เรื่องสั้น แนวสะท้อนสังคม เพื่อนต่างตำบล

กระทู้คำถาม
เพื่อนต่างตำบล


                  ณ บึงใหญ่ในตำบลหนองน้ำใส ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งราวสามสิบคน
กำลังพากันทอดแหหาปลาในหนองน้ำ ที่ตอนนี้ระดับปริมาณน้าแห้งขอด
น้ำสูงท่วมเอวคนที่กำลังลงทอดแหในหนองน้ำนี้
             
“เอาเว้ยพวกเรานานๆ น้ำในบึงใหญ่จะแห้งขอด
นี่ถ้าไม่ได้ความอนุเคราะห์จากท่านกำนันอนุญาตให้จับปลาฟรี
โดยไม่ต้องเสียค่าลงแห เราก็คงไม่ได้มาจับปลาที่นี่เป็นแน่ ปลาก็เยอะเสียจริงเลยเว้ย
สงสัยคงเพราะพวกเราช่วยกันอนุรักษ์ หาปลาตามวิธีธรรมชาติไม่เอาไฟฟ้าช๊อตให้ลูกปลาสูญพันธุ์
ปีนี้ล่ะฉันจะเอาเงินขายปลาไปดาวน์รถไถนาเดินตามสมใจอยาก”

สุทินร้องพูดคุยกับเพื่อนฝูงอีกฟากด้วยความดีใจ

             “ เออ ไอ้ทินเอ็งมันคนหาปลาเก่ง ยังไงปีนี้อย่าเหมาคนเดียวล่ะ ให้พวกข้าได้กินด้วยเว้ย ”

ชาวบ้านหนองน้ำใสคนหนึ่งตะโกนคุยกับสุทิน ปกติคนในตำบลนี้ค่อนข้างหวงถิ่นมาก
โดยเฉพาะหากคนตำบลอื่นเข้ามาหากินที่บึงแห่งนี้ พวกเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับสุทิน
ที่เป็นเพียงเขยที่มาจากตำบลอื่น เขาจึงถูกแขวะจากคนหนองน้ำใส

               “ซวบ!!! “

เสียงแหของสุทินถูกทอดลงไปกลางบึงกว้าง เขาเลือกที่เหมาะเพื่อที่จะหา
ปลาได้ถนัดและหวังจะได้ปลาจำนวนมาก ลูกแหที่ทำด้วยโซ่เหล็กหนักอึ้งจมลงไปในน้ำ
สุทินรอสักพักแล้วค่อยๆ ดึงจอมแหเข้าหาตัว

               “โอโฮ มีปลาอะไรติดมาด้วยเนี่ย ตัวเบ้อเริ่มเลย นี่พวกเอ็งมาช่วยข้าดูหน่อย”

ปลาติดร่างแหของสุทินมาฝูงใหญ่ที่มีทั้งปลาช่อนตัวขนาดเขื่อง2ตัว ปลานิลยักษ์4ตัว
ปลาดุกอุยตัวเหลืองอีกเกือบสิบ ปลาตะเพียนตัวเล็กๆอีกคอกและอีกตัวที่สุทินยังไม่เคยเห็น
ตัวใหญ่เบ้อเริ่มกะน้ำหนักดูตัวนี้คงไม่น้อยกว่าห้ากิโลกรัม

                “นั่นมันปลาจาระเม็ดเว้ยไอ้ทิน เฮ้อแกนี่มันมือทองจริงๆทอดแหลงครั้งแรก
ก็ได้ปลาจาระเม็ดติดแหมาด้วยเลย พวกข้ายังได้แค่ปลาช่อนปลาดุก”เสียงชาวบ้านตะโกนบอกจากอีกฟาก

                “ไอ้ชิด ไปดูน้าเอ็งทางนั้นสิ มันทอดแหทีเดียวได้ปลาเต็มเลย”
ชาวบ้านที่หาปลา บอกชิดที่มือเปล่านั่งสมหมายและคนอื่นๆกำลังทอดแหบนคูบึง ส่วนหมายเพื่อนซี้เตรียม
แหผืนเล็กของตัวเอง หมายทอดแหหลายรอบแต่ได้เพียงปลาช่อนตัวเดียว
ชิดซึ่งเป็นเพื่อนซี้ต่างตำบลที่มาเที่ยวเล่นที่ตำบลของหมายและเมียของน้าสุทิน

                “เป็นไงบ้างวะไอ้หมาย แหปากเล็กของแกดูท่าทางจะไม่ได้เรื่อง”

ชิดพูดหยามหมายที่ตอนนี้เริ่มเหนื่อยกับการทอดแห

                “เออ ข้ามันคนฝีมือไม่ดีไม่เหมือนน้าทินเอ็ง นี่ว่าจะทอดอีกสักทีสองที
อุตสาห์มาตั้งแต่เช้ามืดแล้วได้ตัวเดียวเอง เอาวะแค่นี้ก็พอกินแล้วว่ะ”

หมายพูดกระแนะกระแหนชิดบ้าง

                “ซวบ!!!
เสียงแหของหมายถูกทอดลงในหนองน้ำ เขาดึงจอมแห
คราวนี้เขาได้ปลาจาระเม็ดตัวขนาดกลาง ประมาณน้ำหนักดูคิดว่าคงสักสองกิโลกรัม

                “เอ้า พอแล้ววันนี้ ข้าเหนื่อยแล้วว่ะไอ้ชิด ได้อีกตัวโชคดีแท้”
       หมายพูดคนเดียวโดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ชิดอยู่บริเวณเดียวกับสุทินน้าชาย
ชิดอยู่อีกฟากไกลออกไป เขารู้สึกกระหายน้ำเลยเดินไปหาย่ามที่พกขวดน้ำ

ที่ทำด้วยขวดน้ำอัดลมขนาดใหญ่สองขวด ในย่ามของตัวเอง
เขาเลือกขวดน้ำขึ้นขวดหนึ่งยกซดเอื้อกๆ  นั่งรอชิดกลับมาจากดูน้าสุทิน

“เอ้านี่เอ็งดู น้าสุทินแบ่งปลามาให้ข้าเอาไปขาย เขาให้ข้าในฐานะเป็นน้าหลาน
ข้าจะรีบเอาไปขายที่ตลาดวันนี้แหล่ะ เอ็งไปเป็นเพื่อนข้าทีสิ”

ชิดชูปลาจาระเม็ดตัวใหญ่เบ้อเริ่มให้หมายดู หวังจะอวดความโชคดีที่เกิดมาเป็นหลานสุทิน
ในมือถือขวดน้ำยกขึ้นดื่มด้วยความกระหาย

“เออ เอ็งมันโชคดี ข้ามันคนฝีมือน้อย วันนี้ได้แค่สองตัวเอง ไว้พรุ่งนี้มาใหม่ เอ็งจะมาอีกป่าววะ”

หลังจากนั้นสองเพื่อนซี้ต่างบึ่งรถเข้าตลาดเพื่อเอาปลาไปขาย

ชิดขายปลาจาระเม็ดที่น้าสุทินให้ ขายได้ตัวเดียวได้เงินโข
ส่วนหมายขายปลาจาระเม็ดเพียงตัวเดียวเช่นกัน
ส่วนปลาช่อนของหมายอีกตัวเขาแบ่งให้ชิดเป็นของฝากให้
แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

           แดดแรงกล้าไอร้อนจากถนนลูกรังพัดเข้ามา ในหมู่บ้านเกษตรกรชนบท
ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวปลายเดือนพฤษภาคม ครอบครัวชาวบ้านทุกหลัง
ต่างทำงานกันโดยไม่มีรายได้เป็นหลักประกันคุณภาพชีวิต หากยังไม่ถึงฤดูกาลขายผลผลิต

“โอ๊ย ทำไมมันร้อนอย่างนี้เนี่ย ฝนฟ้าก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะตกให้ตกกล้าได้สักที

ร้อนๆๆๆๆ ร้อนจริงๆ ตับจะแตกอยู่แล้ว แล้วไอ้ชิดมันหายหัวไปไหนของมันเนี่ย

ตื่นเช้ามาก็หายหัวไปเลยนะ นี่ก็จะค่ำแล้วไม่รู้จะไปไหน วันๆเที่ยวหาเพื่อนอะไรนักหนาของมัน!!!”

ลุงจั่นระบายความอึดอัดขณะนอนนุ่งผ้าขาวม้าตัวเดียวแผ่หราบนตะแคร่ใต้ต้นมะม่วงที่ลานบ้าน


“ประสาทเสียอะไรกันพ่อเอ็ง มันก็ร้อนอย่างนี้กันทุกปีแหล่ะ แก่ปูนนี้ละยังไม่ชินอีกเรอะ”

ป้าแจ่มคุยกับลุงจั่น ด้วยอารมณ์หงุดหงิดท่ามกลางความร้อนของไอแดด
ทันใดนั้นไอ้ชิดลูกชายวัยรุ่นของสองผัวเมียก็กลับถึงบ้าน จอดมอเตอร์ไซค์ข้างต้นมะม่วง
ในมือเห็นปลาช่อนตัวเขื่องอยู่ในมือ ปากของปลาถูกร้อยด้วยตอกไม้ไผ่ เขาชูสูงขึ้นอวดพ่อกับแม่

“เอาพ่อ แม่ ฉันไปหาปลากับเพื่อนมา ได้ปลาช่อนจากไอ้หมายมาตัวนึง

เอาไว้แกงใส่มะรุมกินกันแน่นเย็นนี้”

“โห ตัวใหญ่เลยนะลูก ไปหามาจากไหนละนั่นน่ะ
แถวบ้านเราก็ไม่มีหนองบึงที่ไหนให้มีปลาตัวขนาดนี้ไว้จับปลากินนี่นา
แกไปขโมยของใครมาหรือเปล่าวะไอ้ชิด!!”  

ป้าแจ่มสงสัยลูกชาย และตะลึงกับภาพปลาช่อนตัวขนาดใหญ่เท่าท่อนแขนตัวนั้น
ที่เห็นจากลูกชายของแก ปกติวันๆก็ไม่เห็นว่าชิดจะเป็นคนขยันขันแข็งช่วยพ่อแม่ทำมาหากินสักเท่าไหร่
เห็นแต่จับกลุ่มเที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูงในหมู่บ้านไปวันๆ
แต่เมื่อได้เห็นผลงานที่ลูกชายเอามาอวดในบ่ายวันนี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ป้าแจ่มงงใหญ่


“ฉันก็ไม่เห็นปลาตัวขนาดนี้มาก็นานแล้วนะ อย่าบอกนะว่าแกกับเพื่อน
ไปขโมยปลาในสระน้ำบ้านคนอื่นมาน่ะ ไอ้ลูกเฮงซวยวันๆนี่เอาแต่หาเรื่อง
ให้ปวดหัวมาให้ฉันนะเอ็ง ไปขโมยของใครมา รีบเอาไปคืนเจ้าของเขาเดี๋ยวนี้ ไอ้ลูกเวร”

ลุงจั่นยังไม่เชื่อถือลูกชายวัยรุ่นที่มักจะเป็นวัยของปัญหาสังคม
จึงเดาว่าชิดคงชวนเพื่อนไปขโมยปลาเลี้ยงในฟาร์มของเสี่ยศักดิ์ เจ้าของฟาร์มปลาแห่งเดียวปลาในตำบลนี้

“ป่าวนะ ฉันไม่ได้ขโมยปลาใครเขามา วันนี้ฉันไปหาเพื่อนตำบลหนองน้ำใสมา
ช่วงนี้ที่บึงใหญ่เขามีมหกรรมเปิดบึงหาปลา กำนันปล่อยให้ชาวบ้านลงหาปลาฟรี
ไม่ต้องเสียค่าลงแหสักบาท ไอ้หมายลูกตาพวนเพื่อนฉัน มันเอาแหที่บ้านมันไปลงกับเขาด้วย
มันออกมาชวนฉันตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ก่อนพ่อกับแม่จะตื่นแน่ะ”

ชิดเฉลยให้พ่อกับแม่ฟัง
ว่าจริงแล้วเขาเอาปลาที่ได้มาจากตำบลหนองน้ำใสที่มีหมู่บ้านของหมายเพื่อนของเขาเอง

“เหรอวะ แล้วทำไมแกไม่เอาแหที่บ้านเราไปลงเหมือนมันบ้าง”
ลุงจั่นพูดเสียดายที่แกรู้ข่าวช้าไป ป่านนี้ปลาในบึงคงถูกชาวบ้านคนอื่นจับหมดแล้ว  

“คนอื่นล่ะได้กันเยอะมั้ย ไอ้หมายมันแบ่งมาให้แกตัวเดียวเองเรอะ
ไอ้คนหนองน้ำใสนี่ขี้เหนียวกันจริง”

ลุงจั่นยังโลภแกไม่พอใจที่ชิดได้ปลามาจากสมหมายเพียงตัวเดียว


“นี่ตัวเดียวก็เหลือเฟือแล้วพ่อ ฉันจะเอาไปทำแกงมะรุมกินเย็นนี้
ไปลูกไปก่อไฟนึ่งข้าวรอแม่เลย”
ป้าแจ่มบ่นให้ลุงจั่นบ้าง

“ได้แม่”
แล้วชิดไฟก็ไปก่อไฟนึ่งข้าวเหนียวรอแม่ทำปลาให้เสร็จไปพลาง

ส่วนลุงจั่นเดินไปจัดการเอาแหเก่าของแกในบ้าน มาเย็บซ่อมรอยขาด
แกตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปลงแหเอาปลากับเขาบ้าง ทั้งที่รู้ว่าชาวบ้านเจ้าถิ่นแถวนั้น
ไม่พอใจบ้างที่มีคนต่างตำบลเข้าไปรุกล้ำเขตทำกิน

แต่ก็อยากได้ปลาก็อดมาได้ที่จะลองไปเสี่ยงโชคหาปลาดูบ้าง
เห็นแกบ่นมาหลายวันว่าฝนไม่ตกเลย ทั้งๆที่เข้าปลายเดือนพฤษภาแล้วนั่น

จะจับปลาในห้วยท้ายหมู่บ้านตัวเอง ก็ไม่ได้ปลาเหมือนทุกปี
ส่วนปีนี้ดูเหมือนฝนจะตกช้ากว่าเมื่อก่อนมาก
จึงเป็นโอกาสเหมาะที่แกจะได้ไปหาปลาที่ตำบลหนองน้ำใสนั้นเหมือนกับชิด


           ป้าแจ่มจัดแจงล้างปลา ใช้มีดตัดควักเอาเครื่องในออก
แล้วหั่นปลาที่ได้มาเป็นท่อนเป็นคำขนาดใหญ่ หกถึงเจ็ดท่อน
นานแล้วที่แกไม่ได้ทำแกงมะรุมแนวอีสานให้ลูกผัวกิน

วันนี้แหล่ะเป็นโอกาสที่แกจะได้อวดฝีมือแม่ครัวชั้นยอดของแก
ส่วนชิดตั้งใจไว้แล้วว่าจะแบ่งปลาอีกส่วนไว้ทำก้อยปลาที่เขาและลุงจั่นชอบไว้อีกอย่างหนึ่ง

          ชิ้นปลาช่อนกองใหญ่ถูกหั่นไว้แล้วพร้อมจัดวางในถาดสังกะสีใบกลาง

แบบที่มีลวดลายดอกไม้สีสันฉูดฉาดประดับประดา ชิดเดินไปเก็บมะรุมมาจากหลังบ้าน

เขาเลือกมาเฉพาะฝักอ่อนดึงกากเส้นใยส่วนที่กินไม่ได้ออกเรียบร้อยแล้วหั่นเป็นท่อนพอดีคำ

วางไว้ในถาดสังกะสีข้างกองเนื้อปลา แล้วเตรียมเครื่องแกงที่ต้องโขลกหอมแดง

รวมกับพริกชี้ฟ้าสดรวมกันเพื่อเตรียมไว้ในครก ส่วนป้าแจ่มคั่วข้าวคั่ว

หอมคลุ้งกลิ่นข้าวสารเกรียมกระทะควันโขมงคลุ้งทั่วห้องครัว

แล้วโขลกให้ละเอียดในครกอีกใบเช่นกัน สองแม่ลูกช่วยกันทำกับข้าวมื้อเย็นกันอย่างขะมักเขม้น

เครื่องปรุงถูกเตรียมไว้ในถาดพร้อม ทั้งเนื้อปลา มะรุมฝักอ่อน ต้นหอมแดงสด

ผักกระแยงหอม พริกแกงที่ชิดทำไว้ และข้าวคั่วที่แม่ตำค้างอยู่ในครก

ป้าแจ่มตั้งหม้ออะลูมิเนียมใบเก่าก้นหม้อดำเขม่าไฟ มีรอยบุบบู้บี้เล็กน้อย

บ่งบอกอายุการใช้งานมายาวนานตั้งแต่สมัยชิดยังเพิ่งเกิดโน่น ใส่น้ำเปล่าเกือบเต็มหม้อ


           เมื่อหม้อแกงที่มีน้ำเดือดได้ที่ ก็ได้เวลาใส่เครื่องปรุง

ป้าแจ่มเทเครื่องปรุงในถาดสังกะสีลงหม้อ เริ่มด้วยเนื้อปลาช่อนสด

เครื่องแกง มะรุม และข้าวคั่วป่น ตามด้วยผงชูรส

น้ำปลาและที่ขาดไม่ได้คือน้ำปลาร้าหอมที่แกหมักไว้ในไหดิน

ตุนไว้เป็นเสบียงเครื่องปรุงรสนัว เป็นเครื่องปรุงประจำครัวของคนท้องถิ่น

ส่วนผักกระแยงหอมและต้นหอมแดงสด ถูกใส่หลังจากเครื่องปรุงทุกอย่างสุกก่อน

แล้วค่อยใส่ลงไปในหม้อทีหลังสุดเพราะจะทำให้ผักหอมสดยังคงมีสีสันที่สวยงามหอมฟุ้งน่ากิน


          เสร็จสิ้นทุกขั้นตอนแล้วก็ได้แกงอีสานเต็มหม้อใหญ่ไว้กินได้ถึงสองมื้อ
สำหรับครอบครัวขนาดเล็กสามคน ส่วนก้อยปลาชิดเตรียมไว้พร้อม
เนื้อปลาที่สับละเอียดอยู่ในหม้อใบเล็กสภาพเดียวกับหม้อใบใหญ่เตรียมไว้แล้ว

ชิดใส่ปลาร้าตักสดจากไหลงไปพอประมาณ ตามด้วยพริกป่น ข้าวคั่วป่น ผงชูรส
หอมแดงสดหั่นฝอย บีบมะนาวแล้งน้ำตามฤดูกาลตามลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน

เป็นยำแบบหนึ่งที่เรียกว่าก้อยปลาหรือจะเรียกว่าลาบปลาก็ไม่ผิด
เขาทำด้วยความคล่องแคล่วใช้เวลาเพียงห้านาที ก้อยปลาสดก็เสร็จสรรพพร้อมหม่ำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่