นิทานสอนใจ

​ ชายหนุ่มผู้เฝ้าริมป่าช้า
​เรื่องราวของ "ชู" ผู้ไม่เคยยอมให้ความจนและคำดูถูกบดขยี้คุณค่าในตัวเอง
​ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางขุนเขา มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ชู อายุ 36 ปี ชีวิตของชูไม่ได้เริ่มต้นอย่างสวยงามเหมือนนิทานทั่วไป เขาลืมตาดูโลกในครอบครัวที่ยากจนข้นแค้น ต้องอาศัยอยู่กับญาติผู้เมตตาอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่รับจ้างเฝ้าสวนหาเช้ากินค่ำ
​พวกเขาต้องย้ายที่อยู่หลายครั้ง จนสุดท้ายได้มาลงหลักปักฐานในที่ที่ห่างไกลผู้คน นั่นคือ กระท่อมเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่าช้า ถึงแม้จะเงียบสงบ แต่การเป็นคนอยู่ริมขอบสังคม ทำให้ชูต้องรับรู้ถึงความแตกต่าง เขาต้องยุติการเรียนตั้งแต่ชั้นประถม และความจนก็กลายเป็นเงาที่ตามติดทุกย่างก้าว
​สิ่งที่กัดกินจิตใจชูยิ่งกว่าความหิว คือความรู้สึกโดดเดี่ยวและความไร้ค่า เขาไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีใครเหลียวแล คำนินทาและสายตาดูถูกจากคนในหมู่บ้านเป็นเหมือนฝนที่ตกลงมาซ้ำ ๆ บนจิตใจที่บอบช้ำ ไม่มีใครเคยยื่นมือมาช่วยในยามลำบาก ไม่มีใครเคยถามไถ่ถึงความรู้สึก
​ชูเริ่มสงสัยว่าโลกนี้สนใจเขาบ้างไหม? เขาสร้างกำแพงขึ้นมาหลอกตัวเองว่ามีความสุข เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากความรู้สึกที่ว่าถูกทอดทิ้ง แต่ความเจ็บปวดที่สะสมมานานวันก็ทำให้เขาเข้าสู่ช่วงที่รู้สึก "ตกต่ำที่สุด" ในวัย 36 ปี
​ร่างกายของชูเริ่มแสดงอาการประหลาด เวลาใครพูดอะไรอยู่ข้าง ๆ สมองของเขากลับไม่ตอบรับ ได้ยินแต่เสียงที่ไม่สามารถประมวลผลเป็นความหมายได้ มันคือสัญญาณของจิตใจที่เหนื่อยล้าจนเลือกที่จะตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก
​ในห้วงความคิดที่มืดมิด ชูยอมรับว่าเขาอาจจะดูโง่ในสายตาคนอื่น แต่เขาก็นึกถึงความจริงข้อหนึ่งขึ้นมา: “ชูเอ๋ย ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เจ้าได้ต่อสู้มาตลอด เจ้าดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยตัวเจ้าเอง คนที่อยู่ริมขอบมักจะมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน และมีความอดทนต่อทุกสภาวะมากกว่าใคร"
​ชูตระหนักได้ว่า คุณค่าของเขาไม่ได้วัดจากทรัพย์สิน หรือคำพูดของคนอื่น แต่มันมาจากความกล้าหาญที่เขายังลุกขึ้นยืนในทุก ๆ วัน ถึงแม้จะอยู่ริมป่าช้า แต่จิตวิญญาณของเขาไม่เคยตาย เขามี "เรื่องราว" ที่จะเป็นแสงสว่างให้กับคนที่กำลังรู้สึกมืดมิดและตกต่ำเหมือนเขา
​เขาตัดสินใจใช้เรื่องราวชีวิตที่อยู่ "ริมขอบ" นี้ เป็นพลังและกำลังใจให้กับผู้อื่น
​ข้อคิดจากเรื่อง: ชูอาจใช้ชีวิตอยู่ ริมขอบของสังคม แต่เขาคือ "ต้นไม้" ที่เลือกจะหยั่งรากลึกและเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง
​ถึงเพื่อน ๆ ที่กำลังรู้สึกตกอับ: จงรู้ไว้ว่าคุณค่าของคุณไม่ได้วัดจากคำพูดของใคร แต่มาจากความกล้าหาญที่คุณใช้ในการลุกขึ้นยืนในทุก ๆ วัน คุณอาจจะอยู่ริมขอบ แต่คุณมีมุมมองที่ไม่มีใครมี จงภูมิใจในการต่อสู้ของคุณ และเชื่อว่าคุณจะเบ่งบานในแบบของคุณเอง สู้ไปด้วยกันนะครับ!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่