คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เอาแบบคร่าวๆนะครับ
ธุรกิจถูกออกแบบมาให้คุณเป็นคนรับความเสี่ยงทุกอย่าง ส่วนทางCPจะรับแต่ส่วนแบ่งที่เป็นผลกำไรเท่านั้น
พูดง่ายๆคือของหาย ของเสีย โดนขโมย โดนปล้น ของใช้ฟุ่มเฟือย เช่นถุง หลอด ฯลฯ เราต้องรับผิดชอบเองหมด
ถ้าขายดีจะมีร้านใหม่มาเปิดข้างๆนี่ก็จริง เพราะว่าถ้าทำเลดีจริงๆถึงจะมีอีกร้านเพิ่มเข้ามาก็อยู่ได้ทั้งคู่
แต่มีหรือCPจะยอมให้กำไรไปอยู่ฝ่ายคุณอย่างเดียว แต่เรื่องนี้ถือว่าจิ๊บจ้อยมาก
ความน่ากลัวของ7-11คือ ธุรกิจมีการวางแผนมาอย่างดีแล้วครับ conceptคือCPไม่รับความเสี่ยง
และผลกำไรของแต่ละTYPEจะถูกออกแบบมาอย่างดีว่าแต่ละTYPEควรจะมีกำไรไม่เกินเท่าไรต่อเดือน
ช่องว่างทุกอย่างที่คุณจะได้กำไรสูงจะถูกปิดหมด
ถ้าคุณได้ทำเลดีๆไม่ได้หมายความว่าคุณจะกำไรดีเพราะโครงสร้างถูกออกแบบไว้แล้ว
TYPE B จะถูกกำหนดโดยยอดขาย เงินที่เราจะได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเราทำยอดได้ตามที่กำหนดหรือไม่ ยอดขายสูงมากเป้าก็สูงตาม
เหมือนจ้างคุณมาบริหารงาน (แต่ว่าเก็บเงินคุณอีก) เท่าที่อ่านๆมาส่วนใหญ่จุดคุ้มทุน480,000อยู่ที่ราวๆ2ปี เห็นกำไรต่อเดือนแล้วผมไปสมัครเป็นผจก.แม็คฯดีกว่า ไม่ต้องเสี่ยงโดนหักเงินด้วย
TYPE C ใช้วิธีแบ่งกำไร ถ้ายอดขายดีเราก็น่าจะได้กำไรสูงตามไปด้วยใช่รึเปล่า คำตอบคือ ไม่ใช่
เพราะCPจะคิดค่าธรรมเนียมครั้งแรกสูงเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ (ไม่ได้จบที่2.63ล้าน) เช่นเก็บเพิ่มขึ้นอีก 3 ล้านบาท (ตัวเลขจริงๆขึ้นอยุ่กับยอดขายสาขา)
คุณก็ต้องเอาเงินที่เก็บเพิ่มตรงนี้ไปหารเฉลี่ยกับอายุ8ปีเพื่อคิดเป็นคชจ.เพิ่มในแต่ละเดือน สรุปถึงยอดขายดีแต่กำไรคุณก็ไม่ได้สูงไปกว่าร้านอื่น
เพื่อนของเพื่อนทำTypeนี้อยู่กำไรราวๆ5-8หมื่นต่อเดือน(ไม่รู้ว่าสุทธิรึยัง)
ผมว่าร้านที่กำไรดีๆนี่น่าจะเป็นร้านเก่าๆมากกว่าที่สัญญาโหดๆยังไม่ครอบคลุม หรือร้านที่ยังไม่มีคนมาเปิดแข่ง
แถวบ้านผมก็ร้านหนึ่งที่ยังไม่มีคนมาเปิดแข่งใกล้ๆ เดาว่ากำไรร้านนั้นเดือนหนึ่งราว1-1.5แสน
(แต่ถ้าร้านนั้นไม่ทำต่อ คุณจะไปเทคฯคุณก็จะไม่ได้กำไรอย่างที่เจ้าของก่อนเคยได้)
7-11ผมว่าเหมาะสำหรับคนที่มีเงินแล้วไม่อยากเอาไปลงทุนอย่างอื่น ไม่ต้องการความเสี่ยงจากหุ้น
ต้องการมีรายรับเข้ามาเรื่อยๆถึงจะไม่สูงมาก ถ้ารับได้ตรงนี้ก็เหมาะที่จะทำครับ แต่ถ้าทำหวังรวยนี่คงต้องคิดใหม่
อย่างน้อยส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครเจ๊งกับ7-11แต่จะคืนทุนเมื่อไรค่อยว่ากันอีกที
ส่วนถ้าจะหุ้นทำกับเพื่อนผมว่าคงไม่เหมาะเพราะหารแล้วมันเหลือคนละไม่เท่าไร แล้วจะเป็นที่มาของการเลิกทำของเพื่อนบางคน
*แก้ไขข้อมูลนิดหน่อยครับ
ธุรกิจถูกออกแบบมาให้คุณเป็นคนรับความเสี่ยงทุกอย่าง ส่วนทางCPจะรับแต่ส่วนแบ่งที่เป็นผลกำไรเท่านั้น
พูดง่ายๆคือของหาย ของเสีย โดนขโมย โดนปล้น ของใช้ฟุ่มเฟือย เช่นถุง หลอด ฯลฯ เราต้องรับผิดชอบเองหมด
ถ้าขายดีจะมีร้านใหม่มาเปิดข้างๆนี่ก็จริง เพราะว่าถ้าทำเลดีจริงๆถึงจะมีอีกร้านเพิ่มเข้ามาก็อยู่ได้ทั้งคู่
แต่มีหรือCPจะยอมให้กำไรไปอยู่ฝ่ายคุณอย่างเดียว แต่เรื่องนี้ถือว่าจิ๊บจ้อยมาก
ความน่ากลัวของ7-11คือ ธุรกิจมีการวางแผนมาอย่างดีแล้วครับ conceptคือCPไม่รับความเสี่ยง
และผลกำไรของแต่ละTYPEจะถูกออกแบบมาอย่างดีว่าแต่ละTYPEควรจะมีกำไรไม่เกินเท่าไรต่อเดือน
ช่องว่างทุกอย่างที่คุณจะได้กำไรสูงจะถูกปิดหมด
ถ้าคุณได้ทำเลดีๆไม่ได้หมายความว่าคุณจะกำไรดีเพราะโครงสร้างถูกออกแบบไว้แล้ว
TYPE B จะถูกกำหนดโดยยอดขาย เงินที่เราจะได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเราทำยอดได้ตามที่กำหนดหรือไม่ ยอดขายสูงมากเป้าก็สูงตาม
เหมือนจ้างคุณมาบริหารงาน (แต่ว่าเก็บเงินคุณอีก) เท่าที่อ่านๆมาส่วนใหญ่จุดคุ้มทุน480,000อยู่ที่ราวๆ2ปี เห็นกำไรต่อเดือนแล้วผมไปสมัครเป็นผจก.แม็คฯดีกว่า ไม่ต้องเสี่ยงโดนหักเงินด้วย
TYPE C ใช้วิธีแบ่งกำไร ถ้ายอดขายดีเราก็น่าจะได้กำไรสูงตามไปด้วยใช่รึเปล่า คำตอบคือ ไม่ใช่
เพราะCPจะคิดค่าธรรมเนียมครั้งแรกสูงเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ (ไม่ได้จบที่2.63ล้าน) เช่นเก็บเพิ่มขึ้นอีก 3 ล้านบาท (ตัวเลขจริงๆขึ้นอยุ่กับยอดขายสาขา)
คุณก็ต้องเอาเงินที่เก็บเพิ่มตรงนี้ไปหารเฉลี่ยกับอายุ8ปีเพื่อคิดเป็นคชจ.เพิ่มในแต่ละเดือน สรุปถึงยอดขายดีแต่กำไรคุณก็ไม่ได้สูงไปกว่าร้านอื่น
เพื่อนของเพื่อนทำTypeนี้อยู่กำไรราวๆ5-8หมื่นต่อเดือน(ไม่รู้ว่าสุทธิรึยัง)
ผมว่าร้านที่กำไรดีๆนี่น่าจะเป็นร้านเก่าๆมากกว่าที่สัญญาโหดๆยังไม่ครอบคลุม หรือร้านที่ยังไม่มีคนมาเปิดแข่ง
แถวบ้านผมก็ร้านหนึ่งที่ยังไม่มีคนมาเปิดแข่งใกล้ๆ เดาว่ากำไรร้านนั้นเดือนหนึ่งราว1-1.5แสน
(แต่ถ้าร้านนั้นไม่ทำต่อ คุณจะไปเทคฯคุณก็จะไม่ได้กำไรอย่างที่เจ้าของก่อนเคยได้)
7-11ผมว่าเหมาะสำหรับคนที่มีเงินแล้วไม่อยากเอาไปลงทุนอย่างอื่น ไม่ต้องการความเสี่ยงจากหุ้น
ต้องการมีรายรับเข้ามาเรื่อยๆถึงจะไม่สูงมาก ถ้ารับได้ตรงนี้ก็เหมาะที่จะทำครับ แต่ถ้าทำหวังรวยนี่คงต้องคิดใหม่
อย่างน้อยส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครเจ๊งกับ7-11แต่จะคืนทุนเมื่อไรค่อยว่ากันอีกที
ส่วนถ้าจะหุ้นทำกับเพื่อนผมว่าคงไม่เหมาะเพราะหารแล้วมันเหลือคนละไม่เท่าไร แล้วจะเป็นที่มาของการเลิกทำของเพื่อนบางคน
*แก้ไขข้อมูลนิดหน่อยครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่แนะนำให้เปิด 7-11 ครับ ถ้าผมจะเปิดแล้วหุ้นกับเพื่อนๆ มีพี่ๆคนไหนแนะนำให้เปิดมั่งครับ