พอดีช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวย้ายหลักแหล่งไปอยู่ต่างจังหวัด เท่าที่คุยกับคนหลายๆคนไม่มีใครแนะนำ แฟนเองก็กลัวมากมาย แต่ส่วนตัวแล้วเหมือนมีพลังบางอย่างบอกว่าต้องย้ายออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุด
ระหว่างนี้เลยคิดอะไรได้เยอะมากจากข้อมูลคนรอบข้างทำให้คิดว่า แทบจะไม่มีใครคิดจะไปซื้อบ้านหรือที่ดินที่ต่างจังหวัดเพื่ออาศัย
แล้วทำให้ตัวเองเริ่มเข้าใจไปเองว่า ระบบการเรียนการสอน ระบบการแนะแนวการศึกษา+ทำงาน ค่านิยมของสังคม รวมถึงข้อมูลส่วนมากที่มาจากสือโทรทัศน์ ไม่ค่อยจะสอนให้เราๆ อยู่รอดด้วยการทำเกษตรเพื่อการเป็นผู้ผลิตอาหารขั้นที่หนึ่ง หรือให้พึ่งตัวเองเป็นหลัก
ระบบหรือค่านิยมปัจจุบันสอนเราว่าให้ทำงานได้เงินแล้วเอาเงินนี่แหละไปซื้ออาหารเพื่ออยู่รอด คือให้พึ่งคนอื่นเยอะๆ พอเป็นแบบนี้ก็เลยไม่มีใครคิดที่จะเป็นผู้ผลิตอาหารหรือพึ่งตัวเองเลย การที่เราต้องเชื่อและทำตามค่านิยมไปนั้น เหมือนมันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอในด้านการตระหนักคิดถึงสภาพความเป็นจริง (พูดง่ายๆๆว่าไม่เคยมาคิดเลยทำตามๆกันไปง่ายดี) และถ้ามันจะเป็นแบบนี้อีก สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็จะส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานถัดๆไป
และมันก็ตกผลึกลงมาอีกชั้นว่า ระบบเศรษฐกิจ แบบทุนนิยมนั้น ต้องการให้การเป็นอยู่ของคนทั้งหมดเป็นรูป 3 เหลี่ยมพิระมิต คือมีคนส่วนน้อยอยู่บนยอด และคนคนส่วนมากอยู่ที่ฐาน ดังนั้นเพื่อให้ที่ฐานสามเหลี่ยมนั้นเป็นคนส่วนมาก เลยจำเป็นต้องใส่ค่านิยมแบบผิดๆ(ผิดจากการเป็นอยู่ในสมัยก่อน) ลงมาให้คนส่วนมากเข้าใจแบบที่นายทุนต้องการ โดยการฝากค่านิยมนี้ผ่านระบบการเรียนการสอนตั้งแต่ใน รร ถึง มหาลัย ฝากใส่สื่อโทรทัศน์แหละสื่อต่างๆ ซึ่งน่าเศร้ามากมาย
สุดท้ายไม่มีอะไรอยากบ่นสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาให้คนอื่นฟังมาก
โลกแคบไปมั้ยถ้าคิดว่า จะต้องอาศัยอยู่ใน กทม.+ปริมณฑล เท่านั้นถึงจะอยู่รอด
ระหว่างนี้เลยคิดอะไรได้เยอะมากจากข้อมูลคนรอบข้างทำให้คิดว่า แทบจะไม่มีใครคิดจะไปซื้อบ้านหรือที่ดินที่ต่างจังหวัดเพื่ออาศัย
แล้วทำให้ตัวเองเริ่มเข้าใจไปเองว่า ระบบการเรียนการสอน ระบบการแนะแนวการศึกษา+ทำงาน ค่านิยมของสังคม รวมถึงข้อมูลส่วนมากที่มาจากสือโทรทัศน์ ไม่ค่อยจะสอนให้เราๆ อยู่รอดด้วยการทำเกษตรเพื่อการเป็นผู้ผลิตอาหารขั้นที่หนึ่ง หรือให้พึ่งตัวเองเป็นหลัก
ระบบหรือค่านิยมปัจจุบันสอนเราว่าให้ทำงานได้เงินแล้วเอาเงินนี่แหละไปซื้ออาหารเพื่ออยู่รอด คือให้พึ่งคนอื่นเยอะๆ พอเป็นแบบนี้ก็เลยไม่มีใครคิดที่จะเป็นผู้ผลิตอาหารหรือพึ่งตัวเองเลย การที่เราต้องเชื่อและทำตามค่านิยมไปนั้น เหมือนมันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอในด้านการตระหนักคิดถึงสภาพความเป็นจริง (พูดง่ายๆๆว่าไม่เคยมาคิดเลยทำตามๆกันไปง่ายดี) และถ้ามันจะเป็นแบบนี้อีก สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็จะส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานถัดๆไป
และมันก็ตกผลึกลงมาอีกชั้นว่า ระบบเศรษฐกิจ แบบทุนนิยมนั้น ต้องการให้การเป็นอยู่ของคนทั้งหมดเป็นรูป 3 เหลี่ยมพิระมิต คือมีคนส่วนน้อยอยู่บนยอด และคนคนส่วนมากอยู่ที่ฐาน ดังนั้นเพื่อให้ที่ฐานสามเหลี่ยมนั้นเป็นคนส่วนมาก เลยจำเป็นต้องใส่ค่านิยมแบบผิดๆ(ผิดจากการเป็นอยู่ในสมัยก่อน) ลงมาให้คนส่วนมากเข้าใจแบบที่นายทุนต้องการ โดยการฝากค่านิยมนี้ผ่านระบบการเรียนการสอนตั้งแต่ใน รร ถึง มหาลัย ฝากใส่สื่อโทรทัศน์แหละสื่อต่างๆ ซึ่งน่าเศร้ามากมาย
สุดท้ายไม่มีอะไรอยากบ่นสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาให้คนอื่นฟังมาก