เพราะมีธาตุทั้งหลาย(นานัตต) เป็นเหตุจึงเกิด ผัสสะ
ผัสสะ จึงเกิด เวทนา (มโนปวิจาร18)
เวทนา จึงเกิด สัญญา (การจดจำ จำได้)
สัญญา จึงเกิด วิตก (ดำริ ทางกุศล หรืออกุศล)
วิตก จึงเกิด ฉันทะ (ความพอใจ) ซึ่งก่อให้เกิด อนุสสัยในสัญญาเครื่องเนินช้า
ฉันทะ จึงเกิด ปริฬาหะ (อารมชอบ . ไม่ชอย)
ปริฬาหะ จึงเกิด ปริเยสน
ปริเยสน จึงเกิด การเเสวงหา(ลาภะ)
_____________ส่วนนี้อยู่ในกลุ่ม ตัณหา
เพราะมีตัณหา จึงเกิด การเเสวงหา (ลาภะ)
เกิดการได้
ปลงใจรัก
รักใคร่พอใจ
พะว้าพะวง
----------ส่วนนี้อยู่ในกลุ่มอุปทาน
เกิดความตระหนี่
และก็มีเรื่องอันเกิดจากความตระนี่นั้น การกล่าวคำหยาบ การใช้ของมีคม
นี้คือสายปฏิจสมุปบาท ในส่วนที่นำมาพิจรานาในชีวิตประจำวัน ใครที่รู้สายนี้ สามารถเเทงตลอดด้วยดี คือผู้ฉลาดในเรื่องกรรม เเก้กรรมได้ในปัจจุบัน
หลักๆคือ การเข้าไปควบคุม จัดเเต่งให้ เรื่องที่ไม่พอใจ ซึ่งทำให้เกิด ความรู้สึก ท้อ ไม่สู้ ก็แก้ให้หายไปได้
เริ่มแก้ที่ปลายๆเหตุ ค่อยๆเเก้ ตรงที่เราอยากจะเเก้ ปัญหาในชีวิตประจำวัน เเล้วถึงไปเเก้ตรง วิตก เเละพวงกับสัญญา
จะเห็นผลชัดเจน ความรู้สึกว่าเรื่องนี้เราเคยเป็นทุกข์ จะเกิดขึ้นถ้า เข้าใจวาระจิต อย่างถูกต้อง.เหมือนกับ เห็นหมาจรจัดตายข้างถนน เราก็ไม่ทุกข์ร้อน
เเบบหมาที่ตนเลี้ยงตาย ความรู้สึกว่า ขาดลง ดับลง ในเรื่องที่เราไม่ต้องการ เป็นความสงบ ในเรื่องนั้น จะเเจ่มเเจ้งกับคนที่เห็นถึงธรรมนี้ จะเเก้ได้ตรงจุดจริงๆ
พิจรนาปฏิจสมุปบาท น้อยคนที่จะนำไปพิจรานาได้
ผัสสะ จึงเกิด เวทนา (มโนปวิจาร18)
เวทนา จึงเกิด สัญญา (การจดจำ จำได้)
สัญญา จึงเกิด วิตก (ดำริ ทางกุศล หรืออกุศล)
วิตก จึงเกิด ฉันทะ (ความพอใจ) ซึ่งก่อให้เกิด อนุสสัยในสัญญาเครื่องเนินช้า
ฉันทะ จึงเกิด ปริฬาหะ (อารมชอบ . ไม่ชอย)
ปริฬาหะ จึงเกิด ปริเยสน
ปริเยสน จึงเกิด การเเสวงหา(ลาภะ)
_____________ส่วนนี้อยู่ในกลุ่ม ตัณหา
เพราะมีตัณหา จึงเกิด การเเสวงหา (ลาภะ)
เกิดการได้
ปลงใจรัก
รักใคร่พอใจ
พะว้าพะวง
----------ส่วนนี้อยู่ในกลุ่มอุปทาน
เกิดความตระหนี่
และก็มีเรื่องอันเกิดจากความตระนี่นั้น การกล่าวคำหยาบ การใช้ของมีคม
นี้คือสายปฏิจสมุปบาท ในส่วนที่นำมาพิจรานาในชีวิตประจำวัน ใครที่รู้สายนี้ สามารถเเทงตลอดด้วยดี คือผู้ฉลาดในเรื่องกรรม เเก้กรรมได้ในปัจจุบัน
หลักๆคือ การเข้าไปควบคุม จัดเเต่งให้ เรื่องที่ไม่พอใจ ซึ่งทำให้เกิด ความรู้สึก ท้อ ไม่สู้ ก็แก้ให้หายไปได้
เริ่มแก้ที่ปลายๆเหตุ ค่อยๆเเก้ ตรงที่เราอยากจะเเก้ ปัญหาในชีวิตประจำวัน เเล้วถึงไปเเก้ตรง วิตก เเละพวงกับสัญญา
จะเห็นผลชัดเจน ความรู้สึกว่าเรื่องนี้เราเคยเป็นทุกข์ จะเกิดขึ้นถ้า เข้าใจวาระจิต อย่างถูกต้อง.เหมือนกับ เห็นหมาจรจัดตายข้างถนน เราก็ไม่ทุกข์ร้อน
เเบบหมาที่ตนเลี้ยงตาย ความรู้สึกว่า ขาดลง ดับลง ในเรื่องที่เราไม่ต้องการ เป็นความสงบ ในเรื่องนั้น จะเเจ่มเเจ้งกับคนที่เห็นถึงธรรมนี้ จะเเก้ได้ตรงจุดจริงๆ