนุกรรมการปิดบัญชีใช่หรือไม่
และส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ถือว่าไม่ยอมไต่สวนเรื่องนี้ไห้เสร็จสิ้นกระแสความก่อนที่จะชี้มูลความผิด
ทั้งที่มีข้อโต้แย้งจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช่หรือไม่
5. ก่อนความชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โต้แย้งตัวเลขทางบัญชีของอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว
ว่าโครงการรับจำนำข้าวว่าไม่ถูกต้อง โดยโต้แย้งรายงานทั้ง ๓ ครั้ง ของอนุกรรมการปิดบัญชี
ว่ามีความไม่ถูกต้อง และเสนอพยานบุคคลเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา
แต่กรรมการ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์นำพยานบุคคลเข้าหักล้างโดยตัดพยานบุคคล ใช่หรือไม่
6. ก่อนการชี้มูลความผิด ป.ป.ช.ไม่ใช้อำนาจของตนไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐรายในกระทรวงการคลัง
เช่น ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นต้นว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้เสียวินัยการเงินการคลังและสร้างปัญหาหนี้สาธารณะ
และเป็นภาระงบประมาณจนเกินสมควรจริงหรือไม่
ทั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โต้แย้งและนำพยานเข้าสืบว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่ทำให้เสียวินัยการเงินการคลัง
ไม่สร้างปัญหาหนี้สาธารณะและไม่เป็นภาระงบประมาณจนเกินสมควร
แต่กลับสรุปรายงานและสำนวนพร้อมความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยปราศจากพยานหลักฐาน
7. ก่อนการชี้มูลความผิด ป.ป.ช. มิได้ไต่สวนในข้อเท็จจริงว่าโครงการรับจำนำข้าว
ทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการรับจำนำข้าวเป็นจำนวนเท่าใด
รวมทั้งไม่ไต่สวนว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นสำหรับชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว เป็นเท่าใด
และชาวนาที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเป็นเท่าใด ในความเป็นจริง
8. ที่นายวิชาอ้างในเวลาแถลงเปิดคดีว่า ข้อมูลที่ ป.ป.ช. รับฟังชี้มูลความผิดมาจาก 3 แหล่งคือ
1. รายงานคณะอนุกรรมการปิดบัญชี
2. นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และ
3.นายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่าวชาวนาไทย
ขอถามว่าในชั้นไต่สวนก่อนการชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะนำพยานบุคคลที่มีอาชีพทำนา
และจะนำพยานบุคคลที่เป็นบริษัทผู้ส่งออก และซื้อขายข้าวอิสระมาหักล้างข้อกล่าวหาว่าโครงการรับจำนำข้าวมีความเหมาะสม
และไม่เป็นการบิดเบือนกลไกราคาตลาด
แต่ฝ่ายผู้กล่าวหาได้ตัดพยานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช่หรือไม่
9. ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มิได้ระงับยับยั้งมิให้เกิดการทุจริต
และระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวนั้น
พยานหลักฐานอันเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ป.ป.ช. มิได้รวบรวมไว้ในความเห็นของ ป.ป.ช.
ถึงข้อเท็จจริงที่รัฐบาลของผู้ถูกกล่าวหามิได้ละเว้นหรือละเลยในการป้องกันการทุจริต และป้องกันความเสียหาย
นอกจากนี้ประเด็นเรื่อง ข้าวหาย หรือข้าวเสื่อมสภาพด้วยความบกพร่องของโรงสีหรือผู้เกี่ยวข้องในโครงการฯ
ไม่ถือเป็นความเสียหายที่จะนำมาคำนวณ เพราะรัฐบาลได้มีสัญญาความรับผิดเอากับผู้ที่ทำข้าวหายหรือข้าวเสื่อมสภาพด้วยความบกพร่องไว้แล้ว
แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ไต่สวนในเรื่องดังกล่าวใช่หรือไม่
10. สำนวน ป.ป.ช. ในคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่
และเกี่ยวข้องกับชาวนาจำนวนหลายล้านคน และมีขั้นตอนทั้งฝ่ายนโยบาย และฝ่ายปฏิบัติที่แยกออกจากกันอย่างชัดแจ้ง
แต่ ป.ป.ช. กลับสอบพยานบุคคลเพียงจำนวน 7 ปากเท่านั้น คือ
1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
2. นายวรงค์ เดชกิจวิกรม
3. นายวิชัย ศรีประเสริฐ
4. นายนิพนธ์ พัวพงศกร จาก TDRI
5. นายระวี รุ่งเรือง
6. นายประจักษ์ บุญยัง
7.
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ใช่หรือไม่
ซึ่งพยานบุคคลหลายปากเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
ทำไมไม่ไต่สวนข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานข้างต้น
และพยานบุคคลที่เป็นกลางเพื่อชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานและเพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้านก่อนการชี้มูลความผิด
11. คดีนี้นับตั้งแต่ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะผู้ไต่สวนจนถึงวันชี้มูลความผิด ใช้ระยะเวลาเพียง 101 วัน
ถามว่า ระยะเวลาเพียง 101 วัน ซึ่งรวมวันหยุดราชการด้วย เพราะมีเจตนา เร่งรีบ รวบรัด ใช่หรือไม่
นอกจากนี้ขอถามว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในเวลานั้น
มีผลตามกฎหมายผูกพันทุกองค์กรใช่หรือไม่ ดังนั้น เหตุใด ป.ป.ช.กลับมีมติชี้มูลความผิดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์
(ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ว่า โครงการจำนำข้างไม่ขัดรัฐธรรมนูญ)
12. รัฐธรรมนูญ 2550 ได้บัญญัติ “
เรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
ออกต่างหากจาก “
การดำเนินคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
ไว้อย่างชัดแจ้ง
ซึ่งการพิจารณาคดีทั้ง 2 เรื่องไม่อาจนำคดีถอดถอน และคดีอาญามารวมพิจารณาเข้าด้วยกัน
แต่คดีนี้กลับรวมคดี
คำถามคือ เพราะเหตุใด ป.ป.ช. จึงมีมติให้นำคดีถอดถอนที่ฝ่ายค้านกล่าวหาไปรวมกับคดีอาญา
และเรื่องนี้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาได้คัดค้านห้ามมิให้ ป.ป.ช.รวมคดีใช่หรือไม่
http://www.naewna.com/politic/139554
นี่ก็ชัดครับ ร่วมมือกันระหว่าง ปชป. - ป.ป.ช.
และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดคลัง ในฐานประธานปิดบัญชีจำนำข้าว ที่วันนี้ไปนั่งหัวโด่เป็น ป.ป.ช. แล้ว
ตัดพยาน หลักฐาน ของผู้ถูกกล่าวหา(ยิ่งลักษณ์) หมด
สอบแต่พยานฝ่าย ปชป. และนางสุภา
แต่งสำนวนเพื่อหาเรื่องเอาผิดให้ได้ ไม่ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่
เป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างมิชอบชัดเจน
แต่ไม่กลัว เพราะไม่มีใครเอาผิดได้ เพราะมีแต่พวกเดียวกันทั้งนั้นที่จะพิจารณาเอาผิด
ก็ให้มันรู้กันไปครับ อยากถอดถอนก็ถอดถอนไป
ข่าวว่าวางแผนจะอยู่กันยาวสิบสองปี ก็เชิญตามสบายครับ
โอยยย... แบบนี้ไม่ต้องไปถอดถอนใครที่ไหนหรอกครับ ป.ป.ช.เองนั่นแหละ สมควรโดนถอดถอนที่สุด
ทนายยิ่งลักษณ์รวมหัวชู 12 ข้อ ฝาก สนช. ถาม "วิชา" ปมถอดถอน
1. ก่อนการชี้มูลความผิดในคดีโครงการรับจำนำข้าวคณะกรรมการ ป.ป.ช.
เหตุใดผู้กล่าวหา ไม่มีการไต่สวนและแสวงหาพยานหลักฐานอันเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหา ดังนี้
1. ปัญหา “โครงการรับจำนำข้าวในอดีต” และ
2. ปัญหา “โครงการประกันรายได้เกษตรกร” มีปัญหา
โดยข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหาทั้งหมดของโครงการช่วยเหลือชาวไทยในอดีตกลับไม่มีการไต่สวนให้สิ้นกระแสความ
แต่ด่วนสรุปชี้มูลความผิดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา โดยเลือกที่จะเชื่อแต่รายงาน TDRI ในอดีต ที่ ป.ป.ช. จ้างทำเท่านั้น
และมีคำสั่งให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา ยุติโครงการรับจำนำข้าว
ภายหลังรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวได้เพียง ๒ วัน
2. นายวิชา ในฐานะคณะกรรมการ ป.ป.ช. เจ้าของสำนวนผู้ไต่สวนคดีโครงการรับจำนำข้าว
ได้เคยไปกล่าวปาฐกถา “การทุจริต การเมือง ความอยู่รอดของประเทศ” ในวันสัญญาธรรมศักดิ์ ประจำปี 2557 ว่า
เมื่อปี 55 ยืนยันว่ามีข้าวในโกดัง 2 ล้านตันหายไป ใช่หรือไม่ ที่กล่าวหาเช่นนั้นมีหลักฐานใดยืนยันคำกล่าวหา
ว่าข้าวจำนวนดังกล่าวได้หายไป และเมื่อสรุปสำนวนชี้มูลความผิดกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่ยอมบันทึกบัญชีข้าวจำนวน 2 ล้านตัน
ตามรายงานคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ใช่หรือไม่ และข้าวในโกดังที่อ้างว่าหายไปจำนวน 2 ล้านตันนั้น
เป็นข้าวจำนวนและชนิดเดียวกันกับที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวไม่ยอมบันทึกบัญชี จำนวน 2.98 ล้านตัน
โดยอ้างว่าข้าวหายใช่หรือไม่
3. ก่อนการชี้มูลความผิด ( 8 พฤษภาคม 57) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีหนังสือขอให้ ป.ป.ช. “เผชิญสืบ”
เพื่อตรวจสอบให้ชัดแจ้งว่าข้าวไม่หาย แต่กรรมการ ป.ป.ช. กลับมีมติไม่ให้มีการเผชิญสืบ
เพื่อตรวจสอบว่าข้าวหายหรือไม่ ทำไมจึงไม่ไต่สวนโดยการเผชิญสืบ
4. ภายหลังที่กรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด
รัฐบาลปัจจุบันได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าวในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ โกดัง โรงสี ทั่วประเทศ
ไม่พบว่าข้าวจำนวน 2 ล้านตัน ตามที่นายวิชาอ้าง แต่ข้าวจำนวนดังกล่าวกลับไปถูกอ้างในรายงานและสำนวน ป.ป.ช.
โดยถือเป็นมูลค่าความเสียหายและผลขาดทุนทั้งที่ข้าวมิได้หายจริงเช่นนี้ ถือได้หรือไม่ว่ารายงานและสำนวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.
อันเกี่ยวกับตัวเลขผลขาดทุนและความเสียหายยังไม่พิสูจน์ให้เป็นข้อยุติและไม่ถูกต้อง
และเรื่องนี้ผู้ที่รับผิดชอบในความผิดพลาดที่ไม่ยอมบันทึกบัญชีคือ อนุกรรมการปิดบัญชีใช่หรือไม่
และส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ไต่สวนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ถือว่าไม่ยอมไต่สวนเรื่องนี้ไห้เสร็จสิ้นกระแสความก่อนที่จะชี้มูลความผิด
ทั้งที่มีข้อโต้แย้งจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช่หรือไม่
5. ก่อนความชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โต้แย้งตัวเลขทางบัญชีของอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว
ว่าโครงการรับจำนำข้าวว่าไม่ถูกต้อง โดยโต้แย้งรายงานทั้ง ๓ ครั้ง ของอนุกรรมการปิดบัญชี
ว่ามีความไม่ถูกต้อง และเสนอพยานบุคคลเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา
แต่กรรมการ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์นำพยานบุคคลเข้าหักล้างโดยตัดพยานบุคคล ใช่หรือไม่
6. ก่อนการชี้มูลความผิด ป.ป.ช.ไม่ใช้อำนาจของตนไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐรายในกระทรวงการคลัง
เช่น ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นต้นว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้เสียวินัยการเงินการคลังและสร้างปัญหาหนี้สาธารณะ
และเป็นภาระงบประมาณจนเกินสมควรจริงหรือไม่
ทั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โต้แย้งและนำพยานเข้าสืบว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่ทำให้เสียวินัยการเงินการคลัง
ไม่สร้างปัญหาหนี้สาธารณะและไม่เป็นภาระงบประมาณจนเกินสมควร
แต่กลับสรุปรายงานและสำนวนพร้อมความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยปราศจากพยานหลักฐาน
7. ก่อนการชี้มูลความผิด ป.ป.ช. มิได้ไต่สวนในข้อเท็จจริงว่าโครงการรับจำนำข้าว
ทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการรับจำนำข้าวเป็นจำนวนเท่าใด
รวมทั้งไม่ไต่สวนว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นสำหรับชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว เป็นเท่าใด
และชาวนาที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเป็นเท่าใด ในความเป็นจริง
8. ที่นายวิชาอ้างในเวลาแถลงเปิดคดีว่า ข้อมูลที่ ป.ป.ช. รับฟังชี้มูลความผิดมาจาก 3 แหล่งคือ
1. รายงานคณะอนุกรรมการปิดบัญชี
2. นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และ
3.นายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่าวชาวนาไทย
ขอถามว่าในชั้นไต่สวนก่อนการชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะนำพยานบุคคลที่มีอาชีพทำนา
และจะนำพยานบุคคลที่เป็นบริษัทผู้ส่งออก และซื้อขายข้าวอิสระมาหักล้างข้อกล่าวหาว่าโครงการรับจำนำข้าวมีความเหมาะสม
และไม่เป็นการบิดเบือนกลไกราคาตลาด แต่ฝ่ายผู้กล่าวหาได้ตัดพยานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช่หรือไม่
9. ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มิได้ระงับยับยั้งมิให้เกิดการทุจริต
และระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวนั้น
พยานหลักฐานอันเป็นพยานบุคคลและพยานเอกสารของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ป.ป.ช. มิได้รวบรวมไว้ในความเห็นของ ป.ป.ช.
ถึงข้อเท็จจริงที่รัฐบาลของผู้ถูกกล่าวหามิได้ละเว้นหรือละเลยในการป้องกันการทุจริต และป้องกันความเสียหาย
นอกจากนี้ประเด็นเรื่อง ข้าวหาย หรือข้าวเสื่อมสภาพด้วยความบกพร่องของโรงสีหรือผู้เกี่ยวข้องในโครงการฯ
ไม่ถือเป็นความเสียหายที่จะนำมาคำนวณ เพราะรัฐบาลได้มีสัญญาความรับผิดเอากับผู้ที่ทำข้าวหายหรือข้าวเสื่อมสภาพด้วยความบกพร่องไว้แล้ว
แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ไต่สวนในเรื่องดังกล่าวใช่หรือไม่
10. สำนวน ป.ป.ช. ในคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะขนาดใหญ่
และเกี่ยวข้องกับชาวนาจำนวนหลายล้านคน และมีขั้นตอนทั้งฝ่ายนโยบาย และฝ่ายปฏิบัติที่แยกออกจากกันอย่างชัดแจ้ง
แต่ ป.ป.ช. กลับสอบพยานบุคคลเพียงจำนวน 7 ปากเท่านั้น คือ
1. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
2. นายวรงค์ เดชกิจวิกรม
3. นายวิชัย ศรีประเสริฐ
4. นายนิพนธ์ พัวพงศกร จาก TDRI
5. นายระวี รุ่งเรือง
6. นายประจักษ์ บุญยัง
7. น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ใช่หรือไม่
ซึ่งพยานบุคคลหลายปากเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
ทำไมไม่ไต่สวนข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานข้างต้น
และพยานบุคคลที่เป็นกลางเพื่อชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานและเพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้านก่อนการชี้มูลความผิด
11. คดีนี้นับตั้งแต่ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะผู้ไต่สวนจนถึงวันชี้มูลความผิด ใช้ระยะเวลาเพียง 101 วัน
ถามว่า ระยะเวลาเพียง 101 วัน ซึ่งรวมวันหยุดราชการด้วย เพราะมีเจตนา เร่งรีบ รวบรัด ใช่หรือไม่
นอกจากนี้ขอถามว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในเวลานั้น
มีผลตามกฎหมายผูกพันทุกองค์กรใช่หรือไม่ ดังนั้น เหตุใด ป.ป.ช.กลับมีมติชี้มูลความผิดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์
(ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้ว่า โครงการจำนำข้างไม่ขัดรัฐธรรมนูญ)
12. รัฐธรรมนูญ 2550 ได้บัญญัติ “เรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
ออกต่างหากจาก “การดำเนินคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ไว้อย่างชัดแจ้ง
ซึ่งการพิจารณาคดีทั้ง 2 เรื่องไม่อาจนำคดีถอดถอน และคดีอาญามารวมพิจารณาเข้าด้วยกัน
แต่คดีนี้กลับรวมคดี
คำถามคือ เพราะเหตุใด ป.ป.ช. จึงมีมติให้นำคดีถอดถอนที่ฝ่ายค้านกล่าวหาไปรวมกับคดีอาญา
และเรื่องนี้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาได้คัดค้านห้ามมิให้ ป.ป.ช.รวมคดีใช่หรือไม่
http://www.naewna.com/politic/139554
นี่ก็ชัดครับ ร่วมมือกันระหว่าง ปชป. - ป.ป.ช.
และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดคลัง ในฐานประธานปิดบัญชีจำนำข้าว ที่วันนี้ไปนั่งหัวโด่เป็น ป.ป.ช. แล้ว
ตัดพยาน หลักฐาน ของผู้ถูกกล่าวหา(ยิ่งลักษณ์) หมด
สอบแต่พยานฝ่าย ปชป. และนางสุภา
แต่งสำนวนเพื่อหาเรื่องเอาผิดให้ได้ ไม่ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่
เป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างมิชอบชัดเจน
แต่ไม่กลัว เพราะไม่มีใครเอาผิดได้ เพราะมีแต่พวกเดียวกันทั้งนั้นที่จะพิจารณาเอาผิด
ก็ให้มันรู้กันไปครับ อยากถอดถอนก็ถอดถอนไป
ข่าวว่าวางแผนจะอยู่กันยาวสิบสองปี ก็เชิญตามสบายครับ