เล็งติดยันต์ ‘ประชามติ’โดย ทีมข่าวการเมือง
ถึงคิว “กุ๊ก” ปรุงแกงส้ม
เสร็จจากการประชุม สปช.เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะการปฏิรูป
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯด้านต่างๆ เพื่อนำไปวางกรอบร่างรัฐธรรมนูญ
3 วันเต็ม เซลไอเดียทะลัก 700 หัวข้อ 246 ประเด็น
จากนี้ก็เป็นหน้าที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ นำโดย “ยอดเชฟรัฐธรรมนูญ”
ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการฯ จะโชว์ฝีมือปรุงรส
แกงส้มหม้อนี้
ตามปฏิทินปฏิรูป ตามที่ “บิ๊กอู้” พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการฯ
ระบุ คณะกรรมาธิการยกร่างฯจะแยกข้อเสนอแต่ละส่วน ดูข้อดีข้อด้อย จากนั้น
วันที่ 22-26 ธ.ค. จะจัดกรอบแนวทางเป็นรายมาตรา
ก่อนส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาคำจำกัดความที่จะบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
คาดว่าวันที่ 5 ม.ค.2558 จะประชุมยกร่างรัฐธรรมนูญต่อได้ทันที
แต่ที่มีภาพออกนอกบทหลุดคิวกันไปบ้างก็น่าจะเป็นข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการ
ด้านปฏิรูปการเมืองที่ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน
ชงไอเดีย
“เลือกตั้งนายกฯและ ครม.โดยตรง”
ประเด็นไฮไลต์ ปมร้อนที่มีความเห็นเป็น 2 ปีกใน สปช. โดยเฉพาะเสียงค้าน
เรื่องรูปแบบอิหลักอิเหลื่อ มีทั้งระบบเลือกตั้งนายกฯ และยังมีระบบรัฐสภา
ข้อเสนอพิสดารหนึ่งเดียวในโลก “ไทยแลนด์โอนลี่”
ไปจนกระทั่งการเพิ่มอำนาจเด็ดขาดให้ฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะผู้นำประเทศที่อาจ
มีปัญหาเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุล ขณะที่เรื่องแก้ปมซื้อเสียงก็เป็นไปได้ยาก
หนำซ้ำปม “เลือกตั้งนายกฯตรง” ยังอยู่ในข่ายสุดโต่ง แหลมและหมิ่นเหม่กระทบ
สถาบันสำคัญ
ที่สำคัญ สรุปความตามที่ “ดร.บวรศักดิ์” ระบุเป็นฉากๆ ข้อเสนอนี้มีความเสี่ยงหลายด้าน
ทั้งผลกระทบกับพรรคที่แพ้เลือกตั้งตกงานยาว มีความเสี่ยงที่จะได้นายกฯมาจากกระแส
มีความเสี่ยงมีนายกฯและ ครม.เข้มแข็งเกินไป ปรับ ครม.ลำบาก เพราะมาจาก
การเลือกตั้งเหมือนกัน
ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่สูงมาก คือนายกฯมีอำนาจมากกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เพราะแบ่งแยกอำนาจเทียม นายกฯเสนอกฎหมายและงบฯได้ หรือเรียกว่าระบบรัฐสภา
กรณีฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติเป็นพรรคเดียวกัน ทำให้อำนาจล้นฟ้า
เปรียบเป็นระบบ
“ซุปเปอร์ประธานาธิบดี”
ประเมินจากสุ้มเสียงของ “เชฟรัฐธรรมนูญ” คนสำคัญอย่าง “ดร.บวรศักดิ์” ออก
โรงแจงละเอียดถึงมุมลบข้อเสนอ “เลือกตั้งนายกฯ” แล้ว ถึงถูกชงผ่านเข้าสู่ฟลอร์
36 อรหันต์ กมธ.ยกร่าง แต่สุดท้ายก็คงโดนติดเบรก
เมื่อ “จุดรับสัญญาณแป๊ะ” ชัดเจน จ่อกด “ไฟแดง”
แล้วที่น่าสนใจ ที่ต้องติดตามกับ 2 ปมร้อนในช็อตต่อไป ทั้งข้อเสนอสร้าง
ความปรองดองด้วยการ “นิรโทษกรรม” และการทำ “ประชามติ” รธน.ฉบับใหม่
หลังมีการจุดพลุโยนหินถามทางกันแล้ว ถูกชะลอให้ไปว่ากันภายหลัง
แต่แว่วว่า “เครือข่ายแป๊ะ” ซาวเสียงกันวงใน ทั้งปมนิรโทษกรรม กับเหตุจำเป็น
ในการคลี่ปมคลายวิกฤติขัดแย้งบ้านเมือง
บนเงื่อนไข ผู้ที่ได้รับอานิสงส์จำกัดวงเฉพาะ “เหยื่อ” ในเกมช่วงชิงอำนาจการเมือง
ไม่มีรายการยั่วแรงต้าน “ล้างยกลอต-เคลียร์เหมาเข่ง”
รวมทั้งที่ดูเหมือน “สัญญาณแป๊ะ” จะอ่อนตัวลง จากที่เดิมบรรดาผู้กุมอำนาจเสียงเข้ม
จะไม่มีการทำประชามติให้ยุ่งยาก เพราะต้องเคลียร์ชาวบ้าน เปลืองงบฯ เสียเวลา
แต่เวลานี้เริ่มกลับมามองแนวทางนี้ เหตุหนึ่งเพราะไม่ต้องการสวนกระแส
เสียงชาวบ้านเริ่มขานรับปม “ทำประชามติ” มากขึ้น
ที่สำคัญ อีกทางหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ไฟเขียวจากชาวบ้าน ประชาชนโหวตสนับสนุน
ก็จะเหมือนติด “เกราะ” ชั้นดี เช่นรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา
เล็งใช้ยันต์ “ประชามติ” ป้องกัน “รื้อ” ไว้เหมือนกัน.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath.co.th/content/469922
“เลือกตั้งนายกฯและ ครม.โดยตรง” .... ข้อเสนอพิสดารหนึ่งเดียวในโลก “ไทยแลนด์โอนลี่” ไทยรัฐออนไลน์ .../sao..เหลือ..noi
ถึงคิว “กุ๊ก” ปรุงแกงส้ม
เสร็จจากการประชุม สปช.เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะการปฏิรูป
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯด้านต่างๆ เพื่อนำไปวางกรอบร่างรัฐธรรมนูญ
3 วันเต็ม เซลไอเดียทะลัก 700 หัวข้อ 246 ประเด็น
จากนี้ก็เป็นหน้าที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ นำโดย “ยอดเชฟรัฐธรรมนูญ”
ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการฯ จะโชว์ฝีมือปรุงรส
แกงส้มหม้อนี้
ตามปฏิทินปฏิรูป ตามที่ “บิ๊กอู้” พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการฯ
ระบุ คณะกรรมาธิการยกร่างฯจะแยกข้อเสนอแต่ละส่วน ดูข้อดีข้อด้อย จากนั้น
วันที่ 22-26 ธ.ค. จะจัดกรอบแนวทางเป็นรายมาตรา
ก่อนส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาคำจำกัดความที่จะบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
คาดว่าวันที่ 5 ม.ค.2558 จะประชุมยกร่างรัฐธรรมนูญต่อได้ทันที
แต่ที่มีภาพออกนอกบทหลุดคิวกันไปบ้างก็น่าจะเป็นข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการ
ด้านปฏิรูปการเมืองที่ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน
ชงไอเดีย “เลือกตั้งนายกฯและ ครม.โดยตรง”
ประเด็นไฮไลต์ ปมร้อนที่มีความเห็นเป็น 2 ปีกใน สปช. โดยเฉพาะเสียงค้าน
เรื่องรูปแบบอิหลักอิเหลื่อ มีทั้งระบบเลือกตั้งนายกฯ และยังมีระบบรัฐสภา
ข้อเสนอพิสดารหนึ่งเดียวในโลก “ไทยแลนด์โอนลี่”
ไปจนกระทั่งการเพิ่มอำนาจเด็ดขาดให้ฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะผู้นำประเทศที่อาจ
มีปัญหาเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุล ขณะที่เรื่องแก้ปมซื้อเสียงก็เป็นไปได้ยาก
หนำซ้ำปม “เลือกตั้งนายกฯตรง” ยังอยู่ในข่ายสุดโต่ง แหลมและหมิ่นเหม่กระทบ
สถาบันสำคัญ
ที่สำคัญ สรุปความตามที่ “ดร.บวรศักดิ์” ระบุเป็นฉากๆ ข้อเสนอนี้มีความเสี่ยงหลายด้าน
ทั้งผลกระทบกับพรรคที่แพ้เลือกตั้งตกงานยาว มีความเสี่ยงที่จะได้นายกฯมาจากกระแส
มีความเสี่ยงมีนายกฯและ ครม.เข้มแข็งเกินไป ปรับ ครม.ลำบาก เพราะมาจาก
การเลือกตั้งเหมือนกัน
ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่สูงมาก คือนายกฯมีอำนาจมากกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เพราะแบ่งแยกอำนาจเทียม นายกฯเสนอกฎหมายและงบฯได้ หรือเรียกว่าระบบรัฐสภา
กรณีฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติเป็นพรรคเดียวกัน ทำให้อำนาจล้นฟ้า
เปรียบเป็นระบบ “ซุปเปอร์ประธานาธิบดี”
ประเมินจากสุ้มเสียงของ “เชฟรัฐธรรมนูญ” คนสำคัญอย่าง “ดร.บวรศักดิ์” ออก
โรงแจงละเอียดถึงมุมลบข้อเสนอ “เลือกตั้งนายกฯ” แล้ว ถึงถูกชงผ่านเข้าสู่ฟลอร์
36 อรหันต์ กมธ.ยกร่าง แต่สุดท้ายก็คงโดนติดเบรก
เมื่อ “จุดรับสัญญาณแป๊ะ” ชัดเจน จ่อกด “ไฟแดง”
แล้วที่น่าสนใจ ที่ต้องติดตามกับ 2 ปมร้อนในช็อตต่อไป ทั้งข้อเสนอสร้าง
ความปรองดองด้วยการ “นิรโทษกรรม” และการทำ “ประชามติ” รธน.ฉบับใหม่
หลังมีการจุดพลุโยนหินถามทางกันแล้ว ถูกชะลอให้ไปว่ากันภายหลัง
แต่แว่วว่า “เครือข่ายแป๊ะ” ซาวเสียงกันวงใน ทั้งปมนิรโทษกรรม กับเหตุจำเป็น
ในการคลี่ปมคลายวิกฤติขัดแย้งบ้านเมือง
บนเงื่อนไข ผู้ที่ได้รับอานิสงส์จำกัดวงเฉพาะ “เหยื่อ” ในเกมช่วงชิงอำนาจการเมือง
ไม่มีรายการยั่วแรงต้าน “ล้างยกลอต-เคลียร์เหมาเข่ง”
รวมทั้งที่ดูเหมือน “สัญญาณแป๊ะ” จะอ่อนตัวลง จากที่เดิมบรรดาผู้กุมอำนาจเสียงเข้ม
จะไม่มีการทำประชามติให้ยุ่งยาก เพราะต้องเคลียร์ชาวบ้าน เปลืองงบฯ เสียเวลา
แต่เวลานี้เริ่มกลับมามองแนวทางนี้ เหตุหนึ่งเพราะไม่ต้องการสวนกระแส
เสียงชาวบ้านเริ่มขานรับปม “ทำประชามติ” มากขึ้น
ที่สำคัญ อีกทางหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ไฟเขียวจากชาวบ้าน ประชาชนโหวตสนับสนุน
ก็จะเหมือนติด “เกราะ” ชั้นดี เช่นรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา
เล็งใช้ยันต์ “ประชามติ” ป้องกัน “รื้อ” ไว้เหมือนกัน.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath.co.th/content/469922