พระอาจารย์ปราโมชย์ ปราโมชโช เคยกล่าวเอาไว้ว่า สมัยที่ท่านเป็นนักศึกษา ท่านเข้าใจท่านพุทธทาสผิดคิดว่าท่านพุทธทาสสอนว่าตายแล้วสูญ (โดยบอกว่าเป็นความไม่รอบคอบของตัวเองในการศึกษางานเขียน)
ผมมีตัวอย่างคำสอนของท่านพุทธทาสที่พูดถึงเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมาให้อ่านนะครับ
==========================================
27. ทุกคน ย่อมไปตามคติและผลกรรมของตนเองนั้น ก็จริงอยู่ แต่ที่เขาเกิดครั้งหนึ่ง ๆ นั้น มันเป็นการศึกษาของเขาทุกครั้ง แม้ในบางชาติเขาจะเป็นเด็กดื้อ แต่ในภายหลังหรือชาติหลัง ๆ เขาย่อมเข็ด ทั้งที่ตามธรรมดาเขารู้สึกราวกะว่า ชาติก่อน ๆ ที่เขาเคยเกิดมาแล้วนั้น ไม่มีอะไรติดต่อสืบเนื่องกันเลยฯ
34. คนเราสมัยนี้ แม้จะเคยเห็นเด็กบางคน พอเกิดมาถึง ก็เบื่อกาม มีโลภ โกรธ หลง น้อยกว่าธรรมดา, เราก็หาเข้าใจไปในทำนองว่าเป็นผลของชาติก่อน ๆ ของเขาไม่ มิหนำซ้ำ ยังเห็นไปว่าเด็กคนนั้นมีสมองไม่สมประกอบเสียอีกฯ
35. คนโดยมาก ไม่สมัครที่จะสนใจคิดนึกในสิ่งที่เป็นผลเหลืออยู่ หลังจากตนได้เวียนว่ายมาแล้วหลายต่อหลายชาตินั้น, ซ้ำยังไม่อยากสร้างสายตาชนิดนั้นด้วย ทั้งนี้เพราะไม่รู้จักบ้าง เพราะกลัวว่าโลกนี้จะหมดรสชาติที่หอมหวลรื่นรมย์บ้าง, แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นแหละ ก็ตกอยู่ในจำพวกที่ถูกพัดพาไปหา พระนิพพานดุจเดียวกัน, เพราะไม่มีอะไรจะมามีอำนาจยิ่งไปกว่าผลกรรมอันปรุงสัญชาตญาณ และไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่าความจริงอันไม่รู้จักแปรผันนั้นเลยฯ
39. ถ้าหากว่ามีผู้วิเศษคนหนึ่ง อาจบันดาลให้เราถูกสลากกินแบ่งรางวัลจำนวนล้าน ๆ ได้ตามแต่ทางฝ่ายเราประสงค์จะให้ถูกเมื่อไร เช่นนี้ เราควรรีบขอร้องให้ท่านผู้วิเศษนั้นบันดาลเพื่อให้ถูกในวันพรุ่งนี้ หรือต่อเมื่ออีกสัก 50 ชาติล่วงไปแล้ว, ข้อนี้ทุกคนก็ต้องตอบว่าย่อมขอให้ถูกพรุ่งนี้ หรือให้เร็วกว่านั้นอีก, ทั้งนี้เพราะว่า เรารู้จักมองเห็นคุณค่ายิ่งใหญ่ของจำนวนเงินก้อนมหึมานั้น อยู่ชัด ๆฯ
46. กาย เปรียบเหมือนลำเรือ, ใจ เปรียบเหมือนนายเรือ, สังสารวัฏ เปรียบเหมือนทะเลหลวง, โลกนั้นโลกนี้ ที่เราไปผุดเกิดวนเวียนนั้น เปรียบเหมือนท่าเรือสำหรับทำการค้าขาย, ผลบุญ ผลบาป ในชาติหนึ่ง ๆ ในโลกหนึ่ง ๆ คือกำไรขาดทุนในการค้าของนายเรือ ตามท่าเรือแต่ละแห่งที่ผ่านไป, การได้ลุถึง “เกาะ” แห่งหนึ่ง ซึ่งนายเรือนั้นพอใจ ถึงกับหยุดการท่องเที่ยวไปในทะเลอย่างเด็ดขาด นั่นคือ พระนิพพานฯ
============================
อ่านทั้งหมด
นิพพาน - จุดปลายทางของชีวิต
ตัวอย่างคำสอนท่านพุทธทาสเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด
ผมมีตัวอย่างคำสอนของท่านพุทธทาสที่พูดถึงเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมาให้อ่านนะครับ
==========================================
27. ทุกคน ย่อมไปตามคติและผลกรรมของตนเองนั้น ก็จริงอยู่ แต่ที่เขาเกิดครั้งหนึ่ง ๆ นั้น มันเป็นการศึกษาของเขาทุกครั้ง แม้ในบางชาติเขาจะเป็นเด็กดื้อ แต่ในภายหลังหรือชาติหลัง ๆ เขาย่อมเข็ด ทั้งที่ตามธรรมดาเขารู้สึกราวกะว่า ชาติก่อน ๆ ที่เขาเคยเกิดมาแล้วนั้น ไม่มีอะไรติดต่อสืบเนื่องกันเลยฯ
34. คนเราสมัยนี้ แม้จะเคยเห็นเด็กบางคน พอเกิดมาถึง ก็เบื่อกาม มีโลภ โกรธ หลง น้อยกว่าธรรมดา, เราก็หาเข้าใจไปในทำนองว่าเป็นผลของชาติก่อน ๆ ของเขาไม่ มิหนำซ้ำ ยังเห็นไปว่าเด็กคนนั้นมีสมองไม่สมประกอบเสียอีกฯ
35. คนโดยมาก ไม่สมัครที่จะสนใจคิดนึกในสิ่งที่เป็นผลเหลืออยู่ หลังจากตนได้เวียนว่ายมาแล้วหลายต่อหลายชาตินั้น, ซ้ำยังไม่อยากสร้างสายตาชนิดนั้นด้วย ทั้งนี้เพราะไม่รู้จักบ้าง เพราะกลัวว่าโลกนี้จะหมดรสชาติที่หอมหวลรื่นรมย์บ้าง, แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นแหละ ก็ตกอยู่ในจำพวกที่ถูกพัดพาไปหา พระนิพพานดุจเดียวกัน, เพราะไม่มีอะไรจะมามีอำนาจยิ่งไปกว่าผลกรรมอันปรุงสัญชาตญาณ และไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่าความจริงอันไม่รู้จักแปรผันนั้นเลยฯ
39. ถ้าหากว่ามีผู้วิเศษคนหนึ่ง อาจบันดาลให้เราถูกสลากกินแบ่งรางวัลจำนวนล้าน ๆ ได้ตามแต่ทางฝ่ายเราประสงค์จะให้ถูกเมื่อไร เช่นนี้ เราควรรีบขอร้องให้ท่านผู้วิเศษนั้นบันดาลเพื่อให้ถูกในวันพรุ่งนี้ หรือต่อเมื่ออีกสัก 50 ชาติล่วงไปแล้ว, ข้อนี้ทุกคนก็ต้องตอบว่าย่อมขอให้ถูกพรุ่งนี้ หรือให้เร็วกว่านั้นอีก, ทั้งนี้เพราะว่า เรารู้จักมองเห็นคุณค่ายิ่งใหญ่ของจำนวนเงินก้อนมหึมานั้น อยู่ชัด ๆฯ
46. กาย เปรียบเหมือนลำเรือ, ใจ เปรียบเหมือนนายเรือ, สังสารวัฏ เปรียบเหมือนทะเลหลวง, โลกนั้นโลกนี้ ที่เราไปผุดเกิดวนเวียนนั้น เปรียบเหมือนท่าเรือสำหรับทำการค้าขาย, ผลบุญ ผลบาป ในชาติหนึ่ง ๆ ในโลกหนึ่ง ๆ คือกำไรขาดทุนในการค้าของนายเรือ ตามท่าเรือแต่ละแห่งที่ผ่านไป, การได้ลุถึง “เกาะ” แห่งหนึ่ง ซึ่งนายเรือนั้นพอใจ ถึงกับหยุดการท่องเที่ยวไปในทะเลอย่างเด็ดขาด นั่นคือ พระนิพพานฯ
============================
อ่านทั้งหมด นิพพาน - จุดปลายทางของชีวิต