อจินไตย คือ เรื่องที่ผู้ศึกษาเรื่องการดับทุกข์ไม่ควรศึกษา หรือควรละเว้น เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่การศึกษาและปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ อีกทั้งยังจะทำให้เกิดความหลงผิดหรือเข้าใจผิดต่อหลักคำสอนเรื่องการดับทุกข์อีกด้วย ซึ่งเรื่องที่ไม่ควรศึกษาก็มี ๔ อย่างคือ
๑.พุทธวิสัย เรื่องที่เกี่ยวกับพระอริยะทั้งหลาย (พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ ซึ่งก็คือพระอริยะบุคคลทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น)
๒.ฌานวิสัย เรื่องที่เกี่ยวกับสมาธิสูงๆ
๓.กรรมวิบาก เรื่องกรรมและผลจากกรรม
๔.โลกจินตา เรื่องโลก หรือเรื่องของชาวโลกที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการดับทุกข์
บางคนก็ติดตำราแล้วก็แปลคำว่าอจินไตยว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรคิด ซึ่งก็หมายถึงว่า ให้ศึกษาได้แต่ไม่ควรนำมาคิดหาเหตุผล (เพราะมันเป็นแค่ความเชื่อที่ไม่มีความจริงมารองรับ) ซึ่งการแปลอย่างนี้ผิด เพราะถ้าให้ศึกษาก็จะทำให้เกิดความยึดมั่นในเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา เมื่อยึดมั่นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ก็จะยึดถือปฏิบัติตามความยึดมั่นนั้นไปจนตาย โดยไม่ละวาง ซึ่งถ้าเรื่องที่ศึกษานั้นมันผิดเพี้ยนมาก่อน แล้วเรายึดมั่นว่าถูก เราก็จะปฏิบัติผิดตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งมันก็ขัดแย้งกับหลักกาลามสูตร (หลักความเชื่อของพระพุทธเจ้า) อีกด้วย
เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อสั่มสมบารมีและเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ รวมทั้งเรื่องเวรกรรมชนิดข้ามภพข้ามชาตินั้น ล้วนเป็นเรื่องที่แสดงถึงความเป็นอัตตาของจิตทั้งสิ้น ถ้าจะเข้าใจเรื่องจิตเป็นอนัตตาแล้วจะไม่เกิดความเชื่อเช่นนี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งหัวใจของอริยสัจ ๔ คือปัญญาที่เห็นแจ้งว่าจิตเป็นอนัตตา
แต่เมื่อเราเข้าใจว่าจิตเป็นอัตตาจากการที่ยึดถือมาผิดๆ (เพราะเชื่อตามหลักอจินไตยที่แปลมาผิดๆ) ก็จะทำให้ไม่เกิดปัญญา เมื่อไม่มีปัญญาก็จะไม่สามารถปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ตามหลักอริยสัจ ๔ ได้ แต่จะเกิดความเชื่อที่เชื่อว่าเป็นปัญญาขึ้นมาแทน แล้วก็ปฏิบัติไปตามความเชื่อนั้น ซึ่งก็จะทำให้ไม่ได้รับประโยชน์จากหลักอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงเลย (คือกลายเป็นการปฏิบัติเพื่อสั่งสมบุญบารมีเอาไว้ไปดับทุกข์เอาในชาติต่อๆไปหรืออีกหมื่นชาติแสนชาติอย่างที่เชื่อกันอยู่)
ดังนั้นเราควรเข้าให้ถูกต้องว่า เรื่องอจินไตยคือเรื่องที่ไม่ควรนำมาศึกษา หรือควรละเว้น ไม่ใช่ไม่ควรคิด ซึ่งเราจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าเราไม่ปฏิบัติตาม เราก็จะเกิดความหลงผิดหรือเข้าใจผิดอย่างที่กำลังเป็นกันอยู่ อีกอย่างเราก็อย่าลืมนำหลักกาลามสูตรมาใช้ควบคู่กับหลักอจินไตยด้วย ถ้าไม่นำมาใช้ก็ทำให้เกิดความเชื่อที่งมงายแล้วก็ตีความเรื่องอจินไตยผิดไปอย่างที่กำลังเป็นกันอยู่
อจินไตย คือเรื่องที่ไม่ควรศึกษา หรือควรละเว้น ไม่ใช่ไม่ควรคิด
๑.พุทธวิสัย เรื่องที่เกี่ยวกับพระอริยะทั้งหลาย (พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ ซึ่งก็คือพระอริยะบุคคลทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น)
๒.ฌานวิสัย เรื่องที่เกี่ยวกับสมาธิสูงๆ
๓.กรรมวิบาก เรื่องกรรมและผลจากกรรม
๔.โลกจินตา เรื่องโลก หรือเรื่องของชาวโลกที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการดับทุกข์
บางคนก็ติดตำราแล้วก็แปลคำว่าอจินไตยว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรคิด ซึ่งก็หมายถึงว่า ให้ศึกษาได้แต่ไม่ควรนำมาคิดหาเหตุผล (เพราะมันเป็นแค่ความเชื่อที่ไม่มีความจริงมารองรับ) ซึ่งการแปลอย่างนี้ผิด เพราะถ้าให้ศึกษาก็จะทำให้เกิดความยึดมั่นในเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา เมื่อยึดมั่นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ก็จะยึดถือปฏิบัติตามความยึดมั่นนั้นไปจนตาย โดยไม่ละวาง ซึ่งถ้าเรื่องที่ศึกษานั้นมันผิดเพี้ยนมาก่อน แล้วเรายึดมั่นว่าถูก เราก็จะปฏิบัติผิดตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งมันก็ขัดแย้งกับหลักกาลามสูตร (หลักความเชื่อของพระพุทธเจ้า) อีกด้วย
เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อสั่มสมบารมีและเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ รวมทั้งเรื่องเวรกรรมชนิดข้ามภพข้ามชาตินั้น ล้วนเป็นเรื่องที่แสดงถึงความเป็นอัตตาของจิตทั้งสิ้น ถ้าจะเข้าใจเรื่องจิตเป็นอนัตตาแล้วจะไม่เกิดความเชื่อเช่นนี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งหัวใจของอริยสัจ ๔ คือปัญญาที่เห็นแจ้งว่าจิตเป็นอนัตตา
แต่เมื่อเราเข้าใจว่าจิตเป็นอัตตาจากการที่ยึดถือมาผิดๆ (เพราะเชื่อตามหลักอจินไตยที่แปลมาผิดๆ) ก็จะทำให้ไม่เกิดปัญญา เมื่อไม่มีปัญญาก็จะไม่สามารถปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ตามหลักอริยสัจ ๔ ได้ แต่จะเกิดความเชื่อที่เชื่อว่าเป็นปัญญาขึ้นมาแทน แล้วก็ปฏิบัติไปตามความเชื่อนั้น ซึ่งก็จะทำให้ไม่ได้รับประโยชน์จากหลักอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงเลย (คือกลายเป็นการปฏิบัติเพื่อสั่งสมบุญบารมีเอาไว้ไปดับทุกข์เอาในชาติต่อๆไปหรืออีกหมื่นชาติแสนชาติอย่างที่เชื่อกันอยู่)
ดังนั้นเราควรเข้าให้ถูกต้องว่า เรื่องอจินไตยคือเรื่องที่ไม่ควรนำมาศึกษา หรือควรละเว้น ไม่ใช่ไม่ควรคิด ซึ่งเราจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าเราไม่ปฏิบัติตาม เราก็จะเกิดความหลงผิดหรือเข้าใจผิดอย่างที่กำลังเป็นกันอยู่ อีกอย่างเราก็อย่าลืมนำหลักกาลามสูตรมาใช้ควบคู่กับหลักอจินไตยด้วย ถ้าไม่นำมาใช้ก็ทำให้เกิดความเชื่อที่งมงายแล้วก็ตีความเรื่องอจินไตยผิดไปอย่างที่กำลังเป็นกันอยู่