คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
มันมองได้หลากหลายน่ะครับ ผมมองว่าองค์ความรู้ปัจจุบันนี้หาได้จากหลายช่องทาง ทั้งจากอาจารย์ จากหนังสือ จากบทความวิชาการ จากข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ถ้านิสิตจะไม่เข้ามาฟังผมสอนแต่หาความรู้ที่ระบุไว้ในแผนการสอนได้จากช่องทางอื่นผมก็ไม่ว่าอะไร สอบมาได้คะแนนยังไงก็ตามนั้น
อย่างไรก็ดีการที่มีคนมาช่วยเริ่มอธิบายองค์ความรู้ให้คุณนั้นเป็นวิธีที่เริ่มได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเมื่อผู้เรียนยังอยู่ในระดับเริ่มต้น คำถามที่อาจจะใช้เวลาหาเองและทำความเข้าใจเป็นวันเป็นสัปดาห์ ถ้าถามอ.อาจจะได้คำตอบคำอธิบายที่ทำให้เข้าใจได้เร็วกว่านั้นก็ได้ เป็นวิธีการเรียนรู้ที่"มีประสิทธิภาพ" นอกจากนั้นอ.ที่เก่งยังมีวิธีอธิบายยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายกว่าในหนังสือ หรืออาจอธิบายเชื่อมโยงให้เห็นภาพรวมในมุมกว้างของสาขาวิชานั้นด้วย หนังสือ textbook นั้นมักจะเน้นเรื่องในรายละเอียดเฉพาะของวิชานั้นจะขาดการอธิบายมุมกว้างตรงนี้
สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวคุณกับเพื่อนที่จะต้องชั่งน้ำหนักเอาเองว่าการเข้าเรียนนั้นให้คุณค่ากับคุณมากกว่าเวลาที่เสียไปหรือไม่ ถ้าเพื่อนในห้องเรียนอ่อนทำให้อ.ต้องสอนย้ำซ้ำซากทั้งๆ ที่คุณเข้าใจแล้ว หรืออ.สอนเหมือนหนังสืออ่านเอาก็ได้ แบบนี้ก็ไม่ได้มีคุณค่ามาก แต่ถ้าอ.ประมวลความรู้จากหนังสือหลายเล่มและจากประสบการณ์ทำงานหรือวิจัย ทำสไลด์ให้ตามง่าย วิเคราะห์และนำเสนอมุมมองที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากอินเทอร์เน็ต (คือไม่ได้ฟังเขามาเล่าต่อเท่านั้น) แบบนี้ก็มีคุณค่ากับคุณมาก
ถ้าอ.ออกปากเตือนคุณอย่างนั้นผมแนะนำว่าคุณควรลองฟังคำแนะนำสักหน่อย ผมคิดว่าอ.เห็นศักยภาพและความสามารถของคุณ แต่คงมองว่าการที่คุณไม่กระหายใคร่รู้ ไม่กอบโกยเอาความรู้จากทุกแหล่งทุกด้าน ทำให้คุณไม่สามารถพัฒนาศักยภาพที่มีได้เท่าที่ควร คืออ.เสียดายน่ะ ถ้าคุณจะเรียนเพื่อสอบผ่านเท่านั้น
อย่างไรก็ดีการที่มีคนมาช่วยเริ่มอธิบายองค์ความรู้ให้คุณนั้นเป็นวิธีที่เริ่มได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเมื่อผู้เรียนยังอยู่ในระดับเริ่มต้น คำถามที่อาจจะใช้เวลาหาเองและทำความเข้าใจเป็นวันเป็นสัปดาห์ ถ้าถามอ.อาจจะได้คำตอบคำอธิบายที่ทำให้เข้าใจได้เร็วกว่านั้นก็ได้ เป็นวิธีการเรียนรู้ที่"มีประสิทธิภาพ" นอกจากนั้นอ.ที่เก่งยังมีวิธีอธิบายยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายกว่าในหนังสือ หรืออาจอธิบายเชื่อมโยงให้เห็นภาพรวมในมุมกว้างของสาขาวิชานั้นด้วย หนังสือ textbook นั้นมักจะเน้นเรื่องในรายละเอียดเฉพาะของวิชานั้นจะขาดการอธิบายมุมกว้างตรงนี้
สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวคุณกับเพื่อนที่จะต้องชั่งน้ำหนักเอาเองว่าการเข้าเรียนนั้นให้คุณค่ากับคุณมากกว่าเวลาที่เสียไปหรือไม่ ถ้าเพื่อนในห้องเรียนอ่อนทำให้อ.ต้องสอนย้ำซ้ำซากทั้งๆ ที่คุณเข้าใจแล้ว หรืออ.สอนเหมือนหนังสืออ่านเอาก็ได้ แบบนี้ก็ไม่ได้มีคุณค่ามาก แต่ถ้าอ.ประมวลความรู้จากหนังสือหลายเล่มและจากประสบการณ์ทำงานหรือวิจัย ทำสไลด์ให้ตามง่าย วิเคราะห์และนำเสนอมุมมองที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากอินเทอร์เน็ต (คือไม่ได้ฟังเขามาเล่าต่อเท่านั้น) แบบนี้ก็มีคุณค่ากับคุณมาก
ถ้าอ.ออกปากเตือนคุณอย่างนั้นผมแนะนำว่าคุณควรลองฟังคำแนะนำสักหน่อย ผมคิดว่าอ.เห็นศักยภาพและความสามารถของคุณ แต่คงมองว่าการที่คุณไม่กระหายใคร่รู้ ไม่กอบโกยเอาความรู้จากทุกแหล่งทุกด้าน ทำให้คุณไม่สามารถพัฒนาศักยภาพที่มีได้เท่าที่ควร คืออ.เสียดายน่ะ ถ้าคุณจะเรียนเพื่อสอบผ่านเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
เช็คชื่อในชั้นเรียนจำเป็นมั๊ย
ผลสอบออกมาได้ที่ 2 หรือ 3 ของคณะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จขกท โดดร่มบ้างพอเป็นกระสัย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผลสอบออกมาได้ที่ 1 หรือ 2 ของ section[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ได้ที่ 3 ของคณะ
อีกวิชาอาจารย์ไม่เช็คชื่อ ทั้ง section จขกท และเพื่อนได้กันแค่ A 2 คน
ล่าสุดอาจารย์ชาวต่างชาติเพิ่งบอกว่า "เขียนได้ดีนะ แต่น่าจะเข้าเรียนหน่อย"
อาจารย์ไทยคนนึง "หนูมีศักยภาพนะ แต่อาจารย์อยากให้เข้าเรียน"
วิชานึงอาจารย์แจ้งตั้งแต่ต้นเทอมเลยว่า ไม่มีงาน ไม่เช็คชื่อ สอบ 100%
เมื่อผลสัมฤทธิ์ของความรู้ถูกวัดที่ข้อสอบ หรืองานที่ได้รับมอบหมาย
การเช็คชื่อในชั้นเรียนมันจำเป็นยังไงคะ