ผมมีโอกาสได้อ่านหลายๆ กระทู้ ในฐานะผู้อ่าน ผมรู้สึกได้รับประโยชน์และมุมมองแนวคิดที่ดีมากมาย จากหลายๆเรื่องที่ทุกๆท่านได้นำเสนอ ในกระทู้ต่างๆ ในพันทิป และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสเขียนเรื่องราวจากประสบการณ์ของตัวเองให้กับคนอื่นๆ ได้อ่านบ้าง. ผมมีความตั้งใจที่จะแบ่งปันเรื่องราว ความรักซึ่งเกิดขึ้นจริงกับชีวิตของผม ซึ่งหวังว่าคงมีหลายคนที่จะสามารถได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ และผมอาจได้รับคำแนะนำดีๆจากเพื่อนๆ เช่นเดียวกับที่ผมเห็นในกระทู้อื่นๆ ที่มีผู้คนมากมายได้ให้ความสนใจเช่นกัน
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ซึ่งผมเองก็คาดไม่ถึงว่าในชีวิตนี้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆกับชีวิตของผม. แต่อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและให้บทเรียนสอนใจผมได้ดีมาก และผมไม่ทราบว่ามีใครที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง เผื่ออาจช่วยแนะนำผมได้
เรื่องนี้เกิดขึ้น เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ปี 2009 ผมได้คบกับแฟนของผม เธอเป็นคนจีนที่มาทำงานสอนหนังสือในประเทศไทยครับ ในขณะนั้นผมเองก็ได้มีโอกาสพบกับเธอเพราะผมเองก็ทำงานสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยเดียวกัน และในขณะเดียวกันผมทำงานอย่างอื่นอีก 2 งานด้วย คือ ผมเป็นนักร้องในผับและทำธุรกิจเครือข่าย ในเวลานั้น เธออายุ 21 ปี ส่วนผม อายุ 29 ปี. เราใช้ภาษาอังกฤษกันครับ และความสัมพันธ์ของเราทั้งคู้เป็นไปด้วยดี. มีความสุขมากๆ เธอเป็นคนน่ารัก นิสัยดี เก่งและเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงในอุดมคติของผมเลย. ในช่วงเวลาที่เราคบกัน เธอเองไม่เคยทำอะไรให้ผมอึดอัดใจเลยแม้แต่นิดเดียว ผมมีความสุขมากๆเรียกว่า สมหวังในความรัก ก็ว่าได้ ผมมีความสุขและรักเธอมาก เมื่อมีเธออยู่ข้างๆ ชีวิตผมสดใส และสวยงามมาก ( เรียกได้ว่าเธอคือนางฟ้าของผมก็ว่าได้) อย่าเพิ่งเลี่ยนนะครับ…
แต่ด้วยความทะเยอทะยานและค่อนข้างมุ่งมั่นในการทำงาน เพื่อหวังที่จะประสบความสำเร็จ อยากสร้างฐานะเพื่ออนาคตให้เร็วๆ เพื่อคนที่รัก เพื่อสร้างครอบครัว ทำให้ผมได้ตัดสินใจผิดพลาดไป….ผมเริ่ม ทำงานหนักขึ้น แล้วสิ่งที่ผมไม่ควรทำ ก็เริ่มขึ้น นั่น คือ เริ่มที่จะละเลยบางสิ่งที่สำคัญ เริ่มลืมดูแลคนรัก เริ่มไม่ใส่ใจ เริ่มลืมเวลา เริ่มจัดการชีวิตตัวเองไม่ดี และตามมาด้วยความหงุดหงิด ผิดพลาด อารมณ์ของผมเริ่มเครียดมากขึ้น ทั้งในธุรกิจ งานสอน และงานร้องเพลง ในที่สุดผมตัดสินใจลาออกจากงานสอนหนังสือ เพราะจัดการเวลาไม่ดี (คิดว่าร้องเพลงกับทำธุรกิจ น่าจะดีกว่า) แต่ทุกสิ่งก็ไม่ได้เป็นอย่างฝัน ธุรกิจผมเริ่ม เครียด ผลกำไร ก็ไม่เป็นไปตามเป้า และพบเจอแต่ความผิดหวัง ผิดพลาด ผู้คนก็เหมือนจะซ้ำเติมผม ไม่มีใครช่วยผมได้เลย ในที่สุดความล้มเหลวจากธุรกิจทำให้ผม ค่อยๆ เข้าสู่ความดำมืด หมดหวัง จิตใจของผมถูกความเครียดครอบงำ ในเวลานั้นผมอยู่ในจุดตกต่ำที่สุด เท่าที่ผมเคยผ่านมา ผมสูญเสียเงินไปจำนวนหนึ่งกับธุรกิจ ถึงขนาดควักกระเป๋าเพื่อเอาเงินบาทสุดท้ายออกมาใช้ ครอบครัวก็มีปัญหา ทะเลาะขัดแย้งกัน และกดดันผมต่อว่าผมที่ทำชีวิตล้มเหลว ความรู้สึกเหนื่อย หนัก กดดันเข้ามาอย่างท่วมท้น ผมออกจากงาน ธุรกิจล่ม …จะมีอะไรอีกดีล่ะ
ในเวลานั้น เมื่อผม เครียด ผมก็ใช้ชีวิตแบบ คนกลางคืน (คิดว่าทุกคนคงนึกภาพนักร้องกลางคืนตามผับออก ) ใช้ชีวิตโดยไม่สนใจใคร กลายเป็นคนสิ้นหวัง แม้แต่แฟนของผมที่แสนดี ผมก็เริ่มไม่สนใจเธอ ทั้งๆ ที่เธอเป็นห่วง แต่ผมไม่เคยบอกเธอเรื่องความล้มเหลวของผมนะครับ เพราะผมอายที่ต้องกลับกลายมาเป็นคนที่ดูไร้อนาคต ความหวังของผม ความฝันที่มีร่วมกับเธอ เริ่มจางหายไป ในที่สุดวันหนึ่ง ผมก็ทำบางสิ่งซึ่งผิดพลาดและทำให้ผมเสียใจจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ ผมทิ้งเธอไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ผมก็ไม่รู้ว่าความอาย ศักดิ์ศรี หรือ ความโง่เง่าอะไร ที่ทำให้ผมทำแบบนั้นลงไป เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่วัน หลังจากที่ผมไม่โทรไปหาเธอ เธอก็โทรมาหาผมด้วยเสียงสั่นเครือ ทั้งน้ำตา ผมจำเวลานั้นได้เป็นอย่างดี “เธอถามผมว่า ผมกำลังเป็นอะไร ต้องการอะไร ทำไมเป็นแบบนี้ “ เธอเสียใจ ผมรู้ แต่ผมเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าจะทำอย่างไร ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะผมอายที่เป็นคนล้มเหลว หมดตัวและชีวิตตกต่ำ ผมคิดว่าชีวิตผมไม่สมควรได้รับความรักดีๆ ผมไม่คู่ควร ผมไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับเธอแล้ววางสายจากไป ผมคิด เรื่องนี้อยู่หลายวัน แต่ไม่ได้หันหลังกลับ เธอเองก็ไม่ติดต่อมาอีก…. และผมก็หันไปคบกับผู้หญิงคนอื่นแทน หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ย้ายกลับไปอยู่เมืองจีน ตามทางของเธอ….. ( ผมรู้ว่าเธอเองคงเสียใจมาก)
ส่วนผมเอง หลังจากนั้น ผมลุยทำธุรกิจ สู้ไม่ถอย จนกระทั่ง ผมลาออกจากงานร้องเพลง และมุ่งแต่เรื่องธุรกิจ ชีวิตของผมไม่มีความสุขเลย หลายครั้งผมย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เก่าๆเสมอว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงตัดสินใจพลาดไป
แล้วทำไมผมถึงทำร้ายคนที่รักผม ทั้งๆที่เธอเป็นคนดี เธอมีค่าสำหรับผมมาก และผมก็รักเธอ แต่เธอไปแล้ว ผมเองก็ไม่ได้ติดต่อเธออีก นับแต่นั้นมา ผม สับสนในชีวิตมากในเวลานั้น ……..(มีความยากลำบากและประสบการณ์แย่ๆ เกิดขึ้นมากมาย หลังจากที่ผมแยกทางกับเธอ แต่เรื่องมันยาวครับขอข้ามไป )
หลังจากนั้น ประมาณ 1 ปี ชีวิตผมตกต่ำถึงขีดสุด ผมหมดตัว ตกงาน และไม่มีงานทำ ไม่มีคนข้างกาย ไม่มีความหวังใดๆ นั่นเป็นจุดที่ทำให้ผม เริ่มทบทวนชีวิตอีกครั้ง นี่ฉันทำอะไรลงไป ทำไมฉันถึงทำผิดพลาดมากมายได้ถึงเพียงนี้ ผมเริ่มร้องไห้ เพราะความเครียด เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทำไมมันหมดหวัง ความสิ้นหวังทำให้ผมร้องไห้ออกมาอย่างหมดหัวใจ และในเวลานั้นเอง ผมเคยได้ยินเรื่องพระเจ้าจากเพื่อนคนหนึ่ง ( เพื่อนๆอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมจะพูดเรื่องศาสนานะครับ แต่ถึงผมพูด ศาสนาก็เป็นเรื่องที่ดี จรรโลงจิตใจผู้คนมิใช่หรือครับ ) เอาเป็นว่าผมเดินร้องไห้ ไปที่โบสถ์แถวบ้านและขอให้คนที่นั่นช่วยอธิษฐานเผื่อชีวิตที่สับสนของผม หลังจากวันนั้นผมเรื่องได้เรียนรู้เรื่องราวของพระเจ้าผ่านการอ่านพระคัมภีร์ และเรียนรู้จัก “ความรัก” ซึ่งเป็นมุมมองที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ในเวลานี้พระเจ้าเปลี่ยนชีวิตของผมใหม่ ผมมีนิสัยใหม่ๆ เลิกนิสัยแบบเดิม ผมหันหลังกลับให้ชีวิตแบบเดิมๆ และไปโบสถ์ตลอด ขอบคุณพระเจ้าตอนนี้ผมได้รู้จักความรัก ที่เป็นความรักแท้ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อน ที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว ผมเริ่มคิดถึงแฟนของผมและสิ่งที่ผมได้ทอดทิ้งเธอไป มันยังคงทำให้ผมเจ็บปวด และผมเองก็เสียใจ เคยนึกหลายๆครั้ง ว่าหากมีโอกาสอีกครั้ง ผมจะไม่ทำพลาดอีก แน่นอนครับว่าบทเรียนนี้มีค่ากับผมมากๆ เนื่องจากเวลานี้ผมกลับใจใหม่ ผมอยากขอโทษ อยากคุยกับเธอ แต่ผมไม่รู้จะติดต่อเธออย่างไร มีเพียงเฟซบุ้ค ซึ่งรู้กันดีว่าประเทศจีนเขาไม่เล่นกัน (บางเมืองถูกสั่งห้ามเล่น) ผมพิมพ์ขอความขอโทษ ทิ้งไว้ในกล่องข้อความของเธอ หวังว่าวันหนึ่งเธอจะมาเปิดอ่าน แม้ในใจคิดว่าเธอคงไม่ให้อภัย แต่ผมก็สารภาพความผิดที่ผมได้กระทำต่อเธอ และเล่าถึงชีวิตของผมหลังจากที่แยกทางกันให้เธอรู้ (สรุปสั้นๆ ประมาณนั้นครับ) แต่ก็ไม่มีวี่แวว คำตอบ หรือ ปฏิกิริยาใดๆ จากเฟซบุ้คของเธอ ...... เวลายังคงเดินของมันต่อไปเรื่อยๆ ชีวิตผมดีขึ้น ผมได้กลับมาทำงานสอนหนังสืออีกครั้ง และมีธุรกิจห้องเช่าเล็กๆ ครอบครัวของผมพ่อแม่ ก็มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ชีวิตผมดูสดใส ขอบคุณพระเจ้าที่เปลี่ยนชีวิตผมให้ดีขึ้น แต่ขาดเพียงสิ่งเดียวที่ผมไม่มี นั่นคือความรัก ผมอาจมีผู้หญิงที่ลองคบดูบ้าง 2-3 คน แต่ก็ไปไม่รอด และผมก็คิดว่าไม่ผ่าน ไม่ใช่คนที่ผมจะอยู่ด้วย
ปัจจุบันตอนนี้ผม อายุ 34 ปีแล้วครับ ยังโสด ศุกร์ที่แล้ว 12 ธันวาคม 2014 ผมและเพื่อนๆอาจารย์ออกไปทานมื้อเที่ยงกัน และระหว่างนั่งดื่มกาแฟ กัน ก็มีเพื่อนพูดแซว ถามถึงความรักครั้งเก่าของผมขึ้นมา เพราะผมยังไม่แต่งงานสักที เลยโดนแซวบ่อย ผมก็เล่าให้เพื่อนฟังว่า ผมสำนึกผิดเรื่องวันเก่าที่ทิ้งแฟนของผมจริงๆ และเล่าให้เพื่อนฟังว่า ผมทิ้งข้อความขอโทษไว้ในเฟซบุ้ค แต่ก็ไม่มีวี่แวว การติดต่อกลับใดๆ มาเป็นเวลา 2-3 ปี แล้ว ถึงตอนนี้
ค่ำวันนั้นเอง เมื่อผมกำลังนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน อยู่ๆ สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น ข้อความในเฟซบุ้ค เด้งขึ้นมาปรากฏ ….ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่า การปรากฏของข้อความในเฟซบุ้ค จะสามารถทำให้ผมตื่นเต้นและดีใจได้มากขนาดนี้ ภาพที่ผมเห็นคือ เธอ ส่งข้อความกลับมา โอ้ขอบคุณพระเจ้า ผมดีใจมากๆ เหมือนจะกระโดด จากที่นั่ง ข้อความของเธอ ตอบกลับมาว่า…. เธอให้อภัยผม เธอไม่โกรธผมและตอนนี้ เธอสบายดี มีความสุขและได้ไปเรียนปริญญาโทอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ผมดีใจมากพร้อมทั้งสอบถามเรื่องต่างๆ มากมาย และที่ดีใจกว่านั้นคือ เธอยินดีที่จะคุยกับผมและตอบคำถามทุกอย่าง เธอบอกว่าเธอฝันถึงเมืองไทย และเหมือนกับมีบางสิ่งที่เมืองไทยกำลังเรียกเธอ หรือทำให้เธออยากรู้ เธอจึงเริ่มเปิดสิ่งๆเก่าๆ ที่เธอมีจากเมืองไทย และข้อความในเฟซบุ้คของเธอ ผมและเธอต่างเล่าเรื่องราวชีวิตของกันและกันให้ฟัง (ไม่ได้คุยกัน 5ปี ) ตลอดจนเรื่องความรักของเธอในช่วงเวลาที่เธออยู่ประเทศจีน และผมได้รับรู้ว่าเธอเองยังโสดครับ ยังไม่แต่งงาน เวลานี้ เธออายุ 26 ปี เราพูดถึงเรื่องราวเก่าๆ เพลงเก่าๆที่เคยฟัง สถานที่ที่เคยไป เรื่องดีๆ ที่เรามี และเธอจดจำหลายๆเรื่องที่ผมเองก็ลืมไปแล้ว เราคุยกันหลายเรื่องครับ จากวันนั้นมา จนกระทั่งทุกวันนี้ ผมเริ่มอธิบายถึงสาเหตุต่างๆ มันอึดอัดครับ ที่ไม่มีโอกาสบอก มาบอกเอาตอนที่สายไปก็ยังดีกว่าไม่ได้บอกเลย แม้เธอจะบอกว่าเธอไม่โกรธผมแล้วแต่ยังไงผมก็ยังอยากจะขอโทษและแสดงความรู้สึกให้เธอได้รู้ว่าผมสำนึกผิดและรู้สึกเสียใจต่อการกระทำที่ได้ทำพลาดไป ผมพูดถึงสิ่งที่ผมเก็บไว้ เช่นไดอารี่ ผมแต่งเพลงเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อเธอไว้หลายเพลงครับ และเขียนไดอารี่ ลงในสมุดบันทึกซี่งเธอได้มอบไว้ให้ผม แต่ผมไม่เคยให้เธอได้อ่านไดอารี่ ของผมจนกระทั่งวันนี้ เมื่อผมถ่ายรูปไดอารี่เล่มนั้นส่งให้เธอ เธอเริ่มมีอารมณ์ เปลี่ยนไป ผมส่งภาพแต่ละหน้าของไดอารี่ให้เธอได้อ่าน บันทึก ที่เขียนความรู้สึกตลอดเวลา ที่ผมได้มีเธอในแต่ละวันๆ มันมีความสุข ผมรักเธอ ผมคิดถึงเธอทุกๆวัน จนกระทั่งมีบางอย่างเปลี่ยนไป ความตกต่ำมืดดำในชีวิตของผม และการตัดสิ้นใจที่ผิดพลาด เดินจากเธอมาแบบไม่มีเยื่อใย ทุกอย่างถูกบันทึกเอาไว้ และวันนี้ทุกอย่างได้ถูกเปิดเผยออกให้ได้รับรู้ แต่ละข้อความที่บรรยายความรู้สึก ของผมที่มีต่อเธอและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราเคยใช้เวลาด้วยกัน ถูกเล่าผ่านข้อความในไดอารี่ ค่อยๆ ผ่านสายตาเธอทีละหน้าๆ เธอเริ่มร้องไห้ (เธอพิมพ์บอกผมทางข้อความ ว่าผมทำเธอเศร้า ร้องไห้) และพูดกับผมว่า ตั้งแต่วันนั้นเธอรอคอย และเป็นห่วงผม อยากรู้ว่าผมเป็นอย่างไร แต่ผมก็ไม่กลับไปอีกเลย จนกระทั่งเธอเริ่มตัดใจ และกลับประเทศไป (ผมนี่มันโง่ และงี่เง่าที่สุด) ผมนี้น้ำตาคลอเลยครับ ผู้หญิงคนนี้รอคอยผมที่จะอภัยให้และอดทนรอให้ผมกลับไปหาเธอ นานขนาดไหนผมไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ผมมันแย่ที่สุดที่ไม่สนใจเธอเลย ผมสารภาพความรู้สึกทุกอย่างให้เธอรู้ บอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ชีวิตผมตกต่ำ เครียดและรู้สึก อายไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าคิดฝัน ไม่คู่ควรกับเธอ และไม่สมควรให้อภัย แต่เธอเป็นคนดีจริงๆครับ เธอยังคุยกับผมและให้กำลังใจผมตลอด ถึงตรงนี้ผมเสียใจจนเสียน้ำตาให้เหตุการณ์นี้ ผมสำนึกแล้วครับ
มาถึงตรงนี้……. ผมกำลังอยากบอกกับทุกคนว่า ผมตกหลุมรักคนที่เคยรักผม 5 ปีที่แล้วอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าวันนี้เวลาอาจทำให้ใจเธอเปลี่ยนไป แต่ผมก็ยังรู้สึกดีที่ได้คุยกับเธอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไร วันนี้ผมได้สารภาพความในใจของผม ระบายความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เธอได้รับรู้ไปแล้ว ผมรู้สึกเป็นอิสระ แม้ในใจลึกๆแอบคิดหวังที่จะขอโอกาสกลับมาคืนดี และผมคิดเช่นนั้นจริงๆ และผมอธิษฐานกับพระเจ้าขอโอกาสให้ผมได้มีโอกาสรักเธออีกครั้ง ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทำในสิ่งที่ควรทำ แม้ผมอาจไม่คู่ควรที่จะได้รับโอกาสนั้นก็ตาม ผมสัญญาเพราะวันนี้ ผมเป็นคนใหม่แล้วพระเจ้าเปลี่ยนหัวใจผมใหม่ มีต่อ...
ถ้ามีโอกาสอีกสักครั้ง ผมขอทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้ในวันที่สายไป (จงรักษาความรักเอาไว้ให้ดี ก่อนที่จะสูญเสียมันไป)
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ซึ่งผมเองก็คาดไม่ถึงว่าในชีวิตนี้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆกับชีวิตของผม. แต่อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและให้บทเรียนสอนใจผมได้ดีมาก และผมไม่ทราบว่ามีใครที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง เผื่ออาจช่วยแนะนำผมได้
เรื่องนี้เกิดขึ้น เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ปี 2009 ผมได้คบกับแฟนของผม เธอเป็นคนจีนที่มาทำงานสอนหนังสือในประเทศไทยครับ ในขณะนั้นผมเองก็ได้มีโอกาสพบกับเธอเพราะผมเองก็ทำงานสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยเดียวกัน และในขณะเดียวกันผมทำงานอย่างอื่นอีก 2 งานด้วย คือ ผมเป็นนักร้องในผับและทำธุรกิจเครือข่าย ในเวลานั้น เธออายุ 21 ปี ส่วนผม อายุ 29 ปี. เราใช้ภาษาอังกฤษกันครับ และความสัมพันธ์ของเราทั้งคู้เป็นไปด้วยดี. มีความสุขมากๆ เธอเป็นคนน่ารัก นิสัยดี เก่งและเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงในอุดมคติของผมเลย. ในช่วงเวลาที่เราคบกัน เธอเองไม่เคยทำอะไรให้ผมอึดอัดใจเลยแม้แต่นิดเดียว ผมมีความสุขมากๆเรียกว่า สมหวังในความรัก ก็ว่าได้ ผมมีความสุขและรักเธอมาก เมื่อมีเธออยู่ข้างๆ ชีวิตผมสดใส และสวยงามมาก ( เรียกได้ว่าเธอคือนางฟ้าของผมก็ว่าได้) อย่าเพิ่งเลี่ยนนะครับ…
แต่ด้วยความทะเยอทะยานและค่อนข้างมุ่งมั่นในการทำงาน เพื่อหวังที่จะประสบความสำเร็จ อยากสร้างฐานะเพื่ออนาคตให้เร็วๆ เพื่อคนที่รัก เพื่อสร้างครอบครัว ทำให้ผมได้ตัดสินใจผิดพลาดไป….ผมเริ่ม ทำงานหนักขึ้น แล้วสิ่งที่ผมไม่ควรทำ ก็เริ่มขึ้น นั่น คือ เริ่มที่จะละเลยบางสิ่งที่สำคัญ เริ่มลืมดูแลคนรัก เริ่มไม่ใส่ใจ เริ่มลืมเวลา เริ่มจัดการชีวิตตัวเองไม่ดี และตามมาด้วยความหงุดหงิด ผิดพลาด อารมณ์ของผมเริ่มเครียดมากขึ้น ทั้งในธุรกิจ งานสอน และงานร้องเพลง ในที่สุดผมตัดสินใจลาออกจากงานสอนหนังสือ เพราะจัดการเวลาไม่ดี (คิดว่าร้องเพลงกับทำธุรกิจ น่าจะดีกว่า) แต่ทุกสิ่งก็ไม่ได้เป็นอย่างฝัน ธุรกิจผมเริ่ม เครียด ผลกำไร ก็ไม่เป็นไปตามเป้า และพบเจอแต่ความผิดหวัง ผิดพลาด ผู้คนก็เหมือนจะซ้ำเติมผม ไม่มีใครช่วยผมได้เลย ในที่สุดความล้มเหลวจากธุรกิจทำให้ผม ค่อยๆ เข้าสู่ความดำมืด หมดหวัง จิตใจของผมถูกความเครียดครอบงำ ในเวลานั้นผมอยู่ในจุดตกต่ำที่สุด เท่าที่ผมเคยผ่านมา ผมสูญเสียเงินไปจำนวนหนึ่งกับธุรกิจ ถึงขนาดควักกระเป๋าเพื่อเอาเงินบาทสุดท้ายออกมาใช้ ครอบครัวก็มีปัญหา ทะเลาะขัดแย้งกัน และกดดันผมต่อว่าผมที่ทำชีวิตล้มเหลว ความรู้สึกเหนื่อย หนัก กดดันเข้ามาอย่างท่วมท้น ผมออกจากงาน ธุรกิจล่ม …จะมีอะไรอีกดีล่ะ
ในเวลานั้น เมื่อผม เครียด ผมก็ใช้ชีวิตแบบ คนกลางคืน (คิดว่าทุกคนคงนึกภาพนักร้องกลางคืนตามผับออก ) ใช้ชีวิตโดยไม่สนใจใคร กลายเป็นคนสิ้นหวัง แม้แต่แฟนของผมที่แสนดี ผมก็เริ่มไม่สนใจเธอ ทั้งๆ ที่เธอเป็นห่วง แต่ผมไม่เคยบอกเธอเรื่องความล้มเหลวของผมนะครับ เพราะผมอายที่ต้องกลับกลายมาเป็นคนที่ดูไร้อนาคต ความหวังของผม ความฝันที่มีร่วมกับเธอ เริ่มจางหายไป ในที่สุดวันหนึ่ง ผมก็ทำบางสิ่งซึ่งผิดพลาดและทำให้ผมเสียใจจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ ผมทิ้งเธอไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ผมก็ไม่รู้ว่าความอาย ศักดิ์ศรี หรือ ความโง่เง่าอะไร ที่ทำให้ผมทำแบบนั้นลงไป เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่วัน หลังจากที่ผมไม่โทรไปหาเธอ เธอก็โทรมาหาผมด้วยเสียงสั่นเครือ ทั้งน้ำตา ผมจำเวลานั้นได้เป็นอย่างดี “เธอถามผมว่า ผมกำลังเป็นอะไร ต้องการอะไร ทำไมเป็นแบบนี้ “ เธอเสียใจ ผมรู้ แต่ผมเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าจะทำอย่างไร ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะผมอายที่เป็นคนล้มเหลว หมดตัวและชีวิตตกต่ำ ผมคิดว่าชีวิตผมไม่สมควรได้รับความรักดีๆ ผมไม่คู่ควร ผมไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับเธอแล้ววางสายจากไป ผมคิด เรื่องนี้อยู่หลายวัน แต่ไม่ได้หันหลังกลับ เธอเองก็ไม่ติดต่อมาอีก…. และผมก็หันไปคบกับผู้หญิงคนอื่นแทน หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ย้ายกลับไปอยู่เมืองจีน ตามทางของเธอ….. ( ผมรู้ว่าเธอเองคงเสียใจมาก)
ส่วนผมเอง หลังจากนั้น ผมลุยทำธุรกิจ สู้ไม่ถอย จนกระทั่ง ผมลาออกจากงานร้องเพลง และมุ่งแต่เรื่องธุรกิจ ชีวิตของผมไม่มีความสุขเลย หลายครั้งผมย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เก่าๆเสมอว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงตัดสินใจพลาดไป
แล้วทำไมผมถึงทำร้ายคนที่รักผม ทั้งๆที่เธอเป็นคนดี เธอมีค่าสำหรับผมมาก และผมก็รักเธอ แต่เธอไปแล้ว ผมเองก็ไม่ได้ติดต่อเธออีก นับแต่นั้นมา ผม สับสนในชีวิตมากในเวลานั้น ……..(มีความยากลำบากและประสบการณ์แย่ๆ เกิดขึ้นมากมาย หลังจากที่ผมแยกทางกับเธอ แต่เรื่องมันยาวครับขอข้ามไป )
หลังจากนั้น ประมาณ 1 ปี ชีวิตผมตกต่ำถึงขีดสุด ผมหมดตัว ตกงาน และไม่มีงานทำ ไม่มีคนข้างกาย ไม่มีความหวังใดๆ นั่นเป็นจุดที่ทำให้ผม เริ่มทบทวนชีวิตอีกครั้ง นี่ฉันทำอะไรลงไป ทำไมฉันถึงทำผิดพลาดมากมายได้ถึงเพียงนี้ ผมเริ่มร้องไห้ เพราะความเครียด เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทำไมมันหมดหวัง ความสิ้นหวังทำให้ผมร้องไห้ออกมาอย่างหมดหัวใจ และในเวลานั้นเอง ผมเคยได้ยินเรื่องพระเจ้าจากเพื่อนคนหนึ่ง ( เพื่อนๆอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมจะพูดเรื่องศาสนานะครับ แต่ถึงผมพูด ศาสนาก็เป็นเรื่องที่ดี จรรโลงจิตใจผู้คนมิใช่หรือครับ ) เอาเป็นว่าผมเดินร้องไห้ ไปที่โบสถ์แถวบ้านและขอให้คนที่นั่นช่วยอธิษฐานเผื่อชีวิตที่สับสนของผม หลังจากวันนั้นผมเรื่องได้เรียนรู้เรื่องราวของพระเจ้าผ่านการอ่านพระคัมภีร์ และเรียนรู้จัก “ความรัก” ซึ่งเป็นมุมมองที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ในเวลานี้พระเจ้าเปลี่ยนชีวิตของผมใหม่ ผมมีนิสัยใหม่ๆ เลิกนิสัยแบบเดิม ผมหันหลังกลับให้ชีวิตแบบเดิมๆ และไปโบสถ์ตลอด ขอบคุณพระเจ้าตอนนี้ผมได้รู้จักความรัก ที่เป็นความรักแท้ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อน ที่มีแต่ความเห็นแก่ตัว ผมเริ่มคิดถึงแฟนของผมและสิ่งที่ผมได้ทอดทิ้งเธอไป มันยังคงทำให้ผมเจ็บปวด และผมเองก็เสียใจ เคยนึกหลายๆครั้ง ว่าหากมีโอกาสอีกครั้ง ผมจะไม่ทำพลาดอีก แน่นอนครับว่าบทเรียนนี้มีค่ากับผมมากๆ เนื่องจากเวลานี้ผมกลับใจใหม่ ผมอยากขอโทษ อยากคุยกับเธอ แต่ผมไม่รู้จะติดต่อเธออย่างไร มีเพียงเฟซบุ้ค ซึ่งรู้กันดีว่าประเทศจีนเขาไม่เล่นกัน (บางเมืองถูกสั่งห้ามเล่น) ผมพิมพ์ขอความขอโทษ ทิ้งไว้ในกล่องข้อความของเธอ หวังว่าวันหนึ่งเธอจะมาเปิดอ่าน แม้ในใจคิดว่าเธอคงไม่ให้อภัย แต่ผมก็สารภาพความผิดที่ผมได้กระทำต่อเธอ และเล่าถึงชีวิตของผมหลังจากที่แยกทางกันให้เธอรู้ (สรุปสั้นๆ ประมาณนั้นครับ) แต่ก็ไม่มีวี่แวว คำตอบ หรือ ปฏิกิริยาใดๆ จากเฟซบุ้คของเธอ ...... เวลายังคงเดินของมันต่อไปเรื่อยๆ ชีวิตผมดีขึ้น ผมได้กลับมาทำงานสอนหนังสืออีกครั้ง และมีธุรกิจห้องเช่าเล็กๆ ครอบครัวของผมพ่อแม่ ก็มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ชีวิตผมดูสดใส ขอบคุณพระเจ้าที่เปลี่ยนชีวิตผมให้ดีขึ้น แต่ขาดเพียงสิ่งเดียวที่ผมไม่มี นั่นคือความรัก ผมอาจมีผู้หญิงที่ลองคบดูบ้าง 2-3 คน แต่ก็ไปไม่รอด และผมก็คิดว่าไม่ผ่าน ไม่ใช่คนที่ผมจะอยู่ด้วย
ปัจจุบันตอนนี้ผม อายุ 34 ปีแล้วครับ ยังโสด ศุกร์ที่แล้ว 12 ธันวาคม 2014 ผมและเพื่อนๆอาจารย์ออกไปทานมื้อเที่ยงกัน และระหว่างนั่งดื่มกาแฟ กัน ก็มีเพื่อนพูดแซว ถามถึงความรักครั้งเก่าของผมขึ้นมา เพราะผมยังไม่แต่งงานสักที เลยโดนแซวบ่อย ผมก็เล่าให้เพื่อนฟังว่า ผมสำนึกผิดเรื่องวันเก่าที่ทิ้งแฟนของผมจริงๆ และเล่าให้เพื่อนฟังว่า ผมทิ้งข้อความขอโทษไว้ในเฟซบุ้ค แต่ก็ไม่มีวี่แวว การติดต่อกลับใดๆ มาเป็นเวลา 2-3 ปี แล้ว ถึงตอนนี้
ค่ำวันนั้นเอง เมื่อผมกำลังนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน อยู่ๆ สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น ข้อความในเฟซบุ้ค เด้งขึ้นมาปรากฏ ….ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่า การปรากฏของข้อความในเฟซบุ้ค จะสามารถทำให้ผมตื่นเต้นและดีใจได้มากขนาดนี้ ภาพที่ผมเห็นคือ เธอ ส่งข้อความกลับมา โอ้ขอบคุณพระเจ้า ผมดีใจมากๆ เหมือนจะกระโดด จากที่นั่ง ข้อความของเธอ ตอบกลับมาว่า…. เธอให้อภัยผม เธอไม่โกรธผมและตอนนี้ เธอสบายดี มีความสุขและได้ไปเรียนปริญญาโทอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ผมดีใจมากพร้อมทั้งสอบถามเรื่องต่างๆ มากมาย และที่ดีใจกว่านั้นคือ เธอยินดีที่จะคุยกับผมและตอบคำถามทุกอย่าง เธอบอกว่าเธอฝันถึงเมืองไทย และเหมือนกับมีบางสิ่งที่เมืองไทยกำลังเรียกเธอ หรือทำให้เธออยากรู้ เธอจึงเริ่มเปิดสิ่งๆเก่าๆ ที่เธอมีจากเมืองไทย และข้อความในเฟซบุ้คของเธอ ผมและเธอต่างเล่าเรื่องราวชีวิตของกันและกันให้ฟัง (ไม่ได้คุยกัน 5ปี ) ตลอดจนเรื่องความรักของเธอในช่วงเวลาที่เธออยู่ประเทศจีน และผมได้รับรู้ว่าเธอเองยังโสดครับ ยังไม่แต่งงาน เวลานี้ เธออายุ 26 ปี เราพูดถึงเรื่องราวเก่าๆ เพลงเก่าๆที่เคยฟัง สถานที่ที่เคยไป เรื่องดีๆ ที่เรามี และเธอจดจำหลายๆเรื่องที่ผมเองก็ลืมไปแล้ว เราคุยกันหลายเรื่องครับ จากวันนั้นมา จนกระทั่งทุกวันนี้ ผมเริ่มอธิบายถึงสาเหตุต่างๆ มันอึดอัดครับ ที่ไม่มีโอกาสบอก มาบอกเอาตอนที่สายไปก็ยังดีกว่าไม่ได้บอกเลย แม้เธอจะบอกว่าเธอไม่โกรธผมแล้วแต่ยังไงผมก็ยังอยากจะขอโทษและแสดงความรู้สึกให้เธอได้รู้ว่าผมสำนึกผิดและรู้สึกเสียใจต่อการกระทำที่ได้ทำพลาดไป ผมพูดถึงสิ่งที่ผมเก็บไว้ เช่นไดอารี่ ผมแต่งเพลงเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อเธอไว้หลายเพลงครับ และเขียนไดอารี่ ลงในสมุดบันทึกซี่งเธอได้มอบไว้ให้ผม แต่ผมไม่เคยให้เธอได้อ่านไดอารี่ ของผมจนกระทั่งวันนี้ เมื่อผมถ่ายรูปไดอารี่เล่มนั้นส่งให้เธอ เธอเริ่มมีอารมณ์ เปลี่ยนไป ผมส่งภาพแต่ละหน้าของไดอารี่ให้เธอได้อ่าน บันทึก ที่เขียนความรู้สึกตลอดเวลา ที่ผมได้มีเธอในแต่ละวันๆ มันมีความสุข ผมรักเธอ ผมคิดถึงเธอทุกๆวัน จนกระทั่งมีบางอย่างเปลี่ยนไป ความตกต่ำมืดดำในชีวิตของผม และการตัดสิ้นใจที่ผิดพลาด เดินจากเธอมาแบบไม่มีเยื่อใย ทุกอย่างถูกบันทึกเอาไว้ และวันนี้ทุกอย่างได้ถูกเปิดเผยออกให้ได้รับรู้ แต่ละข้อความที่บรรยายความรู้สึก ของผมที่มีต่อเธอและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราเคยใช้เวลาด้วยกัน ถูกเล่าผ่านข้อความในไดอารี่ ค่อยๆ ผ่านสายตาเธอทีละหน้าๆ เธอเริ่มร้องไห้ (เธอพิมพ์บอกผมทางข้อความ ว่าผมทำเธอเศร้า ร้องไห้) และพูดกับผมว่า ตั้งแต่วันนั้นเธอรอคอย และเป็นห่วงผม อยากรู้ว่าผมเป็นอย่างไร แต่ผมก็ไม่กลับไปอีกเลย จนกระทั่งเธอเริ่มตัดใจ และกลับประเทศไป (ผมนี่มันโง่ และงี่เง่าที่สุด) ผมนี้น้ำตาคลอเลยครับ ผู้หญิงคนนี้รอคอยผมที่จะอภัยให้และอดทนรอให้ผมกลับไปหาเธอ นานขนาดไหนผมไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ผมมันแย่ที่สุดที่ไม่สนใจเธอเลย ผมสารภาพความรู้สึกทุกอย่างให้เธอรู้ บอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ชีวิตผมตกต่ำ เครียดและรู้สึก อายไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าคิดฝัน ไม่คู่ควรกับเธอ และไม่สมควรให้อภัย แต่เธอเป็นคนดีจริงๆครับ เธอยังคุยกับผมและให้กำลังใจผมตลอด ถึงตรงนี้ผมเสียใจจนเสียน้ำตาให้เหตุการณ์นี้ ผมสำนึกแล้วครับ
มาถึงตรงนี้……. ผมกำลังอยากบอกกับทุกคนว่า ผมตกหลุมรักคนที่เคยรักผม 5 ปีที่แล้วอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าวันนี้เวลาอาจทำให้ใจเธอเปลี่ยนไป แต่ผมก็ยังรู้สึกดีที่ได้คุยกับเธอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไร วันนี้ผมได้สารภาพความในใจของผม ระบายความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เธอได้รับรู้ไปแล้ว ผมรู้สึกเป็นอิสระ แม้ในใจลึกๆแอบคิดหวังที่จะขอโอกาสกลับมาคืนดี และผมคิดเช่นนั้นจริงๆ และผมอธิษฐานกับพระเจ้าขอโอกาสให้ผมได้มีโอกาสรักเธออีกครั้ง ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทำในสิ่งที่ควรทำ แม้ผมอาจไม่คู่ควรที่จะได้รับโอกาสนั้นก็ตาม ผมสัญญาเพราะวันนี้ ผมเป็นคนใหม่แล้วพระเจ้าเปลี่ยนหัวใจผมใหม่ มีต่อ...