การรักษา..หลังโดนแบคทีเรียกินเนื้อคนจากอาการสุกๆดิบๆ

** กระทู้ไม่ได้โจมตีการทานอาหารทะเล หรือผู้ประกอบการอาหารใดๆทั้งสิ้นนะคะ
*** กระทู้นี้เพียงอยากบอกสิ่งที่ครอบครัวได้เจอเองโดยตรงเพื่อเป็นอุธาหรณ์ย้ำเตือนให้ระวังการทานอาหารมากขึ้น
**** กระทู้นี้ บอกความคืบหน้าของคุณแม่ เพราะได้ขอเลือดจากทุกคนหลายๆครั้ง  ต้องขอขอบคุณที่ทุกคนเมตตาคะ
***** แม่ไม่ได้เป็นเบาหวานนะคะ เป็นโรคตับ กับเกล็ดเลือดต่ำคะ อ่านได้ที่กระทู้เก่าคะ

จากกระทู้เก่านะคะ http://pantip.com/topic/32593980
ที่คุณแม่ได้ไปทานหอยแครงเข้าไปแล้วเกิดการติดเชื้อเข้ากระแสเลือดคะ

ในที่สุดก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว(นอนโรงพยาบาลประมาน 2 เดือนกว่าๆเกือบ 3 เดือน)
แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเดินได้ แผลยังไม่หายดี
- กระทู้นี้อยากตั้งเพื่อบอกต่อว่า เป็นแบบนี้ก็สามารถหายได้  หากคุณพบแพทย์ได้รวดเร็ว เจอแพทย์ที่เก่ง และรักษาได้ถูกวิธีประหลาดใจ
- และอย่างน้อยการระมัดระวังการทานของคุณ ก็สามารถช่วยไม่ให้คุณต้องเจ็บตัว และเสียเวลา เสียเงินเสียทองมากมายร้องไห้

เริ่มเลยนะคะ เมื่อเข้าโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลได้รักษาตามอาการ โดยให้ยาฆ่าเชื้อ ตรวจอวัยวะต่างๆ(เพราะมีอวัยวะติดเชื้อและแสดงอาการผิดปรกติแล้วคือ หัวใจหยุดเต้น 1 ห้อง ,หัวใจโต, ความดันต่ำ, หายใจไม่ออก, ค่าไตสูง) พยายามให้เชื้อลดลง แต่แบคทีเรียยังคงกระจายเรื่อยๆ จึงตัดสินใจต้องตัดเนื้อที่ตาย (เป็นสีม่วงๆ) ออกทั้งหมด เพื่อหยุดการกระจายของแบคทีเรีย  ตอนแรกที่ตั้งกระทู้ เพื่ออธิบายอาการเป็นวิทยาทานและ อธิบายเรื่องต่างๆให้ผู้ที่มาบริจาคเลือดให้คุณแม่ทราบ แต่ตอนนี้เกือบจะหายแล้ว จึงอยากมาบอกแนวทางรักษาให้เผื่อบางคนอยากจะทราบคะ

PS. ภาพบางคนอาจรับไม่ได้เพราะค่อนข้างน่ากลัวนะคะ

**** ภาพตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2557 นะคะ **** (ปัจจุบันยังไม่ต่างจากรูปสุดท้ายเท่าไหร่คะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ภาพนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งคะ ภาพที่น่ากลัวมากๆก็เอาออกเพราะเกรงว่าจะกลัวและทานข้าวกันไม่ลงแน่ๆคะ

เริ่มตั้งแต่ภาพแรกที่เริ่มเป็นปวดๆแสบๆ ไล่มาจนเป็นตุ่มน้ำพองน่ากลัวมากๆ จากนั้นก็ผ่าเอาเนื้อส่วนต่างๆที่แบคทีเรียกินออกคะ
ก่อนผ่าตัดนั้น แม่มีเกล็ดเลือดเหลือเพียง 5000 เท่านั้นคะ (คนปรกติ 150,000 ขึ้นไปคะ) จึงต้องหาเลือด ต้องขอทางโซเชียลมีเดียต่างๆมากมาย จนสุดท้ายได้เลือดมาพอที่จะผ่าตัดได้คะ แต่ไม่มีพอหากเลือดเกิดไหลไม่หยุด และด้วยความโชคดีที่ได้คุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมาก ทำให้การผ่าตัดเลือดออกน้อยมาก จึงผ่านไปด้วยดี เลยไม่ต้องหาเลือดเพิ่มเติมอีก แต่ต้องทำการผ่าตัดซ้ำกันประมาณ 3 ครั้งเพื่อตกแต่งแผลคะ


เมื่อผ่าได้ซักพัก จึงต้องย้ายโรงพยาบาล เนื่องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่อีกโรงพยาบาลหนึ่ง (ขอไม่ลงชื่อก่อนเพราะเดี๋ยวจะหาว่าโฆษณานะคะ แต่ถ้ามีคนถามจะตอบแน่นอนคะ) เมื่อย้ายมาก็ได้ทำกระบวนการที่เรียกว่า Vacuwm (ในภาพคือสีเหลืองๆที่มีท่อดูดนะคะ)
เป็นกระบวนการหนึ่งที่ใช้เครื่องมือพันแผลแล้วนำท่อเสียบไว้เพื่อให้เครื่องดูด ดูดของเสีย เช่นเลือดที่ไหลออกมา และน้ำเหลือง  เพื่อให้แผลแห้งไวขึ้น ทำให้เนื้อพอง (เพราะผลจากการผ่าตัดทำให้เนื้อแหวางหายไปหมดเลยคะ) เพื่อเตรียมทำกระบวนการถัดไปคะ อยู่ในกระบวนการนี้ประมาณ 1 เดือนเลยคะ

หลังจากจบกระบวนการ Vacume ทำให้เนื้อพองขึ้นมา แผลมีความเรียบสวยงาม คลุมเอ็นทั้งหมดแล้ว {คุณหมอได้อธิบายว่า เปรียบเหมือนหน้าดิน ถ้าเราต้องการปลูกต้นไม้ เราต้องทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ เช่นเดียวกับเนื้อของเราคะเพื่อเข้าสู่กระบวนการถัดไป}  


กระบวนต่อมาคือการทำ Skin Graft
กระบวนการนี้ สงสารแม่มากเลยคะ ร้องไห้ เพราะก่อนหน้านี้ผ่าตัดเชื้อแบคทีเรียออกก็ 3 รอบแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ในห้องผ่าตัด แต่คราวนี้ต้องตัดหนังที่หน้าขาอ่อนด้านซ้าย มาแปะที่เท้าขวาแทน (เจ็บตัว 2 ทีเลยคะ)  **จากรูปคือภาพที่มีผ้าขาวๆคะส่วนแผลตรงหน้าขาไว้จะมาลงอีกทีนะคะ
และในขั้นตอนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องขอเลือดเพราะหาเลือดไม่ได้เลย  

ต้องขอบคุณพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ที่ช่วยแชร์ และบริจาคเลือดให้นะคะ พี่บางคนไม่เคยรู้จักกันยอมมาจากต่างจังหวัดเพื่อแม่ ซาบซึ้งใจมากจริงๆคะ


เมื่อนำมาแปะแล้ว ก็ต้องรอคอยกัน 1 อาทิตย์เต็มๆเพื่อมาลุ้นว่าเนื้อจะติดกันมั๊ย  พอคุณหมอแกะแผล  แผลสวยมากคะ แทบจะเป็นปรกติเหมือนเท้าไม่เป็นอะไรเลย มีแค่แผลตรงหน้าเท้ากับมันไม่เรียบคะ (แต่แผลก็ใหญ่อยู่ดีคะ)
แต่เนื่องจาก SKIN GRAFT ยังไม่ติดดี จากการล้างแผลครั้งล่าสุดวันที่ 4 ธันวาคม 2557 ขอบๆมีหลุดเล็กน้อย เนื่องจากเริ่มตกสะเก็ดแล้ว แต่แผลยังไม่แห้งดี จึงต้องล้างแผลถี่ขึ้นคะ
หวังว่ากระทู้จะเป็นอุธาหรณ์ ให้ทุกคนระวังเรื่องการทานอาหารมากขึ้น เพราะเป็นสิ่งใกล้ตัวที่ไม่น่าจะเกิดแต่มันเกิดขึ้นได้จริงๆจากประสพการณ์ตรง
ในตอนแรกก็ไม่รู้จักว่ามีแบบนี้เกิดขึ้นในโลก แต่พอแม่เป็นก็ได้เจอผู้ที่มีอาการคล้ายกันเยอะมากๆ บางคนต้องตัดอวัยวะไป บางคนก็เสียชีวิต

จึงทำให้เราทราบว่า เรื่องแบบนี้มันไม่ไกลตัวเลย ทุกคนมีโอกาสเป็นได้คะ

********----- ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้มาบริจาคเลือดให้คุณแม่ ขอบคุณคนที่แชร์ คนที่ให้เลือดทุกหยด ขอชีวิตท่านพบแต่ความสุข ความเจริญ ร่างกายแข็งแรงตลอดไปนะคะ -----********จุ๊บๆ

ขอขอบพระคุณทีมแพทย์และพยาบาลที่ช่วยดูแลคุณแม่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้คะ
********หากใครมีข้อสอบถาม หรือสงสัย ถามมาได้เลยนะคะ ยินดีมาก
Facebook : Jin hhz
Email: jinexpect@gmail.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่