หุ้นตกอย่างนี้หลายท่านคงตกใจ คนที่ถือหน่วยกองทุนหลายท่านอาจวิตก แต่ผมอยากนำข้อคิดส่วนตัวมาฝากหลายๆคน เผื่อจะสบายใจขึ้น ชีวิตผมเอง
อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ชีวิตผ่านการลงทุนมาบ้าง ทั้งทำธุรกิจเองและผ่านการถือหุ้น ผมมีหลักคิดยกตัวอย่างสำหรับคนที่ลงทุนในกองทุน 10 ล้านบาท
1. เอาเงินนี้ซื้อหน่วยลงทุน ได้ผลตอบแทนประมาณ 10 % ต่อปี ณ.ตอนนี้มูลค่าหน่วยลงทุนตกไปประมาณ 30% หลายคนว่าเฉือนเนื้อตัวเองมากินปันผล
2. เงินก้อนเดียวกันลงทุนเปิดร้านขายอาหาร เช่าที่เดือนละสามหมื่น(พวกพลาซ่าเกรดพอประมาณ ชานเมือง) ค่าตกแต่งร้าน ชามที่สกรีนลายชื่อร้านตัว
เอง หลงจ้งหมดไป 10 ล้านเหมือนกัน ได้ผลตอบแทนกำไรทั้งปีประมาณ 15% กว่าจะได้ขนาดนี้ ขอประทานโทษ เหนื่อยโคตรๆ แต่ละวันต้องลุ้น
จุดคุ้มทุน ลูกน้องลาออกบ่อย ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี บ่อนั้ง จะลุ้นแต่ละวันให้คนเข้าต้องออกไปเรียกลูกค้าเชียร์แล้ว เชียร์อีก ลูกน้องบริการไม่ดี โดนเอามา
ลงพันทิป กว่าจะสมัครล๊อกอินมาแก้ตัว ก็เสียลูกค้าไปเยอะ เจอรีวิวด่า ตอบไม่ดี ไม่ตรงกระแส ยิ่งหนักกว่าเดิม ไม่มีใครสนใจว่าเราลงทุนไปกี่สิบล้าน
ที่สำคัญ: มูลค่าเงินลงทุน 10 ล้าน ณ.ตอนนี้ เหลืออย่างมากไม่เกิน 3 ล้าน(นี่ผมตีให้สูงแล้วนะ) เครื่องครัวตอนซื้อเป็นของมีค่า ตอนขายเป็นเศษ
เหล็ก สี ป้ายชื่อร้าน จาน ชาม นี่คือเศษขยะที่ต้องขายเหมา ไม่มีใครสนใจซื้อป้ายชื่อร้านที่เจ๊งแล้ว ค่ามัดจำเช่าที่ ไม่ต้องหวังว่าจะได้คืน
สรุปแล้ว หากเราไม่ได้มีใจรักที่จะทำงานจริงๆแล้ว ผมว่าทางเลือกหนึ่งยังเป็นหนทางที่ดีกว่า สำหรับคนทำงานกินเงินเดือน ผมไม่อยากให้เสียใจ
หรือวิตกจนเกินไป หากคุณได้พิจารณาข้อที่สองแล้ว จะพบว่าคุณเลือกทางที่หนึ่งยังมีความสุขกว่ามาก เพราะงานประจำก็ยังทำได้อยู่ หรือแม้จะขายหน่วย
ลงทุนจริงๆ ก็ยังมีสภาพคล่องกว่าการไปลงทุนทำธุรกิจเองมาก ขายยังไงก็ไม่ขาดทุนเท่าขายเศษเหล็กที่เคยเป็นร้านเราเอง
หวังว่าข้อคิดส่วนตัวของผมจะช่วยให้หลายคนพอจะรู้สึกดีๆกับชีวิตได้บ้างนะครับ
แนวคิดของผม นำมาฝากคนถือหน่วยกองทุนครับ
อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ชีวิตผ่านการลงทุนมาบ้าง ทั้งทำธุรกิจเองและผ่านการถือหุ้น ผมมีหลักคิดยกตัวอย่างสำหรับคนที่ลงทุนในกองทุน 10 ล้านบาท
1. เอาเงินนี้ซื้อหน่วยลงทุน ได้ผลตอบแทนประมาณ 10 % ต่อปี ณ.ตอนนี้มูลค่าหน่วยลงทุนตกไปประมาณ 30% หลายคนว่าเฉือนเนื้อตัวเองมากินปันผล
2. เงินก้อนเดียวกันลงทุนเปิดร้านขายอาหาร เช่าที่เดือนละสามหมื่น(พวกพลาซ่าเกรดพอประมาณ ชานเมือง) ค่าตกแต่งร้าน ชามที่สกรีนลายชื่อร้านตัว
เอง หลงจ้งหมดไป 10 ล้านเหมือนกัน ได้ผลตอบแทนกำไรทั้งปีประมาณ 15% กว่าจะได้ขนาดนี้ ขอประทานโทษ เหนื่อยโคตรๆ แต่ละวันต้องลุ้น
จุดคุ้มทุน ลูกน้องลาออกบ่อย ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี บ่อนั้ง จะลุ้นแต่ละวันให้คนเข้าต้องออกไปเรียกลูกค้าเชียร์แล้ว เชียร์อีก ลูกน้องบริการไม่ดี โดนเอามา
ลงพันทิป กว่าจะสมัครล๊อกอินมาแก้ตัว ก็เสียลูกค้าไปเยอะ เจอรีวิวด่า ตอบไม่ดี ไม่ตรงกระแส ยิ่งหนักกว่าเดิม ไม่มีใครสนใจว่าเราลงทุนไปกี่สิบล้าน
ที่สำคัญ: มูลค่าเงินลงทุน 10 ล้าน ณ.ตอนนี้ เหลืออย่างมากไม่เกิน 3 ล้าน(นี่ผมตีให้สูงแล้วนะ) เครื่องครัวตอนซื้อเป็นของมีค่า ตอนขายเป็นเศษ
เหล็ก สี ป้ายชื่อร้าน จาน ชาม นี่คือเศษขยะที่ต้องขายเหมา ไม่มีใครสนใจซื้อป้ายชื่อร้านที่เจ๊งแล้ว ค่ามัดจำเช่าที่ ไม่ต้องหวังว่าจะได้คืน
สรุปแล้ว หากเราไม่ได้มีใจรักที่จะทำงานจริงๆแล้ว ผมว่าทางเลือกหนึ่งยังเป็นหนทางที่ดีกว่า สำหรับคนทำงานกินเงินเดือน ผมไม่อยากให้เสียใจ
หรือวิตกจนเกินไป หากคุณได้พิจารณาข้อที่สองแล้ว จะพบว่าคุณเลือกทางที่หนึ่งยังมีความสุขกว่ามาก เพราะงานประจำก็ยังทำได้อยู่ หรือแม้จะขายหน่วย
ลงทุนจริงๆ ก็ยังมีสภาพคล่องกว่าการไปลงทุนทำธุรกิจเองมาก ขายยังไงก็ไม่ขาดทุนเท่าขายเศษเหล็กที่เคยเป็นร้านเราเอง
หวังว่าข้อคิดส่วนตัวของผมจะช่วยให้หลายคนพอจะรู้สึกดีๆกับชีวิตได้บ้างนะครับ