เห็นชมกันไปหลายกระทู้แล้วสำหรับคนเยอรมัน มี นี่ โน่น นั่น เยอะไปหมด
แทบจะเป็นเทพเจ้าในสายตาคนไทยบางคนไปแล้วรึเปล่า วันนี้ผมจะมาแชร์ด้านมืดของชนชาตินี้กัน
ขอย้ำนะครับว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ทุกคนสามารถเห็นต่างได้ แต่ผมจะขอนำเสนอด้านที่คุณ
อาจจะไม่คิดว่ามันมีอยู่หรือมองมุมนี้ก็ได้ด้วยนะ อะไรเทือกนี้กันครับ
ผมขออ้างอิงจากระทู้นี้ตอบตามหัวข้อเลย
http://pantip.com/topic/32869418
1. ตรงไปตรงมา
"คำว่า ?ได้? แปลว่า ?ได้?
และ คำว่า ?ไม่ได้? แปลว่า ?ไม่ได้?
ไม่เหมือนคนไทยที่เวลาพูดว่า ?ได้? อาจจะเปลี่ยนเป็น ?ไม่ได้? ในภายหลังก็ได้ เพราะตอนแรกที่พูดว่า ?ได้? นั้นพูดไปเพราะ
เกรงใจ"
**********************************************************************************************
ข้อความนี้ผมคิดว่าคนคนที่พูดอาจจะเจอคนไทยที่ยังทำงานไม่แข็งหรือไม่เป๊ะมากกว่า
เพราะถ้าเจอคนแม่นๆ เขาจะตอบเลยว่าไม่ได้(มากกว่าได้) เพราะอะไร โดยนิสัยหรือพฤติกรรมมนุษย์แล้ว
มักจะปฏิเสธไว้ก่อนถ้าหากสิ่งนั้นไม่ใช่งานของตัวเองเพื่อป้องกันความผิดพลาดของตัวเองหรือ self defend
ส่วนของคนเยอรมันที่ผมเจอคือ เขาจะบอกว่าไม่ได้ ไม่เอา ไม่เกี่ยว(ทั้งที่มันเกี่ยว)ตลกไหมล่ะครับ... หรือแม้
มันจะมีส่วนน้อยนิดสัก 20%ที่มันคาบเกี่ยวหรือมีช่องให้เขาตอบได้ว่าไม่ใช่งานเขา แต่เขาก็พยายามจะดึงส่วนนั้นมาเป็นส่วนใหญ่
ของเรื่องทั้งหมดจนเขาไม่ต้องทำมันอยู่ดี..
ส่วนเรื่องเกรงใจ ฝรั่งฝังหัวกับคำนี้มาก เพราะมักคิดว่าคนไทยใช้คำว่าเกรงใจในการแก้ตัว
หรือข้ออ้างไม่ทำอะไรบางอย่างที่มีผลเสียต่อเพื่อนร่วมงานหรือใครก็ตามที่ต้องสัมพันธ์ด้วย
แต่มันก็มีที่มาเพราะคนไทยนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเปลี่ยนความคิดเขาเราต้องเริ่มจากตัวเอง
ครับ อย่าใช้คำว่าเกรงใจหากมันไม่ใช่เหตุให้ต้องใช้ อย่าใช้มันเพื่อเป็นข้ออ้าง เขาจะว่าเราได้
2. ต้องการคำอธิบายอย่างมีเหตุผล
คนเยอรมันทำอะไรต้องตรวจสอบได้ มีเอกสารหลักฐาน ไม่ใช้อารมณ์ เส้นสาย หรือ ไม่เอาพวกมากลากไป เพื่อบอกว่าสิ่งนั้น
ถูกหรือผิด
**********************************************************************************************
อยากจะบอกว่าข้อนี้ผิดแต่จะว่าไปก็ไม่ได้ผิดทั้งหมดมันก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง
คือ คนเยอรมันมักชอบทำอะไรที่มีเอกสารเป็นเรื่องจริง แต่จริงเฉพาะเอกสารที่มีคุณประโยชน์ต่อเขาเท่านั้น
ถ้าเอกสารไหนมี(ถึงแม้จะถูกต้องตามระบบ)แต่มันสามารถใช้มัดตัวเขาได้หากมีข้อผิดพลาดเกินขึ้นหรือสิ่งนั้น
สุ่มเสี่ยงที่จะผิดอยู่แล้วเขาจะเลี่ยงทำมันโดยทันทีทั้งที่เป็นความรับผิดชอบของเขา
(แล้วบอกว่า ทุกคนรับรู้แล้วไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเอกสาร...แต่หลังจากมีข้อผิดพลาดมา ก็กลับบอกว่า
ไหนล่ะเอกสาร ตอนนั้นฉันไม่ได้รับรู้นี่ ตามflow แล้วฉันต้องได้เซ็นต์นะ แต่นี่ไม่มีแสดงว่าแอบทำกันใช่ไหม...เจ๋งไหมล่ะคน
เยอรมัน)
ไม่ใช้อารมณ์นี่ผิดขั้นรุนแรงเลยทีเดียว เพราะเท่าที่เจอมา ร้อยคนก็เป็นร้อยคนนั่นแหละ ด่าก่อน ถามทีหลัง
เหมือนประมาณทหารรบแนวหน้านั่นแหละ ยิงก่อนถามทีหลัง แต่ถ้ารู้ว่าตัวเองด่าผิด ด่าคนผิด ไม่มีขอโทษนะเออ....
ไม่ใช้เส้นสาย หรือพวกมากลากไป ข้อนี้ผมอยากจะขำกลิ้งลิงกะห_า ปังคุงแอนเจมส์เลยทีเดียว
ที่บริษัทไม่มีพนักงานฝรั่งคนไหนที่มาทำงานที่นี่โดยไม่รู้จัก กับเจ้านายที่เป็นเจ้าของบริษัทมาก่อนแม้แต่คนเดียว
แถมดึงมาจากบริษัทคู่แข่ง บริษัทพันธมิต คู่ค้าวันนี้วันหน้าอาจจะเป็นศัตรูกันได้ครับ เพราะไม่ได้ดึงคนกันมาอย่างเดียว
เอาอย่างอื่นมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Know how ข้อมูลลับบริษัทคู่แข่ง หรือแม้แต่ ลูกค้า..โอ้วว แม่เจ้า...
เรื่องงานมีเรื่องด้านมืดด้วยนะครับ คนไทยมีอะไร ฝรั่งเยอรมันมีหมด การเมือง เล่นแง่ ดึงเกมส์ ใต้โ_ะ ห้องประชุมคือ
war room โดยแท้(หมายถึง ห้องสงครามตรงตัวเลยครับไม่ต้องอ้อมค้อมแปลเป็นอย่างอื่น) ถ้าเขาหมั่นไส้คุณ
ก็เตรียมตัวไว้ได้เลย จองล้างจองผลาญไม่เลิกแน่นอน
3. เน้นทำตามแผน
คนเยอรมันใช้เวลาไปกับการวางแผนมาก แต่เมื่อได้แผนออกมาแล้ว จะทำตามแผนนั้นอย่างเป๊ะ ๆ หากใครในทีมทำนอกแผน
จะก่อให้เกิดความงุนงงว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น และโดยมากจะวางแผนกันมาก่อนอย่างยาวนาน ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่าคน
เยอรมันวางแผนท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าก่อนเป็นปี ๆ นอกจากนั้นก็ยังเป็นพวกไม่ชอบความไม่แน่นอน จึงมีการทำประกันความ
เสี่ยงไว้เกือบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องกันกุญแจหาย การวางแผนก็มีแผนสำรองหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้น
**********************************************************************************************
เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติไม่แปลกใหม่ คนไทยหรือฝรั่งชาติอื่นก็เป็น
การทำงานอย่างเป็นระบบเช่น ในบริษัทจะต้องมีแผนงาน, forcast หรืออะไรก็ตามที่สามารถนำมาอ้างอิงในการทำงานได้
ในวันหน้า เพราะไม่งั้นการกำหนดนโยบาย บริษัทหรือองค์กรจะทำไม่ได้เลยต่างหาก
ไม่ได้เกียวกับนิสัยส่วนตัวแต่อย่างใด เอาง่ายๆถ้าคุณจะซื้อวัตถุดิบมาผลิตอะไรสักอย่าง คุณก็ต้องวางแผนล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ
หรือเป็นปีๆ
เพราะกว่าคุณจะสั่ง ของ supplier จะผลิตของ ส่งมอบ อีก ทุกอย่างมี cycle time และ lead time. ของบางอย่างใช้เวลาการสั่ง
ผลิต จนถึงส่งมอบ 8 -10 เดือนเลยก็มี ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือแปลก เพราะใครก็ทำเป็นวิถีทางการทำงานหรือการใช้ชีวิต
ตามปกติได้
4. จริงจังกับเรื่องเวลา
คนเยอรมันตรงเวลามาก และหวงเวลามาก หากเป็นเวลางานจะไม่ยอมคุยนอกเรื่องเพราะว่าต้องการเวลาสำหรับการทำงานให้
แล้วเสร็จตามที่ตนเองต้องการให้เสร็จ เมื่อเสร็จจากการทำงานแล้วก็ถือว่าเป็นเวลาส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้ใครมารบกวน การ
ผูกมิตรกับคนเยอรมันจึงเป็นเรื่องยากและใช้เวลานาน (ต้องรอให้เขาชวนเราไปงานปาร์ตี้หรืองานวันเกิด ถึงจะค่อย ๆ เป็นเพื่อน
กันไป) จนมีคำเปรียบเปรยความเป็นเยอรมันว่า ?Cold people and cold weather? แปลว่า คนก็เย็นชา อากาศก็หนาวเย็น
**********************************************************************************************
ข้อนี้ผมเห็นด้วยแต่ไม่ได้หมายความว่าฝรั่งชาติอื่นจะไม่เห็นดีเห็นงามเรื่องเวลา เพราะชาติอื่นที่ผมเคยทำงานมาด้วย
เขาก็ค่อนข้าง strict หรือยึดมั่นเรื่องเวลามากพอๆกัน แม้แต่ญี่ปุ่นเองก็ตาม แต่กับฝรั่งจะเข้มหน่อยถ้าสาย 5 นาทีปิดห้องล็อคไม่
ให้เข้าประชุมด้วยครับ ถือว่าคุณขาด ที่ประชุมสรุปอย่างไรคุณห้ามเถียง..
คนเยอรมันสุดยอดโมเดลจริงหรือ
แทบจะเป็นเทพเจ้าในสายตาคนไทยบางคนไปแล้วรึเปล่า วันนี้ผมจะมาแชร์ด้านมืดของชนชาตินี้กัน
ขอย้ำนะครับว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ทุกคนสามารถเห็นต่างได้ แต่ผมจะขอนำเสนอด้านที่คุณ
อาจจะไม่คิดว่ามันมีอยู่หรือมองมุมนี้ก็ได้ด้วยนะ อะไรเทือกนี้กันครับ
ผมขออ้างอิงจากระทู้นี้ตอบตามหัวข้อเลย
http://pantip.com/topic/32869418
1. ตรงไปตรงมา
"คำว่า ?ได้? แปลว่า ?ได้?
และ คำว่า ?ไม่ได้? แปลว่า ?ไม่ได้?
ไม่เหมือนคนไทยที่เวลาพูดว่า ?ได้? อาจจะเปลี่ยนเป็น ?ไม่ได้? ในภายหลังก็ได้ เพราะตอนแรกที่พูดว่า ?ได้? นั้นพูดไปเพราะ
เกรงใจ"
**********************************************************************************************
ข้อความนี้ผมคิดว่าคนคนที่พูดอาจจะเจอคนไทยที่ยังทำงานไม่แข็งหรือไม่เป๊ะมากกว่า
เพราะถ้าเจอคนแม่นๆ เขาจะตอบเลยว่าไม่ได้(มากกว่าได้) เพราะอะไร โดยนิสัยหรือพฤติกรรมมนุษย์แล้ว
มักจะปฏิเสธไว้ก่อนถ้าหากสิ่งนั้นไม่ใช่งานของตัวเองเพื่อป้องกันความผิดพลาดของตัวเองหรือ self defend
ส่วนของคนเยอรมันที่ผมเจอคือ เขาจะบอกว่าไม่ได้ ไม่เอา ไม่เกี่ยว(ทั้งที่มันเกี่ยว)ตลกไหมล่ะครับ... หรือแม้
มันจะมีส่วนน้อยนิดสัก 20%ที่มันคาบเกี่ยวหรือมีช่องให้เขาตอบได้ว่าไม่ใช่งานเขา แต่เขาก็พยายามจะดึงส่วนนั้นมาเป็นส่วนใหญ่
ของเรื่องทั้งหมดจนเขาไม่ต้องทำมันอยู่ดี..
ส่วนเรื่องเกรงใจ ฝรั่งฝังหัวกับคำนี้มาก เพราะมักคิดว่าคนไทยใช้คำว่าเกรงใจในการแก้ตัว
หรือข้ออ้างไม่ทำอะไรบางอย่างที่มีผลเสียต่อเพื่อนร่วมงานหรือใครก็ตามที่ต้องสัมพันธ์ด้วย
แต่มันก็มีที่มาเพราะคนไทยนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเปลี่ยนความคิดเขาเราต้องเริ่มจากตัวเอง
ครับ อย่าใช้คำว่าเกรงใจหากมันไม่ใช่เหตุให้ต้องใช้ อย่าใช้มันเพื่อเป็นข้ออ้าง เขาจะว่าเราได้
2. ต้องการคำอธิบายอย่างมีเหตุผล
คนเยอรมันทำอะไรต้องตรวจสอบได้ มีเอกสารหลักฐาน ไม่ใช้อารมณ์ เส้นสาย หรือ ไม่เอาพวกมากลากไป เพื่อบอกว่าสิ่งนั้น
ถูกหรือผิด
**********************************************************************************************
อยากจะบอกว่าข้อนี้ผิดแต่จะว่าไปก็ไม่ได้ผิดทั้งหมดมันก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง
คือ คนเยอรมันมักชอบทำอะไรที่มีเอกสารเป็นเรื่องจริง แต่จริงเฉพาะเอกสารที่มีคุณประโยชน์ต่อเขาเท่านั้น
ถ้าเอกสารไหนมี(ถึงแม้จะถูกต้องตามระบบ)แต่มันสามารถใช้มัดตัวเขาได้หากมีข้อผิดพลาดเกินขึ้นหรือสิ่งนั้น
สุ่มเสี่ยงที่จะผิดอยู่แล้วเขาจะเลี่ยงทำมันโดยทันทีทั้งที่เป็นความรับผิดชอบของเขา
(แล้วบอกว่า ทุกคนรับรู้แล้วไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเอกสาร...แต่หลังจากมีข้อผิดพลาดมา ก็กลับบอกว่า
ไหนล่ะเอกสาร ตอนนั้นฉันไม่ได้รับรู้นี่ ตามflow แล้วฉันต้องได้เซ็นต์นะ แต่นี่ไม่มีแสดงว่าแอบทำกันใช่ไหม...เจ๋งไหมล่ะคน
เยอรมัน)
ไม่ใช้อารมณ์นี่ผิดขั้นรุนแรงเลยทีเดียว เพราะเท่าที่เจอมา ร้อยคนก็เป็นร้อยคนนั่นแหละ ด่าก่อน ถามทีหลัง
เหมือนประมาณทหารรบแนวหน้านั่นแหละ ยิงก่อนถามทีหลัง แต่ถ้ารู้ว่าตัวเองด่าผิด ด่าคนผิด ไม่มีขอโทษนะเออ....
ไม่ใช้เส้นสาย หรือพวกมากลากไป ข้อนี้ผมอยากจะขำกลิ้งลิงกะห_า ปังคุงแอนเจมส์เลยทีเดียว
ที่บริษัทไม่มีพนักงานฝรั่งคนไหนที่มาทำงานที่นี่โดยไม่รู้จัก กับเจ้านายที่เป็นเจ้าของบริษัทมาก่อนแม้แต่คนเดียว
แถมดึงมาจากบริษัทคู่แข่ง บริษัทพันธมิต คู่ค้าวันนี้วันหน้าอาจจะเป็นศัตรูกันได้ครับ เพราะไม่ได้ดึงคนกันมาอย่างเดียว
เอาอย่างอื่นมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Know how ข้อมูลลับบริษัทคู่แข่ง หรือแม้แต่ ลูกค้า..โอ้วว แม่เจ้า...
เรื่องงานมีเรื่องด้านมืดด้วยนะครับ คนไทยมีอะไร ฝรั่งเยอรมันมีหมด การเมือง เล่นแง่ ดึงเกมส์ ใต้โ_ะ ห้องประชุมคือ
war room โดยแท้(หมายถึง ห้องสงครามตรงตัวเลยครับไม่ต้องอ้อมค้อมแปลเป็นอย่างอื่น) ถ้าเขาหมั่นไส้คุณ
ก็เตรียมตัวไว้ได้เลย จองล้างจองผลาญไม่เลิกแน่นอน
3. เน้นทำตามแผน
คนเยอรมันใช้เวลาไปกับการวางแผนมาก แต่เมื่อได้แผนออกมาแล้ว จะทำตามแผนนั้นอย่างเป๊ะ ๆ หากใครในทีมทำนอกแผน
จะก่อให้เกิดความงุนงงว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น และโดยมากจะวางแผนกันมาก่อนอย่างยาวนาน ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่าคน
เยอรมันวางแผนท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าก่อนเป็นปี ๆ นอกจากนั้นก็ยังเป็นพวกไม่ชอบความไม่แน่นอน จึงมีการทำประกันความ
เสี่ยงไว้เกือบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องกันกุญแจหาย การวางแผนก็มีแผนสำรองหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้น
**********************************************************************************************
เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติไม่แปลกใหม่ คนไทยหรือฝรั่งชาติอื่นก็เป็น
การทำงานอย่างเป็นระบบเช่น ในบริษัทจะต้องมีแผนงาน, forcast หรืออะไรก็ตามที่สามารถนำมาอ้างอิงในการทำงานได้
ในวันหน้า เพราะไม่งั้นการกำหนดนโยบาย บริษัทหรือองค์กรจะทำไม่ได้เลยต่างหาก
ไม่ได้เกียวกับนิสัยส่วนตัวแต่อย่างใด เอาง่ายๆถ้าคุณจะซื้อวัตถุดิบมาผลิตอะไรสักอย่าง คุณก็ต้องวางแผนล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ
หรือเป็นปีๆ
เพราะกว่าคุณจะสั่ง ของ supplier จะผลิตของ ส่งมอบ อีก ทุกอย่างมี cycle time และ lead time. ของบางอย่างใช้เวลาการสั่ง
ผลิต จนถึงส่งมอบ 8 -10 เดือนเลยก็มี ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือแปลก เพราะใครก็ทำเป็นวิถีทางการทำงานหรือการใช้ชีวิต
ตามปกติได้
4. จริงจังกับเรื่องเวลา
คนเยอรมันตรงเวลามาก และหวงเวลามาก หากเป็นเวลางานจะไม่ยอมคุยนอกเรื่องเพราะว่าต้องการเวลาสำหรับการทำงานให้
แล้วเสร็จตามที่ตนเองต้องการให้เสร็จ เมื่อเสร็จจากการทำงานแล้วก็ถือว่าเป็นเวลาส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้ใครมารบกวน การ
ผูกมิตรกับคนเยอรมันจึงเป็นเรื่องยากและใช้เวลานาน (ต้องรอให้เขาชวนเราไปงานปาร์ตี้หรืองานวันเกิด ถึงจะค่อย ๆ เป็นเพื่อน
กันไป) จนมีคำเปรียบเปรยความเป็นเยอรมันว่า ?Cold people and cold weather? แปลว่า คนก็เย็นชา อากาศก็หนาวเย็น
**********************************************************************************************
ข้อนี้ผมเห็นด้วยแต่ไม่ได้หมายความว่าฝรั่งชาติอื่นจะไม่เห็นดีเห็นงามเรื่องเวลา เพราะชาติอื่นที่ผมเคยทำงานมาด้วย
เขาก็ค่อนข้าง strict หรือยึดมั่นเรื่องเวลามากพอๆกัน แม้แต่ญี่ปุ่นเองก็ตาม แต่กับฝรั่งจะเข้มหน่อยถ้าสาย 5 นาทีปิดห้องล็อคไม่
ให้เข้าประชุมด้วยครับ ถือว่าคุณขาด ที่ประชุมสรุปอย่างไรคุณห้ามเถียง..