ไม่รู้ว่ามีใครเอาลงไปหรือยังนะ เห็นว่ามีประโยชน์ดี
ทัศนคติแบบเยอรมัน คุณภาพคือความจริง
คมสัน สุริยะ
28 ธันวาคม 2552
ผมเป็นหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ส่วนน้อยที่หลงมาเรียนที่เยอรมัน ทำให้ค่อนข้างแปลกแยกจากนักเศรษฐศาสตร์คนอื่น ๆ ที่จบจากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ผมพบว่าแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ของเยอรมันก็ต่างไปจากของประเทศเหล่านั้นด้วย
คนเยอรมันดูทื่อ ๆ ไม่หัวหมอด้านการเงิน เขาไม่ค่อยทันลูกเล่นเล่ห์เหลี่ยมทางการเงินมากนัก แต่เขาเชื่อมั่นในระบบ เขาสร้างระบบการเงินที่เข้มแข็ง แน่นหนา เคลื่อนที่ช้า ๆ แต่มั่นคง จนสามารถเป็นเสาหลักค้ำเงินสกุลยูโรไว้ได้อย่างไม่สั่นคลอน
การพัฒนาเศรษฐกิจของเยอรมันเน้นสิ่งที่ใช้งานได้จริง ๆ รถไฟต้องวิ่งได้จริง ๆ ใช้งานได้ทนทานนานปี ปลอดภัย และตรงเวลา สถานีรถไฟต้องสะอาดจริง ๆ ห้องน้ำต้องสะอาดจริง ๆ อาหารต้องปลอดภัยจริง ๆ
ในความหมายของคนเยอรมันแล้ว คุณภาพคือความจริง ไม่ว่าคุณจะเป็นใครแต่ถ้าคุณทำงานได้จริงเขาก็ยอมรับ แต่ไม่ว่าคุณจะมีใบรับรองการันตีวุฒิมากี่ใบแต่ทำงานไม่ได้เขาก็ไม่เอา เปลือกนอกจอมปลอมและของที่โฆษณาเกินจริงมักอยู่ได้ไม่นานในเยอรมัน
ที่เยอรมันไม่มีการซื้อวุฒิการศึกษา เพราะซื้อไปก็เท่านั้น ถ้าทำงานไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย ตรงกันข้ามนักศึกษาพากันจบช้า ๆ เพื่อไปหาประสบการณ์ที่หลากหลายก่อนออกไปทำงาน บ้างเดินทางไปเยือนดินแดนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก บ้างช่วยงานในโครงการ เพื่อที่จะได้มีทักษะและประสบการณ์แปลกใหม่
วิทยานิพนธ์ก็เหมือนกัน เขาสนใจว่าผลการศึกษาเชื่อถือได้หรือไม่ แล้วจะทำอะไรให้ดีขึ้นจากผลการศึกษานั้นได้บ้าง เขาลงทุนทำวิจัยไปแล้วไม่มีทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ พยายามเน้นไปว่าจะได้องค์ความรู้อะไร เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของชิ้นส่วนกลไกตรงไหน ถ้าเป็นทางเศรษฐศาสตร์ก็คือจะเอาไปใช้ในส่วนไหนของระบบเศรษฐกิจ
คนไทยอาจจะไม่ชอบสไตล์เยอรมันมากนัก เวลาเรามีโค้ชฟุตบอลเยอรมันมาฝึกสอนเราก็มักจะรับไม่ได้ในระยะยาว เพราะความจริงจังและความมีวินัยในระบบต่างกัน คนไทยชอบเรียนเร็วเรียนลัด แต่คนเยอรมันเน้นทักษะแน่น พัฒนาไปทีละขั้นอย่างช้า ๆ เพราะเขาเชื่อมั่นในระบบที่วางไว้เป็นขั้นเป็นตอน คนไทยบอกไม่ทันใจ ไม่มันส์เลย ไม่เท่ห์เลย โค้ชเยอรมันก็บอกว่าคนไทยใจร้อนจริง ไม่มีทักษะแต่อยากยิงประตูละ
คนไทยชอบต่อรอง ขอร้อง ล็อบบี้ ติดสินบน จนถึงข่มขู่ แต่คนเยอรมันตรงไปตรงมา ว่าไว้อย่างไหนก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีนอกมีใน
"ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่" และไม่มีการชมเพื่อเอาใจ เพราะคุณภาพคือความจริงเท่านั้น คนไทยชอบให้ปากหวานไว้ก่อนและรับไม่ได้กับคำวิจารณ์แรง ๆ ตรง ๆ แต่เมื่อของที่ทำออกมาดันใช้งานอะไรไม่ได้ก็ลงเอยที่คำว่า ไม่เป็นไร ของที่ลงทุนไปแล้วจะสูญเปล่าอย่างไรก็ช่างมันปะไร ขอให้ชม ๆ กันไว้ รักษาความสัมพันธ์กันไว้ก็พอ
เรื่องดีเด่นของเยอรมันก็คือ เงินร้อยบาทใช้ทำงานทั้งร้อยบาท ไม่มีการยักยอกเอาออกไปจ่ายเป็นค่านายหน้าหรือชักเปอร์เซ็นต์เข้ากระเป๋านักการเมือง ส่วนค่าตอบแทนของคนทำงานก็จ่ายตรงไปตรงมา ไม่มีการทำงานแล้วไม่ได้เงิน เขาไม่คิดเอาของกันฟรี ๆ เพราะเขารู้ว่าทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายและทุกคนมีค่าเสียเวลา
ค่าตอบแทนของอาจารย์ที่เยอรมันดีมาก ทำให้อาจารย์เหล่านั้นทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง และมีการแข่งขันกันสูงเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง ส่วนเมืองไทยครูคือเรือจ้างทำงานด้วยใจ แจว ๆ เรือไปก็ลงเอยได้สองทางก็คือไม่อดตายก็เป็นหนี้สินล้นพ้น เวลาจะเพิ่มเงินเดือนให้ครูก็กระแนะกระแหนว่าครูต้องทำงานด้วยใจสิ จะมาห่วงเรื่องเงินได้อย่างไร ผมไม่เห็นมีใครเขาถามอย่างนี้ในเยอรมัน เขากลับว่าครูต้องได้รับเงินเดือนดีแต่ต้องทำงานให้คุ้มค่ากับเงินเดือน และงานที่ครูเยอรมันต้องทำก็คือผลิตคนให้มีความรู้ ผลิตองค์ความรู้ใหม่ แต่ไม่ใช่ผลิตกระดาษประกันคุณภาพอย่างที่ครูไทยต้องสาละวนทำ เพราะคุณภาพอยู่ที่ตัวคนและตัวผลงานที่จับต้องได้จริง ๆ ไม่ใช่อยู่บนกระดาษที่เราคิดและเขียนไปเองว่าเรามีผลงานแต่จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรนอกจากกระดาษเปื้อนหมึกกองโตนั้น
โครงการที่เรามัวแต่ฝันว่าเราจะเป็นนั่นเป็นนี้ ที่เยอรมันมีแต่ทำให้เป็นตามที่หวังไว้ เรามีฝันแต่ไม่มีแผน เขามีแผนและทำไปตามแผน เขาวางแผนล่วงหน้าเป็นปีเพื่อที่จะทำอะไรสักอย่าง เราไปว่ากันเอาข้างหน้าถ้าต้องทำอะไร ผลก็คือเขาทำเสร็จแต่เราทำไม่เสร็จ เขาทำออกมาดีแต่เราทำผักชีโรยหน้า
ระบบเศรษฐกิจของเราเลยวูบวาบกับการเก็งกำไร ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจเยอรมันเข้มแข็งมั่นคงคาดหวังได้ บ้านเราใครมือยาวจึงสาวได้สาวเอา และอวดร่ำอวดรวย แต่คนเยอรมันจะต้องได้ในสิ่งที่ควรจะได้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอวดรวยเพราะเมื่อเขาได้ในสิ่งที่เขาควรจะได้เขาก็พอใจแล้ว คนเยอรมันจะบ่นเมื่อไม่ได้รับบริการที่สมควรจะได้ เพราะถือว่าทางการหรือบริษัทเอกชนมีหน้าที่ต้องให้บริการนั้นแก่เขา แต่คนไทยจำเป็นต้องอวดรวย เพราะถ้าไม่รวยก็จะไม่มีใครให้บริการที่ดี
คนเยอรมันให้เวลากับการพักผ่อน เวลาส่วนตัวก็คือเวลาส่วนตัว เวลางานก็ทำงานไม่ยอมหยุด คนไทยให้เวลากับการสังคม เวลาส่วนตัวก็ให้สังคม เวลาทำงานก็คุยสนุกสนานกับสังคมที่ทำงาน งานก็เลยไม่เสร็จสักที เราก็เลยต้องมาทำงานซ่อมในวันเสาร์อาทิตย์ หรือไม่ก็งานไม่เสร็จตามเวลาหรือคุณภาพที่อยากให้เป็น
เราชอบการกดขี่ ยิ่งสามารถใช้งานใครได้เยอะ ๆ ฟรี ๆ ยิ่งดี แต่เยอรมันชอบความเป็นธรรม พูดกันไว้เลยว่าทำงานมากน้อยแค่ไหน นานแค่ไหน แล้วทำเท่านั้น ไม่มีใครทำงานให้ฟรี ๆ ในโลกเยอรมัน ถ้าทำงานต้องได้เงิน ทำมากก็ได้เงินมาก ทำน้อยก็ได้น้อย ว่ากันไปตามนั้น
คนไทยต่อหน้าดีต่อกันแต่ลับหลังทิ่มแทงกัน คนเยอรมันต่อหน้าบึ้งตึงต่อกันแต่ลับหลังช่วยเหลือสนับสนุนค้ำจุนกัน มิตรไมตรีระหว่างคนไทยเกิดง่ายแต่ไม่รู้จริงไม่จริง มิตรไมตรีระหว่างคนเยอรมันเกิดยากมากแต่ถ้าเกิดแล้วจริงแท้แน่นอน
อย่างไรก็ตามเยอรมันไม่ใช่ประเทศที่สมบูรณ์แบบ เพราะสิ่งดี ๆ ที่ว่ามาทั้งหมดนั้นทำให้เยอรมันเป็นประเทศที่ดูเย็นชา เคร่งขรึม เคร่งครัด และประชาชนก็เหมือนเครื่องจักรที่อยู่กันไปวัน ๆ อย่างไม่มีสีสัน และไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก และเมืองไทยก็ไม่ใช่ประเทศที่เลวร้ายอะไร เพราะสิ่งที่แตกต่างจากเยอรมันที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นกลับทำให้ประเทศไทยมีสีสัน สนุกสนาน ยืดหยุ่น สรวลเสเฮฮา ยิ้มง่าย ลืมง่าย ให้อภัยกันง่าย และมีสังคมกว้างขวาง แม้ว่าคนไทยจะได้ใช้แต่ของที่ไม่ค่อยมีคุณภาพจริง ๆ เท่าไรและมีชีวิตอยู่กันไปเหมือนกับไม่จริงจังกับอะไรจริง ๆ เลยก็ตาม
คนไทยไปเยอรมันก็จะบอกว่า นี่คนเยอรมันเขาอยู่กันอย่างนี้ได้อย่างไร คนเยอรมันมาเมืองไทยก็พูดอย่างเดียวกันว่า นี่คนไทยเขาอยู่กันอย่างนี้ได้อย่างไร อย่างว่า ต่างโต๊ะก็ต่างกติกา เราก็เลือกสิ่งดี ๆ จากทั้งสองสังคมมาปรับใช้เพื่อให้ได้ทั้งคุณภาพของงานและคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุข
ที่มา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.tourismlogistics.com/index.php?option=com_content&view=article&id=396:german-quality&catid=80:german-in-everyday-germany&Itemid=106
ทัศนคติแบบเยอรมัน
ทัศนคติแบบเยอรมัน คุณภาพคือความจริง
คมสัน สุริยะ
28 ธันวาคม 2552
ผมเป็นหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ส่วนน้อยที่หลงมาเรียนที่เยอรมัน ทำให้ค่อนข้างแปลกแยกจากนักเศรษฐศาสตร์คนอื่น ๆ ที่จบจากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ผมพบว่าแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ของเยอรมันก็ต่างไปจากของประเทศเหล่านั้นด้วย
คนเยอรมันดูทื่อ ๆ ไม่หัวหมอด้านการเงิน เขาไม่ค่อยทันลูกเล่นเล่ห์เหลี่ยมทางการเงินมากนัก แต่เขาเชื่อมั่นในระบบ เขาสร้างระบบการเงินที่เข้มแข็ง แน่นหนา เคลื่อนที่ช้า ๆ แต่มั่นคง จนสามารถเป็นเสาหลักค้ำเงินสกุลยูโรไว้ได้อย่างไม่สั่นคลอน
การพัฒนาเศรษฐกิจของเยอรมันเน้นสิ่งที่ใช้งานได้จริง ๆ รถไฟต้องวิ่งได้จริง ๆ ใช้งานได้ทนทานนานปี ปลอดภัย และตรงเวลา สถานีรถไฟต้องสะอาดจริง ๆ ห้องน้ำต้องสะอาดจริง ๆ อาหารต้องปลอดภัยจริง ๆ
ในความหมายของคนเยอรมันแล้ว คุณภาพคือความจริง ไม่ว่าคุณจะเป็นใครแต่ถ้าคุณทำงานได้จริงเขาก็ยอมรับ แต่ไม่ว่าคุณจะมีใบรับรองการันตีวุฒิมากี่ใบแต่ทำงานไม่ได้เขาก็ไม่เอา เปลือกนอกจอมปลอมและของที่โฆษณาเกินจริงมักอยู่ได้ไม่นานในเยอรมัน
ที่เยอรมันไม่มีการซื้อวุฒิการศึกษา เพราะซื้อไปก็เท่านั้น ถ้าทำงานไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย ตรงกันข้ามนักศึกษาพากันจบช้า ๆ เพื่อไปหาประสบการณ์ที่หลากหลายก่อนออกไปทำงาน บ้างเดินทางไปเยือนดินแดนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก บ้างช่วยงานในโครงการ เพื่อที่จะได้มีทักษะและประสบการณ์แปลกใหม่
วิทยานิพนธ์ก็เหมือนกัน เขาสนใจว่าผลการศึกษาเชื่อถือได้หรือไม่ แล้วจะทำอะไรให้ดีขึ้นจากผลการศึกษานั้นได้บ้าง เขาลงทุนทำวิจัยไปแล้วไม่มีทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ พยายามเน้นไปว่าจะได้องค์ความรู้อะไร เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของชิ้นส่วนกลไกตรงไหน ถ้าเป็นทางเศรษฐศาสตร์ก็คือจะเอาไปใช้ในส่วนไหนของระบบเศรษฐกิจ
คนไทยอาจจะไม่ชอบสไตล์เยอรมันมากนัก เวลาเรามีโค้ชฟุตบอลเยอรมันมาฝึกสอนเราก็มักจะรับไม่ได้ในระยะยาว เพราะความจริงจังและความมีวินัยในระบบต่างกัน คนไทยชอบเรียนเร็วเรียนลัด แต่คนเยอรมันเน้นทักษะแน่น พัฒนาไปทีละขั้นอย่างช้า ๆ เพราะเขาเชื่อมั่นในระบบที่วางไว้เป็นขั้นเป็นตอน คนไทยบอกไม่ทันใจ ไม่มันส์เลย ไม่เท่ห์เลย โค้ชเยอรมันก็บอกว่าคนไทยใจร้อนจริง ไม่มีทักษะแต่อยากยิงประตูละ
คนไทยชอบต่อรอง ขอร้อง ล็อบบี้ ติดสินบน จนถึงข่มขู่ แต่คนเยอรมันตรงไปตรงมา ว่าไว้อย่างไหนก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีนอกมีใน
"ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่" และไม่มีการชมเพื่อเอาใจ เพราะคุณภาพคือความจริงเท่านั้น คนไทยชอบให้ปากหวานไว้ก่อนและรับไม่ได้กับคำวิจารณ์แรง ๆ ตรง ๆ แต่เมื่อของที่ทำออกมาดันใช้งานอะไรไม่ได้ก็ลงเอยที่คำว่า ไม่เป็นไร ของที่ลงทุนไปแล้วจะสูญเปล่าอย่างไรก็ช่างมันปะไร ขอให้ชม ๆ กันไว้ รักษาความสัมพันธ์กันไว้ก็พอ
เรื่องดีเด่นของเยอรมันก็คือ เงินร้อยบาทใช้ทำงานทั้งร้อยบาท ไม่มีการยักยอกเอาออกไปจ่ายเป็นค่านายหน้าหรือชักเปอร์เซ็นต์เข้ากระเป๋านักการเมือง ส่วนค่าตอบแทนของคนทำงานก็จ่ายตรงไปตรงมา ไม่มีการทำงานแล้วไม่ได้เงิน เขาไม่คิดเอาของกันฟรี ๆ เพราะเขารู้ว่าทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายและทุกคนมีค่าเสียเวลา
ค่าตอบแทนของอาจารย์ที่เยอรมันดีมาก ทำให้อาจารย์เหล่านั้นทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง และมีการแข่งขันกันสูงเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง ส่วนเมืองไทยครูคือเรือจ้างทำงานด้วยใจ แจว ๆ เรือไปก็ลงเอยได้สองทางก็คือไม่อดตายก็เป็นหนี้สินล้นพ้น เวลาจะเพิ่มเงินเดือนให้ครูก็กระแนะกระแหนว่าครูต้องทำงานด้วยใจสิ จะมาห่วงเรื่องเงินได้อย่างไร ผมไม่เห็นมีใครเขาถามอย่างนี้ในเยอรมัน เขากลับว่าครูต้องได้รับเงินเดือนดีแต่ต้องทำงานให้คุ้มค่ากับเงินเดือน และงานที่ครูเยอรมันต้องทำก็คือผลิตคนให้มีความรู้ ผลิตองค์ความรู้ใหม่ แต่ไม่ใช่ผลิตกระดาษประกันคุณภาพอย่างที่ครูไทยต้องสาละวนทำ เพราะคุณภาพอยู่ที่ตัวคนและตัวผลงานที่จับต้องได้จริง ๆ ไม่ใช่อยู่บนกระดาษที่เราคิดและเขียนไปเองว่าเรามีผลงานแต่จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรนอกจากกระดาษเปื้อนหมึกกองโตนั้น
โครงการที่เรามัวแต่ฝันว่าเราจะเป็นนั่นเป็นนี้ ที่เยอรมันมีแต่ทำให้เป็นตามที่หวังไว้ เรามีฝันแต่ไม่มีแผน เขามีแผนและทำไปตามแผน เขาวางแผนล่วงหน้าเป็นปีเพื่อที่จะทำอะไรสักอย่าง เราไปว่ากันเอาข้างหน้าถ้าต้องทำอะไร ผลก็คือเขาทำเสร็จแต่เราทำไม่เสร็จ เขาทำออกมาดีแต่เราทำผักชีโรยหน้า
ระบบเศรษฐกิจของเราเลยวูบวาบกับการเก็งกำไร ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจเยอรมันเข้มแข็งมั่นคงคาดหวังได้ บ้านเราใครมือยาวจึงสาวได้สาวเอา และอวดร่ำอวดรวย แต่คนเยอรมันจะต้องได้ในสิ่งที่ควรจะได้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอวดรวยเพราะเมื่อเขาได้ในสิ่งที่เขาควรจะได้เขาก็พอใจแล้ว คนเยอรมันจะบ่นเมื่อไม่ได้รับบริการที่สมควรจะได้ เพราะถือว่าทางการหรือบริษัทเอกชนมีหน้าที่ต้องให้บริการนั้นแก่เขา แต่คนไทยจำเป็นต้องอวดรวย เพราะถ้าไม่รวยก็จะไม่มีใครให้บริการที่ดี
คนเยอรมันให้เวลากับการพักผ่อน เวลาส่วนตัวก็คือเวลาส่วนตัว เวลางานก็ทำงานไม่ยอมหยุด คนไทยให้เวลากับการสังคม เวลาส่วนตัวก็ให้สังคม เวลาทำงานก็คุยสนุกสนานกับสังคมที่ทำงาน งานก็เลยไม่เสร็จสักที เราก็เลยต้องมาทำงานซ่อมในวันเสาร์อาทิตย์ หรือไม่ก็งานไม่เสร็จตามเวลาหรือคุณภาพที่อยากให้เป็น
เราชอบการกดขี่ ยิ่งสามารถใช้งานใครได้เยอะ ๆ ฟรี ๆ ยิ่งดี แต่เยอรมันชอบความเป็นธรรม พูดกันไว้เลยว่าทำงานมากน้อยแค่ไหน นานแค่ไหน แล้วทำเท่านั้น ไม่มีใครทำงานให้ฟรี ๆ ในโลกเยอรมัน ถ้าทำงานต้องได้เงิน ทำมากก็ได้เงินมาก ทำน้อยก็ได้น้อย ว่ากันไปตามนั้น
คนไทยต่อหน้าดีต่อกันแต่ลับหลังทิ่มแทงกัน คนเยอรมันต่อหน้าบึ้งตึงต่อกันแต่ลับหลังช่วยเหลือสนับสนุนค้ำจุนกัน มิตรไมตรีระหว่างคนไทยเกิดง่ายแต่ไม่รู้จริงไม่จริง มิตรไมตรีระหว่างคนเยอรมันเกิดยากมากแต่ถ้าเกิดแล้วจริงแท้แน่นอน
อย่างไรก็ตามเยอรมันไม่ใช่ประเทศที่สมบูรณ์แบบ เพราะสิ่งดี ๆ ที่ว่ามาทั้งหมดนั้นทำให้เยอรมันเป็นประเทศที่ดูเย็นชา เคร่งขรึม เคร่งครัด และประชาชนก็เหมือนเครื่องจักรที่อยู่กันไปวัน ๆ อย่างไม่มีสีสัน และไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก และเมืองไทยก็ไม่ใช่ประเทศที่เลวร้ายอะไร เพราะสิ่งที่แตกต่างจากเยอรมันที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นกลับทำให้ประเทศไทยมีสีสัน สนุกสนาน ยืดหยุ่น สรวลเสเฮฮา ยิ้มง่าย ลืมง่าย ให้อภัยกันง่าย และมีสังคมกว้างขวาง แม้ว่าคนไทยจะได้ใช้แต่ของที่ไม่ค่อยมีคุณภาพจริง ๆ เท่าไรและมีชีวิตอยู่กันไปเหมือนกับไม่จริงจังกับอะไรจริง ๆ เลยก็ตาม
คนไทยไปเยอรมันก็จะบอกว่า นี่คนเยอรมันเขาอยู่กันอย่างนี้ได้อย่างไร คนเยอรมันมาเมืองไทยก็พูดอย่างเดียวกันว่า นี่คนไทยเขาอยู่กันอย่างนี้ได้อย่างไร อย่างว่า ต่างโต๊ะก็ต่างกติกา เราก็เลือกสิ่งดี ๆ จากทั้งสองสังคมมาปรับใช้เพื่อให้ได้ทั้งคุณภาพของงานและคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุข
ที่มา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้