หลายคนคงรู้จัก
นิตยาไก่ย่าง กันดีในฐานะร้านอาหารไทย-อีสานเจ้าดัง ที่มีทีเด็ดคือไก่ย่างหนังกรอบ ส้มตำแซ่บถึงใจ และเมนูไทยหลากหลายที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 20 ปี
แต่เบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่ใช่แค่ “เปิดสาขาเพิ่ม” คือการปรับองค์กรทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านโดย
‘เบนซ์-ภเดช กันตจินดา’ ทายาทรุ่นสอง ที่เข้ามาพลิกโฉมธุรกิจครอบครัวให้กลายเป็นธุรกิจหลักร้อยล้าน พร้อมสานต่อรากฐานของแบรนด์แบบไม่หลุดคาแรกเตอร์
🧑🍳 จากลูกชายเจ้าของร้าน → สู่ผู้บริหารมือโปร
แม้จะไม่ได้จบธุรกิจอาหารโดยตรง แต่เบนซ์ตัดสินใจกลับมาช่วยกิจการของครอบครัวอย่างจริงจัง โดยเริ่มจาก
การเรียนรู้ทุกตำแหน่งในร้าน ตั้งแต่เสิร์ฟ ล้างจาน ไปจนถึงหลังบ้าน เพื่อเข้าใจภาพรวมจริงๆ ก่อนเริ่มปรับระบบ
✂️ เมนูเยอะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
จากเดิมที่ร้านมีเมนูมากถึง
300 รายการ (ที่คุณแม่คิดเองทั้งหมด!) เบนซ์ขอปรับให้เหลือราว 200 เมนู โดยใช้ยอดขายเป็นเกณฑ์หลัก เพราะถ้าอยากขยายสาขา “มาตรฐาน” ต้องมาก่อน → ลดเมนู = ลดวัตถุดิบ = บริหารง่ายขึ้น
🏢 ขยายจากสแตนด์อโลน → สู่ห้างและคอมมูนิตี้มอลล์
ร้านขนาดใหญ่ถูกปรับสู่พื้นที่เล็กลงในห้างและคอมมูนิตี้มอลล์ (~200 ตร.ม.) พร้อมปรับรูปแบบการทำงานเพื่อให้คุณภาพยังคงเหมือนเดิม เช่น ใช้
ครัวกลาง และฝึกพนักงานให้ทำงานไวในพื้นที่จำกัด
🚀 ขยายต่างจังหวัดแล้ว! และมองไกลถึงต่างประเทศ
เริ่มเปิดสาขาแรกนอกกรุงเทพฯ ที่
โลตัส สระบุรี และมีแผนขยายสู่โซนตะวันออกอย่างชลบุรี พร้อมชั่งจังหวะลุยต่างประเทศถ้าโอกาสและทีมพร้อม โดยไม่เร่งจำนวนสาขา แต่ขอ “โตอย่างมั่นคง”
💰 รายได้ทะลุ 480 ล้าน!
- รายได้-กำไรย้อนหลังของนิตยาไก่ย่าง (รวมทั้ง 3 บริษัทในเครือ)
- ปี 2567: รายได้ 481 ล้าน / กำไร 9.1 ล้าน
- ปี 2566: รายได้ 470 ล้าน / กำไร 8.5 ล้าน
- ปี 2565: รายได้ 444 ล้าน / กำไร 8 ล้าน
(เคยขาดทุนแค่ปี 2564 ตอนโควิดระบาด)
ที่มา BrandInsideAsia
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลายคนรู้จัก ‘นิตยาไก่ย่าง’ ในฐานะร้านอาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องไก่ย่างหนังกรอบ ส้มตำรสเด็ด และเมนูอาหารอีสานที่อยู่กับครอบครัวไทยมากว่า 20 ปี
.
เบื้องหลังความสำเร็จที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารของ ‘เบนซ์-ภเดช กันตจินดา’ ทายาทรุ่นที่สองของครอบครัว ที่ค่อยๆ ปรับทีมให้แข็งแรง ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ภายใต้โจทย์ที่เขาย้ำตลอดว่า จะเติบโตโดยไม่หลุดจากตัวตนของแบรนด์
.
จากการจัดการภายใน ที่ต้องปรับระบบใหม่ให้เหมาะกับโครงสร้างยุคปัจจุบัน ไปจนถึงการขยายสาขาสู่ต่างจังหวัด ‘นิตยาไก่ย่าง’ ในมือของ ‘เบนซ์’ เป็นอย่างไรบ้าง Brand Inside สรุปมาให้ฟังในบทความนี้
.
[ จากลูกชายเจ้าของร้าน สู่ผู้บริหารรุ่นสอง ]
.
ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีก่อน ‘เบนซ์’ ยังไม่ได้เป็นผู้บริหารของนิตยาไก่ย่างอย่างเต็มตัว เป็นเพียงลูกชายเจ้าของร้านที่กลับมาช่วยกิจการครอบครัว หลังจากไปทำงานด้านกฎหมายและการตลาดอยู่ 3 ปี
.
แม้ ‘เบนซ์’ จะไม่ได้เรียนจบด้านอาหาร หรือธุรกิจอาหารโดยตรง แต่เขายืนยันว่า เขาตั้งใจกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านแน่นอน
.
“ตอนนั้นมีแค่ 9 สาขา ผมเวียนไปตามสาขา เข้าไปเรียนรู้ในทุกตำแหน่ง ตั้งแต่เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน จนถึงดูการจัดการหลังบ้าน แล้วก็ได้รับโจทย์จากที่บ้านว่า เห็นปัญหาอะไรบ้าง และจะมีแนวทางแก้ไขยังไง”
.
การเรียนรู้ในสนามจริง ทำให้ ‘เบนซ์’ เข้าใจบริบทการทำงานของร้านอาหารที่เติบโตจากครอบครัวเล็กๆ สู่ธุรกิจที่มีพนักงานหลักร้อย และกำลังจะเข้าสู่เฟสใหม่ของการเติบโตที่ต้องมี ‘ระบบ’ มารองรับ
.
[ ถ้าเมนูเยอะเกินไป การขยายสาขาก็ยาก ]
.
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงแรกที่ ‘เบนซ์’ ตัดสินใจทำ คือการตัดบางเมนูออก ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดง่าย แต่ทำยากมากๆ เพราะเดิมนิตยาไก่ย่างมีอาหารมากถึง 300 เมนู และทั้งหมดมาจาก ‘คุณแม่’ ที่คิดขึ้นเอง
.
“เราคุยกับแม่ว่า ถ้าอยากขยายสาขา มาตรฐานต้องคงที่ แต่จะทำได้ยังไงถ้ามีเมนู 300 รายการ วัตถุดิบก็มากมาย ต้องซัพพอร์ตทั้งหมด เลยขอคัดเหลือ 200 เมนู โดยใช้ข้อมูลยอดขายเป็นหลัก แล้วค่อยๆ อธิบายให้คุณแม่เข้าใจ”
.
เมื่อเมนูกระชับลง จึงเปิดทางให้นิตยาไก่ย่างสามารถขยายสาขาจาก 6–7 แห่งในตอนนั้น กลายเป็น 32 สาขาในวันนี้ พร้อมเข้าสู่โมเดลร้านในห้างและคอมมูนิตี้มอลล์เต็มตัว
.
ซึ่งในช่วงแรก ‘เบนซ์’ เล่าว่าการเปลี่ยนผ่านจากการทำเฉพาะร้านสแตนด์อโลน (stand alone) พื้นที่ใหญ่ สร้างเองได้ สู่การขยายสาขาในห้าง หรือคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเพียง 200 ตารางเมตร ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่เช่นกัน
.
เนื่องจากขนาดครัว ตู้เย็น และพื้นที่เก็บของต้องลดลง พนักงานเองก็ต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะกระบวนการทำอาหารไทยมันเยอะ ต้องทำสดจานต่อจาน จะให้คุณภาพเหมือนเดิมได้ยังไงในพื้นที่ขนาดเล็ก จึงเป็นความท้าทายที่นิตยาไก่ย่างยังเจออยู่จนถึงทุกวันนี้
.
[ วิธีคิด-ระบบภายในองค์กรก็ต้องขยายด้วย ]
.
การเปลี่ยนผ่านจากผู้บริหารรุ่นแรกสู่รุ่นที่สองในฐานะ ‘ธุรกิจครอบครัว’ ไม่ได้มีแค่เรื่องของสูตรอาหาร หรือแนวคิดการขยายสาขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบบภายในองค์กรที่ต้องปรับตัวตามไปด้วย
.
ก่อนที่ ‘เบนซ์’ จะเข้ามามีบทบาทเต็มตัว ระบบการรายงานในทีมยังคงยึดตามรูปแบบเดิม คือส่งตรงไปยังผู้บริหารรุ่นแรกทั้งหมด ทำให้การจัดการบางเรื่องเกิดความซ้ำซ้อน ขาดความชัดเจน และไม่สอดคล้องกับโครงสร้างที่กำลังโตขึ้น
.
เมื่อเข้ามารับไม้ต่อ ‘เบนซ์’ จึงตัดสินใจจัดระเบียบใหม่ ให้การรายงานปัญหาต่างๆ มาที่ทีมผู้บริหารรุ่นสองเป็นหลัก เพื่อให้กระบวนการตัดสินใจชัดเจน รวดเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นในบทบาทของทายาทรุ่นใหม่ หากจำเป็นค่อยส่งต่อให้ผู้บริหารรุ่นแรกรับรู้ และให้คำปรึกษาในลำดับถัดไป
.
นอกจากนั้น เขายังเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารในองค์กร จากที่เคยเป็นการพูดปากเปล่าต่อกันไปเรื่อยๆ มาเป็นการส่งข้อความอย่างเป็นทางการ ทั้งในรูปแบบ memo และคลิปวิดีโอ เพื่อให้ทุกสาขาเข้าใจตรงกัน และลดการคลาดเคลื่อน
.
“เพราะธุรกิจของเรามีพนักงานอยู่กันกับเรามา 15–20 ปี เขารักองค์กร และช่วยมองเห็นปัญหาแทนเราได้หลายอย่าง แต่พนักงานใหม่ก็มีมุมมองสดใหม่ และทำตามระบบที่เราวางไว้อย่างตรงเป๊ะ เราจึงต้องบาลานซ์ให้ดี”
.
ในฐานะผู้นำรุ่นใหม่ ‘เบนซ์’ มองว่าหน้าที่หลักคือการดูแลคนทั้งสองกลุ่มให้เติบโตไปด้วยกัน ทั้งเติมความรู้ให้พนักงานเก่าได้พัฒนาไปอีกขั้น และสร้างโอกาสให้พนักงานใหม่เห็นภาพความก้าวหน้าได้ชัดเจนไม่แพ้กัน
.
“เราเคยเห็นคนที่ย่างไก่มาตลอด กลายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการได้ มันน่าภูมิใจมากๆ”
.
[ ลูกค้ามาเท่าเดิม แต่ยอดต่อบิลกลับน้อยลง ]
.
สำหรับ ‘เบนซ์’ กลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่ม ‘ครอบครัว’ ที่มากันพร้อมหน้า และกลุ่ม ‘พนักงานออฟฟิศ’ ที่แวะเวียนมาช่วงกลางวันหรือเย็น ซึ่งตรงกับคอนเซปต์เมนูของร้านที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะอยากกินอะไร
.
โดยเมนูยอดนิยมของร้านก็สะท้อนภาพนั้นได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ไก่ย่าง ส้มตำ หรือ ลาบ รายการอาหารสามอันดับแรกที่แทบทุกโต๊ะต้องสั่ง
.
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลต่อพฤติกรรมของลูกค้าชัดเจน แม้ลูกค้ายังมาเหมือนเดิม แต่ ‘เบนซ์’ พบว่า ยอดเฉลี่ยต่อบิลกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะราคาสินค้าทั่วไปพุ่งสูงขึ้น ในขณะที่แบรนด์เองพยายามตรึงราคาขายให้นานที่สุด เพื่อรักษากลุ่มลูกค้าที่หลากหลายเอาไว้
.
‘เบนซ์’ จึงเลือกบริหารต้นทุนหลังบ้านเป็นหลัก ตั้งแต่การสั่งวัตถุดิบล่วงหน้า การล็อกราคา ไปจนถึงการใช้ครัวกลาง เพื่อช่วยลดภาระให้หน้าร้าน และรักษาคุณภาพอาหารให้ได้มาตรฐานเหมือนเดิม
.
[ เริ่มขยายออกต่างจังหวัด ไม่ทิ้งโอกาสตลาดต่างประเทศ ]
.
แม้จะยังบริหารจัดการความท้าทายในปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา แต่นิตยาไก่ย่างก็เริ่มขยับขยายเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แบรนด์เพิ่งเปิดสาขาแรกในต่างจังหวัด ที่ ‘โลตัส สระบุรี’ หลังจากปักหลักในกรุงเทพมาแล้ว 31 สาขา
.
“ตอนนี้เรามองโซนตะวันออก เช่น ชลบุรี เป็นลำดับถัดไป ส่วนระยะยาว ถ้ามีจังหวะก็สนใจตลาดต่างประเทศใกล้ๆ ด้วย แต่เราจะไม่เร่งว่าจะต้องเปิดกี่สาขาต่อปี เพราะถ้าทีมยังไม่พร้อม เราไม่เปิด”
.
การเติบโตของแบรนด์ในมือเจนใหม่ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนสาขา แต่คือการบาลานซ์ระหว่างสิ่งที่ควรเปลี่ยน กับสิ่งที่ไม่ควรเปลี่ยนให้ลงตัวที่สุด
.
Brand Inside พามาดู รายได้รวม-กำไรสุทธิของ ‘นิตยาไก่ย่าง’ ย้อนหลัง 5 ปี โดยบริษัทในเครือมีทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบไปด้วย 'นิตยาไก่ย่าง' 'นิตยาไก่ย่าง 58' และ 'นิตยาไก่ย่าง ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ'
.
- ปี 2567 รายได้ 481,014,733.31 บาท กำไร 9,187,905.47 บาท
- ปี 2566 รายได้ 470,078,838.50 บาท กำไร 8,564,709.98 บาท
- ปี 2565 รายได้ 444,458,466.75 บาท กำไร 8,030,962.83 บาท
- ปี 2564 รายได้ 325,484,490.89 บาท ขาดทุน 2,179,888.83 บาท
- ปี 2563 รายได้ 360,497,488.18 บาท กำไร 8,302,791.32 บาท
.
‘เบนซ์’ สรุปบทเรียนในฐานะผู้นำรุ่นสองว่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่การคิดเมนูใหม่หรือขยายสาขาให้ทันเป้า แต่คือการรู้ว่า อะไรคือ ‘รากฐาน’ ที่ต้องรักษาไว้ และอะไรคือ ‘พื้นที่ใหม่’ ที่ควรกล้าลองเปลี่ยนแปลงให้ทันยุคทันสมัย โดยไม่ทิ้งหัวใจของแบรนด์ที่ทำให้ทุกจานของไก่ย่างนิตยา “อร่อยเหมือนเดิม”
[สรุปข่าว] จากร้านอาหารในครอบครัว สู่ธุรกิจหลักร้อยล้าน: เปิดวิธีคิด “เบนซ์-ภเดช” ผู้สานต่อแบรนด์ ‘นิตยาไก่ย่าง’
แต่เบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่ใช่แค่ “เปิดสาขาเพิ่ม” คือการปรับองค์กรทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านโดย ‘เบนซ์-ภเดช กันตจินดา’ ทายาทรุ่นสอง ที่เข้ามาพลิกโฉมธุรกิจครอบครัวให้กลายเป็นธุรกิจหลักร้อยล้าน พร้อมสานต่อรากฐานของแบรนด์แบบไม่หลุดคาแรกเตอร์
🧑🍳 จากลูกชายเจ้าของร้าน → สู่ผู้บริหารมือโปร
แม้จะไม่ได้จบธุรกิจอาหารโดยตรง แต่เบนซ์ตัดสินใจกลับมาช่วยกิจการของครอบครัวอย่างจริงจัง โดยเริ่มจาก การเรียนรู้ทุกตำแหน่งในร้าน ตั้งแต่เสิร์ฟ ล้างจาน ไปจนถึงหลังบ้าน เพื่อเข้าใจภาพรวมจริงๆ ก่อนเริ่มปรับระบบ
✂️ เมนูเยอะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
จากเดิมที่ร้านมีเมนูมากถึง 300 รายการ (ที่คุณแม่คิดเองทั้งหมด!) เบนซ์ขอปรับให้เหลือราว 200 เมนู โดยใช้ยอดขายเป็นเกณฑ์หลัก เพราะถ้าอยากขยายสาขา “มาตรฐาน” ต้องมาก่อน → ลดเมนู = ลดวัตถุดิบ = บริหารง่ายขึ้น
🏢 ขยายจากสแตนด์อโลน → สู่ห้างและคอมมูนิตี้มอลล์
ร้านขนาดใหญ่ถูกปรับสู่พื้นที่เล็กลงในห้างและคอมมูนิตี้มอลล์ (~200 ตร.ม.) พร้อมปรับรูปแบบการทำงานเพื่อให้คุณภาพยังคงเหมือนเดิม เช่น ใช้ ครัวกลาง และฝึกพนักงานให้ทำงานไวในพื้นที่จำกัด
🚀 ขยายต่างจังหวัดแล้ว! และมองไกลถึงต่างประเทศ
เริ่มเปิดสาขาแรกนอกกรุงเทพฯ ที่ โลตัส สระบุรี และมีแผนขยายสู่โซนตะวันออกอย่างชลบุรี พร้อมชั่งจังหวะลุยต่างประเทศถ้าโอกาสและทีมพร้อม โดยไม่เร่งจำนวนสาขา แต่ขอ “โตอย่างมั่นคง”
💰 รายได้ทะลุ 480 ล้าน!
- รายได้-กำไรย้อนหลังของนิตยาไก่ย่าง (รวมทั้ง 3 บริษัทในเครือ)
- ปี 2567: รายได้ 481 ล้าน / กำไร 9.1 ล้าน
- ปี 2566: รายได้ 470 ล้าน / กำไร 8.5 ล้าน
- ปี 2565: รายได้ 444 ล้าน / กำไร 8 ล้าน
(เคยขาดทุนแค่ปี 2564 ตอนโควิดระบาด)
ที่มา BrandInsideAsia
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้