กระทู้นี้ สนทนาได้นะครับ ยินดีครับผม
คนไข้ เป็นผู้หญิงผอม อายุ 40 ปี มาโรงพยาบาลด้วย เพลียไม่มีแรง คลื่นไส้ เหนื่อย ทำงานไม่ไหว มาเกือบเดือน เป็นโรคเบาหวานมา 5 ปี ไม่คุมอาหารเลย รักษาโดยใช้ยาสมุนไพร กินบ้างไม่กินบ้าง ตรวจเบาหวาน นานๆ ครั้ง แต่ละครั้งเกิน 200 แม้จะกินยาสมุนไพรอยู่ ไม่อยากมารักษาโรงพยาบาล เพราะ เพื่อนบ้านบอกว่า กินยาจะเป็นโรคไต โรคหัวใจ โรคตับ
วันนี้ตรวจค่าน้ำตาลทั้งๆ ที่อดอาหารมาแล้วได้ ถึง 398 mg% ก็สูงมากครับ
ประเด็นทั้งหมดคือ
1. คนไข้คนนี้ ไม่ได้รักษาโรคเบาหวานตามมาตรฐาน ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง ตามมาตรฐานคือ การเข้าใจโรค มาตามนัด ตรวจเลือดสม่ำเสมอ จะกินยาหรือไม่ ขึ้นกับผลเลือดแต่ละครั้ง เป้าหมายคือ ค่าน้ำตาลในเลือดก่อนอาหารเช้า ไม่ควรเกิน 110-130 เป็นต้น ยังมีอะไรๆ อีกมากมายที่ เจ้าหน้าที่ พยาบาล หรือแพทย์ ได้ดูแลคนไข้เบาหวาน ซึ่งแต่ละ รพ. ก็มีคนไข้เยอะมากๆ แต่ก็ได้ตามมาตรฐาน ส่วนเป้า ก็ขึ้นกับคนไข้ด้วย ว่าจะได้หรือไม่ ปัจจุบันคนไข้ ส่วนใหญ่ มีค่าน้ำตาลตามเป้า ทำได้ ไม่ถึง 50%
2.รักษาด้วยวิธีสมุนไพร แต่ไม่คุมอาหารเลย เลือกสมุนไพร ติดตามผลเลือดบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตามเป้า โรคแทรกซ้อน ตอนนี้ คือ เริ่มมีชาปลายมือปลายเท้าแล้ว ส่วนใหญ่น่าจะมีโรคเบาหวานที่ตาไปแล้วด้วยครับ
3. รักษาด้วยสมุนไพร ทำได้ครับ เพราะถ้าหากกินแล้ว น้ำตาลได้ตามเป้า และตรวจการทำงานของตับแล้วปกติ ก็กินต่อไปได้ครับ เพราะได้เป้าหมายแล้ว ที่เหลือ ก็ติดตามผลเลือด ต่อเนื่อง
4. ยาเบาหวานที่ให้กับคนไข้ ในโรงพยาบาล ไม่ได้เป็นยาที่ทำให้ ไต ตับ หัวใจเสียหาย กินแล้วไม่ได้เป็นโรคไต โรคหัวใจ โรคตับ ส่วนใหญ่ที่เป็นโรคไต เพราะคุมน้ำตาล คุมโรคต่างๆ ได้ไม่ดีมากกว่า ทำให้ต้องใช้ยาเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็ไตเรื้อรังต้องฟอกเลือด เพราะตัวโรคคนไข้เอง หากไม่กินยา อาจจะเป็นโรคไตเรื้อรังก่อน ต้องฟอกเลือด ไม่ทันรักษาด้วยซ้ำ และก็เจอบ่อยๆ ด้วยครับ ยาที่มีผลต่อไต ก็จะเป็นกลุ่มยาแก้อักเสบ (ยาคลายเส้น) กลุ่มนี้หาซื้อง่าย และคนไข้มัก ขอฉีดยา โดยจะไปขอให้แพทย์ที่คลินิก หรือโรงพยาบาล ฉีดให้ เป็นต้น หลายคน ฉีดไปฉีดมา กินยากลุ่มนี้ไปนานๆ ก็เป็นโรคไตขึ้นมาจริงๆ ครับ
อยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา อยากให้ คนไข้เบาหวานทุกๆ คน มีร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากโรค
ใครมีประเด็นอะไรเพิ่มเติม บอกได้นะครับ ยินดีครับผม
คนไข้เบาหวานและการรักษาไม่เหมาะสม ทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น
คนไข้ เป็นผู้หญิงผอม อายุ 40 ปี มาโรงพยาบาลด้วย เพลียไม่มีแรง คลื่นไส้ เหนื่อย ทำงานไม่ไหว มาเกือบเดือน เป็นโรคเบาหวานมา 5 ปี ไม่คุมอาหารเลย รักษาโดยใช้ยาสมุนไพร กินบ้างไม่กินบ้าง ตรวจเบาหวาน นานๆ ครั้ง แต่ละครั้งเกิน 200 แม้จะกินยาสมุนไพรอยู่ ไม่อยากมารักษาโรงพยาบาล เพราะ เพื่อนบ้านบอกว่า กินยาจะเป็นโรคไต โรคหัวใจ โรคตับ
วันนี้ตรวจค่าน้ำตาลทั้งๆ ที่อดอาหารมาแล้วได้ ถึง 398 mg% ก็สูงมากครับ
ประเด็นทั้งหมดคือ
1. คนไข้คนนี้ ไม่ได้รักษาโรคเบาหวานตามมาตรฐาน ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง ตามมาตรฐานคือ การเข้าใจโรค มาตามนัด ตรวจเลือดสม่ำเสมอ จะกินยาหรือไม่ ขึ้นกับผลเลือดแต่ละครั้ง เป้าหมายคือ ค่าน้ำตาลในเลือดก่อนอาหารเช้า ไม่ควรเกิน 110-130 เป็นต้น ยังมีอะไรๆ อีกมากมายที่ เจ้าหน้าที่ พยาบาล หรือแพทย์ ได้ดูแลคนไข้เบาหวาน ซึ่งแต่ละ รพ. ก็มีคนไข้เยอะมากๆ แต่ก็ได้ตามมาตรฐาน ส่วนเป้า ก็ขึ้นกับคนไข้ด้วย ว่าจะได้หรือไม่ ปัจจุบันคนไข้ ส่วนใหญ่ มีค่าน้ำตาลตามเป้า ทำได้ ไม่ถึง 50%
2.รักษาด้วยวิธีสมุนไพร แต่ไม่คุมอาหารเลย เลือกสมุนไพร ติดตามผลเลือดบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตามเป้า โรคแทรกซ้อน ตอนนี้ คือ เริ่มมีชาปลายมือปลายเท้าแล้ว ส่วนใหญ่น่าจะมีโรคเบาหวานที่ตาไปแล้วด้วยครับ
3. รักษาด้วยสมุนไพร ทำได้ครับ เพราะถ้าหากกินแล้ว น้ำตาลได้ตามเป้า และตรวจการทำงานของตับแล้วปกติ ก็กินต่อไปได้ครับ เพราะได้เป้าหมายแล้ว ที่เหลือ ก็ติดตามผลเลือด ต่อเนื่อง
4. ยาเบาหวานที่ให้กับคนไข้ ในโรงพยาบาล ไม่ได้เป็นยาที่ทำให้ ไต ตับ หัวใจเสียหาย กินแล้วไม่ได้เป็นโรคไต โรคหัวใจ โรคตับ ส่วนใหญ่ที่เป็นโรคไต เพราะคุมน้ำตาล คุมโรคต่างๆ ได้ไม่ดีมากกว่า ทำให้ต้องใช้ยาเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็ไตเรื้อรังต้องฟอกเลือด เพราะตัวโรคคนไข้เอง หากไม่กินยา อาจจะเป็นโรคไตเรื้อรังก่อน ต้องฟอกเลือด ไม่ทันรักษาด้วยซ้ำ และก็เจอบ่อยๆ ด้วยครับ ยาที่มีผลต่อไต ก็จะเป็นกลุ่มยาแก้อักเสบ (ยาคลายเส้น) กลุ่มนี้หาซื้อง่าย และคนไข้มัก ขอฉีดยา โดยจะไปขอให้แพทย์ที่คลินิก หรือโรงพยาบาล ฉีดให้ เป็นต้น หลายคน ฉีดไปฉีดมา กินยากลุ่มนี้ไปนานๆ ก็เป็นโรคไตขึ้นมาจริงๆ ครับ
อยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา อยากให้ คนไข้เบาหวานทุกๆ คน มีร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากโรค
ใครมีประเด็นอะไรเพิ่มเติม บอกได้นะครับ ยินดีครับผม