ก่อนหน้านี้เห็นร้าน Monde มี Review ใน pantip ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะไปนะคะ แต่พออ่านรีวิวที่เค้าลงอักษรไว้ว่า “นั่งสบายกับโซฟาตัวใหญ่บนพื้นหญ้าสีเขียว พร้อมรับลมเย็นๆ จากชั้นดาดฟ้า ที่ Monde แหล่งแฮงค์เอาท์แห่งใหม่ใจกลางกรุง และทางร้านมีบุฟเฟ่ต์เครื่องดื่ม” บอกเลยว่าถึงขั้นตาลุกวาว ต้องขยายความประกาศข่าวไปให้แกงค์เพื่อนชวนชิมได้ไปกระดกยกแก้วชนกันหน่อยแล้ววว จัดแจงโทรไปจองโต๊ะสำหรับคืนวันศุกร์สำหรับ 5 คน ขอมุมดีๆ ลมเย็นๆ วันนี้พี่จะดื่มเบียร์ให้เพลียไปข้าง!
หลังจากที่ได้ไปลิ้มลองอาหาร บรรยากาศ และบุฟเฟ่มหกรรมเครื่องดื่มทั้งหลาย ขอบอกเลยว่า มันดี๊ดีจนเก็บไว้ในใจคนเดียวไม่ได้ ต้องกลับเอามาเขียน Review ส่งต่อให้นักปาร์ตี้แสงสีทั้งหลาย เพื่อเก็บไว้เป็น Wish list party สำหรับเทศกาลคลานเพลียกันสักนิด ภาพอาจจะมืดๆ ไปนิดนะคะก็ต้องขออภัยเพราะเราทำการถ่ายทอดสด งดปรับแสงใดใด หุหุ ^O^
Monde เป็นร้านอาหารสไตล์ SkyBar Bistro ที่รวมอาหารฟิวชั่นหลายสัญชาติให้ได้ลิ้มลองรส ร้านอยู่ที่ Taka town ชั้น 5 ซอยสุขุมวิท 39 ถ้ามาจากเพชรบุรีจะเลี้ยวขวาเข้าซอยลัดไปพร้อมพงษ์ แต่อย่าเพิ่งทะลุซอยออกไปนะคะ ให้มองขวาไว้ เดี๋ยวเลยร้าน
ไปถึงละรู้สึกดีใจที่ตรงนั้นลานจอดรถกว้างมาก พูดเลยว่ามีที่จอดรถเยอะพอออ ไม่ต้องไปจอดตามตรอกซอกซอยให้กังวลใจ เอ๊า จอดรถเสร็จกดลิฟต์ขึ้นสวรรค์ชั้น 5 ไปเลย
พอลิฟต์เปิดปรุ๊บบบ จะเห็นขวดว้อดก้ายักษ์ตั้งอยู่ตรงหน้า ถ้าเห็นสัญลักษณ์นี้แปลว่า คุณมาถูกทางแล้ว!!! เข้าไปในโซนของร้านจะเห็น Japanese Bar ตรงด้านหน้าเลย ทางร้านใช้เชฟญี่ปุ่นจ้า ยืนหั่น ยืนแร่ กันตรงนั้นเลย
เดินเข้าไปอีกจะเป็นโซนที่นั่งค่ะ มีบาร์เหล้ากว้างๆ ที่บ่งบอกว่า คืนนี้จะมาจัดหนัก ทางร้านเราก็รับมือไหวครับบบ
โซฟาที่นั่งหย่ายยยยมากกกกก
โคมไฟสวยดี ชอบเป็นการส่วนตัว เลยเก็บมาภาพนึง
ขอสรุปเรื่องบรรยากาศให้ฟังคร่าวๆ โดยรอบเค้าจัดไว้ลงตัวแล้วค่ะ ที่นั่งของร้านนี้แต่ละโต๊ะเค้าเน้นโซฟาตัวใหญ่ โต๊ะกว้าง และ decorate ไว้สำหรับถ่ายรูปให้แล้ว 555+ มีดนตรีสดตลอดทั้งคืน แต่ละวงก็จะมาร้องเป็นรอบๆ คืนนึงมี 2-3 วงได้ ใครชอบไปนั่งฟังเพลงก็แนะนำนะ นักร้องเสียงดี๊ดี ถ้าใครกลัวยุงกัด ขอยากันยุงได้นะ ...เด็กเสิร์ฟหล่อออออ 8/10
มาชมเมนูอาหารที่สั่งในคืนนั้นกันดีกว่า เราไปกับเพื่อน 5 คน กินกันแบบไม่ธรรมดา ทั้งแกงค์เป็นคนชอบลองของใหม่ไปเรื่อยๆ ถ้าจานไหนอร่อยมาก ก็เบิ้ล ไม่ซี... ส่วนเครื่องดื่มเรากะเพื่อนสั่งเป็น บุฟเฟ่เลยค่ะ เราก็ซดเบียร์ไป 15 แก้วได้ ส่วนเพื่อนก็เติมไวน์กันกี่รอบไม่รู้ (บุฟเฟ่มีเวลานะคะ ราวๆ 4 ชั่วโมง ถ้าเป็นผู้หญิงสวยๆ แบบเราก็ยังได้สักเมา สองเมา อยู่ค่ะ ถ้าคอแข็งก็ไปขอต่อเวลากับทางร้าน เดี๋ยวเค้าประเมินราคาให้อีกที 555+)
เอาละๆ เข้าเรื่องอาหาร... ภาพอาจมืดไปนิดนะคะ “ลำบากลำบนโปรดักส์ชั่น” แต่ก็ยินดีที่จะเก็บมาฝาก 555+
จานแรกคือเมนู “หมูแจ่ว เสิร์ฟกับแป้งพิต้า”
อาจจะดูเป็นเมนูธรรมดา แต่เด็ดที่หมูนุ่มและน้ำจิ้มแจ่วมากกกกกข่า ที่แปลกตาไปจากปกติคือการเสิร์ฟคู่กับแป้งพิต้า ให้อารมณ์เหมือนกินหมูย่างข้าวเหนียวที่กรอบกริบกรุบ เหมาะเป็นออเดิร์ฟ หรือ เมนู starter ชริงชริง จานนี้สั่ง 2 รอบนะคะ พูดเลยว่าจานเดียวไม่พอ ต้องซ้ำ!
จานที่ 2 “กุ้งเทมปุระ”
ถ้าชอบกรอบๆ เป็น appetizer ก็สั่งเมนูนี้จาก Japanese Bar หน้าร้านได้เลยค่ะ คืนวันศุกร์เหนื่อยๆ กินอะไรก็อร่อยไปหมด เกล็ดขนมปังยังเกลี้ยงเลย เอ๊า แต่ของเค้ากรอบจริงนะเธอ ^O^
จานที่ 3 เรามาโซ๊ยแบบอิตาเลี่ยนฟู้ดดดกัลลลบ้างงง “สปาเก็ตตี้ซีฟู้ด”
จานนี้เด็ดตรงที่เค้าใช้ซีฟู้ดสดนะคะ กุ้งสด หอยสด หมึกสด กินกันหมดเกลี้ยงจาน รสชาติจะไม่จัดจนเกินไปเพราะเน้นความหอมนุ่มของเส้น แต่ถ้าใครชอบเผ็ดๆ นี่อาจจะต้องบอกผ่านจานนี้ไป แนะนำให้สั่งแบบแซ่บๆ ไปโลดค่า
จานที่ 4 “พิซซ่าผักโขมไข่ดาว”
พิซซ่าถาดนี้ไฮไลท์เมนูของร้าน เพราะเจ้าของร้านมาพรีเซ้นท์เองเลยว่า ถาดนี้คือพิซซ่าเก๋ๆ สูตรเฉพาะของทางร้าน มีไข่ดาวโปะหน้า แฮมหนักๆ และโรยผักโขม แป้งบ้างกรอบ เราและเพื่อนได้ยินปรุ๊บบบ “เอามาเลยค่ะให้ไว ถาดนึง” 555+
พอเสิร์ฟถึงโต๊ะ เราต่างก็พิสูจน์ความบางเบาของแป้งบางกรอบ จากที่ยกขึ้นดูก็รู้ว่าบางชริงชริง พี่พูดดดดดด! เมนูนี้กรอบแป้งและเบคอนกรอบ แต่ที่นุ่มคือชีสและผักโขมที่โปะตรงหน้า เอาเป็นว่าอินกรีเดี้ยนนี่ผสมกันได้ถูกจริตพี่มาก อยากให้ลอง
จานที่ 5 “แซลมอน สไปซี่”
หน้าตาเหมือนตระกูลแซลมอนโรล ที่เด็ดคือความนุ่มของเนื้อแซลมอนและไข่กุ้งที่โรยอยู่ด้านบน เมนูนี้เอาไว้กินคู่กับเบียร์ บอกเลยว่าฟินกันไปใสๆ ในจานนี้เสิร์ฟ 5 ชิ้น ก็ได้ชิมคนละชิ้นกับเพื่อนพอดีเลย
จานที่ 6 “เต้าหู้ญี่ปุ่น ซอสมะขาม”
สั่งเมนูนี้มากระชากลิ้นกันหน่อยจากที่กินอะไรรสจืดไปแล้ว อยากลองแปลกๆ บ้าง ร้านนี้ก็ครีเอทเมนูอาหารได้แจ่มแจ๋วแต๋วจ๋าเหมือนกันนะ เค้าเอาเต้าหู้ญี่ปุ่นมาทอดให้ข้างนอกดูกรอบนิดๆ แต่ข้างในยังคงความนุ่มและเนื้อเย็นๆ ของเต้าหู้ไว้ จัดวางในจานซอสมะขามและโรยหน้าด้วยหอมแดงทอดและพริกแห้งที่ดูเข้ากันในแบบของกับแกล้ม เป็นเมนูฟิวชั่นญี่ปุ่นไทยที่อร่อยเหมือนกัน ถ้าใครไม่ค่อยกินเต้าหู้ญี่ปุ่น เราอยากแนะนำให้ลองเมนูนี้ค่ะ เพราะอาจจะทำให้คุณลืมความจืดชืดของเต้าหู้ไปเลย
ในจานเสิร์ฟ 5 ชิ้น แบ่งกันกินคนละคำเหมือนเดิม ...ชิ้นหย่ายมากกกนะคะ ชิ้นนึงกัดย่อยได้ 3 คำอ่ะ ^^
จานที่ 7 “หมูตกครก เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่”
เมนูนี้เป็นคอหมูย่างแบบขลุกขลิกแซ่บๆ ที่ปรุงมาพร้อมกับส่วนผสมของส้มตำ มีทั้งถั่วลิสง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ พริกแซ่บ น้ำขลุกขลิกเป็นแบบเปรี้ยวอมหวาน โดยหมูย่างที่เลือกมาสำหรับจานนี้จะไม่เลือกที่เป็นมันมากเกินไป เบรกรสแซ่บด้วยเส้นหมี่ จะได้ไม่เผ็ดแสบลิ้นเกินไป
จานที่ 8 “KING SALMON SASHIMI”
แซลมอนสดเราสั่งกันมา 2 จาน พอดีที่ไป ไปยืนดูบาร์ญี่ปุ่นด้านหน้าแล้วเห็นว่าแซลมอนในตู้ดูสดมาก เลยสั่งจานนี้มากินกับเพื่อนๆ โดยจานแรกเค้าเสิร์ฟส่วนที่มีไขมันแทรกเยอะๆ นุ่มลิ้น ละลายในปากมากอ่ะ 555+ ขออวยเลยนะคะจานนี้ไม่แพ้ร้านอาหารญี่ปุ่นดังๆ เลย คัดส่วนผสมมาดี วาซาบิพี่แกก็สดนะ
จานที่ 9 “KING SALMON SASHIMI”
จานนี้เน้นเป็นเนื้อปลาแซลมอนสด อร่อยกรุบกริบจิบเบียร์ จิบไวน์กันไป ถ้าไม่ติดว่าจะต้องกินหลากหลายเมนู ก็คงสั่งซาซิมิกันไปเรื่อยๆ
จานที่ 10 “ต้มยำกุ้ง”
สั่งมาซดน้ำต้มยำกัน กลัวคอแห้ง เสิร์ฟในถ้วยใหญ่ กุ้งประมาณ 10 ตัวได้ เชฟปรุงไม่เปรี้ยวมากเกินไป ถ้าใครอยากเพิ่มเปรี้ยวต้องขอมะนาวบีบเพิ่มนะจ๊ะ แต่แนะนำว่าให้ชิมก่อน เพราะจริงๆ แล้วถ้าดื่มแอลกอฮอล์อยู่รสชาติเปรี้ยวมากๆ อาจไม่จำเป็นสำหรับนักแฮงค์เอ้าท์เน้อออ
จานที่ 11 “เฟรนช์ฟรายชีสเบคอน”
เมนูมหัศจรรย์ของโปรดเจ้าของร้านในวัยเด็กกกก ตอนแรกก็ไม่คิดนะ พอพูดเรื่องราวเล่าขานให้พี่ฟังเท่านั้น >>>> เอามาเลยคร่า อย่าให้นาน <<<< ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะพิเศษอะไรมาก พอมาวางที่โต๊ะแว๊บแรกก็คิดว่าเออหน้าตาแปลกดีนะ พอเอาเข้าปากเท่านั้นแหละ โอ้ยยย โดนชีสกะเบคอนกรอบไปเต็มๆ ฟินนนนค่า ถ้าไปที่นั่นคิดว่าเมนูนี้ Must Try นะจ๊ะทุกคน


จานที่ 12 ทางร้านแจ้งว่าถ้าเราเช็คอินที่ร้าน เค้าจะให้ ฟรี Popcorn หนึ่งถ้วย จัดไป...อย่าให้เสียค่ะ เอาหมด 555+
จานที่ 13 Panna cotta ของหวานทิ้งท้าย 555+ (หลังๆ เริ่มมือสั่น ภาพเพิบสั่นไปหมดละ ขออำไพมา ณ ที่นี้)
ส่งท้ายค่ำคืนด้วยภาพนี้ แบบ18+ ทางร้านเค้าอิมพอร์ต ชิชาสเปลเชี่ยวลิสสส มาทำให้ถึงร้าน ถ้าใครที่ชอบสังค์สรรเฮฮาควันหอม ขอแนะนำที่นี่จ๊ะ อันนี้เพื่อนเราเป็นคนลอง ได้กลิ่นสตรอเบอร์รีลอยโชยๆ หอมดีเหมือนกัน เสียดายที่ต้องนั่งสวยๆ ดูเพื่อนไป เพราะสูบอะไรแบบนี้ไม่เป็นแฮะ
สรุปรวบตึงค่ำคืนนั้น
1. ต้องโทรจองโต๊ะ เพราะกลัวคนเยอะ โดยเฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันเงินเดือนออก
2. สิริรวมจ่ายคนละ 800 บาท รวมค่าบุฟเฟ่เบียร์แล้ว (499.-) แต่มีเพื่อน 1 คนกินน้ำเปล่า
3. ทานอาหารไป 10+ กว่าจาน แพนนาคอตต้าล้างปาก 2 จาน
4. กลับบ้านดึกกก ไม่มึนไม่เลิก
5. หยุดสั่งเบียร์เมื่อรู้สึกเมาแล้ว เริ่มลิ้นพันกัน นี่ชั้นสนุกไปหรือเปล่า
6. เด็กเสิร์ฟหน้าดีมาก บางคนก็ไทยสุภาพ บางคนก็อิมพอร์ตลูกครึ่ง
7. คนเยอะ อาจต้องทำใจให้สบายๆ หรือใครกลัวหิวแนะนำให้จดจำเมนูของเราแล้ว โทรจองโต๊ะ โทรสั่งอาหารพร้อมกันไปเลย
8. ถ้าจะจัดปาร์ตี้ออฟฟิศก็คุยกับทางร้านได้ เท่าที่ดู Space เค้าเยอะพอที่จะรองรับคน 40-80 คน
9. เครื่องดื่มขายราคาต้นทุน!!! เค้าไม่ขายแพง เราคิดว่าเค้าน่าจะอยากให้ลูกค้ารู้สึกดีกับราคาสนุกที่จับต้องได้จริง
10. เป็นอีกหนึ่งปาร์ตี้คืนวันศุกร์ที่ สนุกชริงชริง ใครชอบ Hang out ใจกลางกรุง แนะนำค่ะ...
รวบตึงเมนูอาหารให้แล้ว ไปสานฝันต่อกันเอาเองนะจ๊า ขอบคุณที่อ่านรีวิวเวิ้นๆ โปรดักชั่นลำบากลำบนด้วยกันมาจนบรรทัดนี้ค่ะ




[CR] รีวิวร้านอาหาร Monde Skybar อร่อย เพลิน ราคามหาชน ชอบปาร์ตี้ต้องไป! พูดดด
หลังจากที่ได้ไปลิ้มลองอาหาร บรรยากาศ และบุฟเฟ่มหกรรมเครื่องดื่มทั้งหลาย ขอบอกเลยว่า มันดี๊ดีจนเก็บไว้ในใจคนเดียวไม่ได้ ต้องกลับเอามาเขียน Review ส่งต่อให้นักปาร์ตี้แสงสีทั้งหลาย เพื่อเก็บไว้เป็น Wish list party สำหรับเทศกาลคลานเพลียกันสักนิด ภาพอาจจะมืดๆ ไปนิดนะคะก็ต้องขออภัยเพราะเราทำการถ่ายทอดสด งดปรับแสงใดใด หุหุ ^O^
Monde เป็นร้านอาหารสไตล์ SkyBar Bistro ที่รวมอาหารฟิวชั่นหลายสัญชาติให้ได้ลิ้มลองรส ร้านอยู่ที่ Taka town ชั้น 5 ซอยสุขุมวิท 39 ถ้ามาจากเพชรบุรีจะเลี้ยวขวาเข้าซอยลัดไปพร้อมพงษ์ แต่อย่าเพิ่งทะลุซอยออกไปนะคะ ให้มองขวาไว้ เดี๋ยวเลยร้าน
ไปถึงละรู้สึกดีใจที่ตรงนั้นลานจอดรถกว้างมาก พูดเลยว่ามีที่จอดรถเยอะพอออ ไม่ต้องไปจอดตามตรอกซอกซอยให้กังวลใจ เอ๊า จอดรถเสร็จกดลิฟต์ขึ้นสวรรค์ชั้น 5 ไปเลย
พอลิฟต์เปิดปรุ๊บบบ จะเห็นขวดว้อดก้ายักษ์ตั้งอยู่ตรงหน้า ถ้าเห็นสัญลักษณ์นี้แปลว่า คุณมาถูกทางแล้ว!!! เข้าไปในโซนของร้านจะเห็น Japanese Bar ตรงด้านหน้าเลย ทางร้านใช้เชฟญี่ปุ่นจ้า ยืนหั่น ยืนแร่ กันตรงนั้นเลย
เดินเข้าไปอีกจะเป็นโซนที่นั่งค่ะ มีบาร์เหล้ากว้างๆ ที่บ่งบอกว่า คืนนี้จะมาจัดหนัก ทางร้านเราก็รับมือไหวครับบบ
โซฟาที่นั่งหย่ายยยยมากกกกก
โคมไฟสวยดี ชอบเป็นการส่วนตัว เลยเก็บมาภาพนึง
ขอสรุปเรื่องบรรยากาศให้ฟังคร่าวๆ โดยรอบเค้าจัดไว้ลงตัวแล้วค่ะ ที่นั่งของร้านนี้แต่ละโต๊ะเค้าเน้นโซฟาตัวใหญ่ โต๊ะกว้าง และ decorate ไว้สำหรับถ่ายรูปให้แล้ว 555+ มีดนตรีสดตลอดทั้งคืน แต่ละวงก็จะมาร้องเป็นรอบๆ คืนนึงมี 2-3 วงได้ ใครชอบไปนั่งฟังเพลงก็แนะนำนะ นักร้องเสียงดี๊ดี ถ้าใครกลัวยุงกัด ขอยากันยุงได้นะ ...เด็กเสิร์ฟหล่อออออ 8/10
มาชมเมนูอาหารที่สั่งในคืนนั้นกันดีกว่า เราไปกับเพื่อน 5 คน กินกันแบบไม่ธรรมดา ทั้งแกงค์เป็นคนชอบลองของใหม่ไปเรื่อยๆ ถ้าจานไหนอร่อยมาก ก็เบิ้ล ไม่ซี... ส่วนเครื่องดื่มเรากะเพื่อนสั่งเป็น บุฟเฟ่เลยค่ะ เราก็ซดเบียร์ไป 15 แก้วได้ ส่วนเพื่อนก็เติมไวน์กันกี่รอบไม่รู้ (บุฟเฟ่มีเวลานะคะ ราวๆ 4 ชั่วโมง ถ้าเป็นผู้หญิงสวยๆ แบบเราก็ยังได้สักเมา สองเมา อยู่ค่ะ ถ้าคอแข็งก็ไปขอต่อเวลากับทางร้าน เดี๋ยวเค้าประเมินราคาให้อีกที 555+)
เอาละๆ เข้าเรื่องอาหาร... ภาพอาจมืดไปนิดนะคะ “ลำบากลำบนโปรดักส์ชั่น” แต่ก็ยินดีที่จะเก็บมาฝาก 555+
จานแรกคือเมนู “หมูแจ่ว เสิร์ฟกับแป้งพิต้า”
อาจจะดูเป็นเมนูธรรมดา แต่เด็ดที่หมูนุ่มและน้ำจิ้มแจ่วมากกกกกข่า ที่แปลกตาไปจากปกติคือการเสิร์ฟคู่กับแป้งพิต้า ให้อารมณ์เหมือนกินหมูย่างข้าวเหนียวที่กรอบกริบกรุบ เหมาะเป็นออเดิร์ฟ หรือ เมนู starter ชริงชริง จานนี้สั่ง 2 รอบนะคะ พูดเลยว่าจานเดียวไม่พอ ต้องซ้ำ!
จานที่ 2 “กุ้งเทมปุระ”
ถ้าชอบกรอบๆ เป็น appetizer ก็สั่งเมนูนี้จาก Japanese Bar หน้าร้านได้เลยค่ะ คืนวันศุกร์เหนื่อยๆ กินอะไรก็อร่อยไปหมด เกล็ดขนมปังยังเกลี้ยงเลย เอ๊า แต่ของเค้ากรอบจริงนะเธอ ^O^
จานที่ 3 เรามาโซ๊ยแบบอิตาเลี่ยนฟู้ดดดกัลลลบ้างงง “สปาเก็ตตี้ซีฟู้ด”
จานนี้เด็ดตรงที่เค้าใช้ซีฟู้ดสดนะคะ กุ้งสด หอยสด หมึกสด กินกันหมดเกลี้ยงจาน รสชาติจะไม่จัดจนเกินไปเพราะเน้นความหอมนุ่มของเส้น แต่ถ้าใครชอบเผ็ดๆ นี่อาจจะต้องบอกผ่านจานนี้ไป แนะนำให้สั่งแบบแซ่บๆ ไปโลดค่า
จานที่ 4 “พิซซ่าผักโขมไข่ดาว”
พิซซ่าถาดนี้ไฮไลท์เมนูของร้าน เพราะเจ้าของร้านมาพรีเซ้นท์เองเลยว่า ถาดนี้คือพิซซ่าเก๋ๆ สูตรเฉพาะของทางร้าน มีไข่ดาวโปะหน้า แฮมหนักๆ และโรยผักโขม แป้งบ้างกรอบ เราและเพื่อนได้ยินปรุ๊บบบ “เอามาเลยค่ะให้ไว ถาดนึง” 555+
พอเสิร์ฟถึงโต๊ะ เราต่างก็พิสูจน์ความบางเบาของแป้งบางกรอบ จากที่ยกขึ้นดูก็รู้ว่าบางชริงชริง พี่พูดดดดดด! เมนูนี้กรอบแป้งและเบคอนกรอบ แต่ที่นุ่มคือชีสและผักโขมที่โปะตรงหน้า เอาเป็นว่าอินกรีเดี้ยนนี่ผสมกันได้ถูกจริตพี่มาก อยากให้ลอง
จานที่ 5 “แซลมอน สไปซี่”
หน้าตาเหมือนตระกูลแซลมอนโรล ที่เด็ดคือความนุ่มของเนื้อแซลมอนและไข่กุ้งที่โรยอยู่ด้านบน เมนูนี้เอาไว้กินคู่กับเบียร์ บอกเลยว่าฟินกันไปใสๆ ในจานนี้เสิร์ฟ 5 ชิ้น ก็ได้ชิมคนละชิ้นกับเพื่อนพอดีเลย
จานที่ 6 “เต้าหู้ญี่ปุ่น ซอสมะขาม”
สั่งเมนูนี้มากระชากลิ้นกันหน่อยจากที่กินอะไรรสจืดไปแล้ว อยากลองแปลกๆ บ้าง ร้านนี้ก็ครีเอทเมนูอาหารได้แจ่มแจ๋วแต๋วจ๋าเหมือนกันนะ เค้าเอาเต้าหู้ญี่ปุ่นมาทอดให้ข้างนอกดูกรอบนิดๆ แต่ข้างในยังคงความนุ่มและเนื้อเย็นๆ ของเต้าหู้ไว้ จัดวางในจานซอสมะขามและโรยหน้าด้วยหอมแดงทอดและพริกแห้งที่ดูเข้ากันในแบบของกับแกล้ม เป็นเมนูฟิวชั่นญี่ปุ่นไทยที่อร่อยเหมือนกัน ถ้าใครไม่ค่อยกินเต้าหู้ญี่ปุ่น เราอยากแนะนำให้ลองเมนูนี้ค่ะ เพราะอาจจะทำให้คุณลืมความจืดชืดของเต้าหู้ไปเลย
ในจานเสิร์ฟ 5 ชิ้น แบ่งกันกินคนละคำเหมือนเดิม ...ชิ้นหย่ายมากกกนะคะ ชิ้นนึงกัดย่อยได้ 3 คำอ่ะ ^^
จานที่ 7 “หมูตกครก เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่”
เมนูนี้เป็นคอหมูย่างแบบขลุกขลิกแซ่บๆ ที่ปรุงมาพร้อมกับส่วนผสมของส้มตำ มีทั้งถั่วลิสง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ พริกแซ่บ น้ำขลุกขลิกเป็นแบบเปรี้ยวอมหวาน โดยหมูย่างที่เลือกมาสำหรับจานนี้จะไม่เลือกที่เป็นมันมากเกินไป เบรกรสแซ่บด้วยเส้นหมี่ จะได้ไม่เผ็ดแสบลิ้นเกินไป
จานที่ 8 “KING SALMON SASHIMI”
แซลมอนสดเราสั่งกันมา 2 จาน พอดีที่ไป ไปยืนดูบาร์ญี่ปุ่นด้านหน้าแล้วเห็นว่าแซลมอนในตู้ดูสดมาก เลยสั่งจานนี้มากินกับเพื่อนๆ โดยจานแรกเค้าเสิร์ฟส่วนที่มีไขมันแทรกเยอะๆ นุ่มลิ้น ละลายในปากมากอ่ะ 555+ ขออวยเลยนะคะจานนี้ไม่แพ้ร้านอาหารญี่ปุ่นดังๆ เลย คัดส่วนผสมมาดี วาซาบิพี่แกก็สดนะ
จานที่ 9 “KING SALMON SASHIMI”
จานนี้เน้นเป็นเนื้อปลาแซลมอนสด อร่อยกรุบกริบจิบเบียร์ จิบไวน์กันไป ถ้าไม่ติดว่าจะต้องกินหลากหลายเมนู ก็คงสั่งซาซิมิกันไปเรื่อยๆ
จานที่ 10 “ต้มยำกุ้ง”
สั่งมาซดน้ำต้มยำกัน กลัวคอแห้ง เสิร์ฟในถ้วยใหญ่ กุ้งประมาณ 10 ตัวได้ เชฟปรุงไม่เปรี้ยวมากเกินไป ถ้าใครอยากเพิ่มเปรี้ยวต้องขอมะนาวบีบเพิ่มนะจ๊ะ แต่แนะนำว่าให้ชิมก่อน เพราะจริงๆ แล้วถ้าดื่มแอลกอฮอล์อยู่รสชาติเปรี้ยวมากๆ อาจไม่จำเป็นสำหรับนักแฮงค์เอ้าท์เน้อออ
จานที่ 11 “เฟรนช์ฟรายชีสเบคอน”
เมนูมหัศจรรย์ของโปรดเจ้าของร้านในวัยเด็กกกก ตอนแรกก็ไม่คิดนะ พอพูดเรื่องราวเล่าขานให้พี่ฟังเท่านั้น >>>> เอามาเลยคร่า อย่าให้นาน <<<< ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะพิเศษอะไรมาก พอมาวางที่โต๊ะแว๊บแรกก็คิดว่าเออหน้าตาแปลกดีนะ พอเอาเข้าปากเท่านั้นแหละ โอ้ยยย โดนชีสกะเบคอนกรอบไปเต็มๆ ฟินนนนค่า ถ้าไปที่นั่นคิดว่าเมนูนี้ Must Try นะจ๊ะทุกคน
จานที่ 12 ทางร้านแจ้งว่าถ้าเราเช็คอินที่ร้าน เค้าจะให้ ฟรี Popcorn หนึ่งถ้วย จัดไป...อย่าให้เสียค่ะ เอาหมด 555+
จานที่ 13 Panna cotta ของหวานทิ้งท้าย 555+ (หลังๆ เริ่มมือสั่น ภาพเพิบสั่นไปหมดละ ขออำไพมา ณ ที่นี้)
ส่งท้ายค่ำคืนด้วยภาพนี้ แบบ18+ ทางร้านเค้าอิมพอร์ต ชิชาสเปลเชี่ยวลิสสส มาทำให้ถึงร้าน ถ้าใครที่ชอบสังค์สรรเฮฮาควันหอม ขอแนะนำที่นี่จ๊ะ อันนี้เพื่อนเราเป็นคนลอง ได้กลิ่นสตรอเบอร์รีลอยโชยๆ หอมดีเหมือนกัน เสียดายที่ต้องนั่งสวยๆ ดูเพื่อนไป เพราะสูบอะไรแบบนี้ไม่เป็นแฮะ
สรุปรวบตึงค่ำคืนนั้น
1. ต้องโทรจองโต๊ะ เพราะกลัวคนเยอะ โดยเฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันเงินเดือนออก
2. สิริรวมจ่ายคนละ 800 บาท รวมค่าบุฟเฟ่เบียร์แล้ว (499.-) แต่มีเพื่อน 1 คนกินน้ำเปล่า
3. ทานอาหารไป 10+ กว่าจาน แพนนาคอตต้าล้างปาก 2 จาน
4. กลับบ้านดึกกก ไม่มึนไม่เลิก
5. หยุดสั่งเบียร์เมื่อรู้สึกเมาแล้ว เริ่มลิ้นพันกัน นี่ชั้นสนุกไปหรือเปล่า
6. เด็กเสิร์ฟหน้าดีมาก บางคนก็ไทยสุภาพ บางคนก็อิมพอร์ตลูกครึ่ง
7. คนเยอะ อาจต้องทำใจให้สบายๆ หรือใครกลัวหิวแนะนำให้จดจำเมนูของเราแล้ว โทรจองโต๊ะ โทรสั่งอาหารพร้อมกันไปเลย
8. ถ้าจะจัดปาร์ตี้ออฟฟิศก็คุยกับทางร้านได้ เท่าที่ดู Space เค้าเยอะพอที่จะรองรับคน 40-80 คน
9. เครื่องดื่มขายราคาต้นทุน!!! เค้าไม่ขายแพง เราคิดว่าเค้าน่าจะอยากให้ลูกค้ารู้สึกดีกับราคาสนุกที่จับต้องได้จริง
10. เป็นอีกหนึ่งปาร์ตี้คืนวันศุกร์ที่ สนุกชริงชริง ใครชอบ Hang out ใจกลางกรุง แนะนำค่ะ...
รวบตึงเมนูอาหารให้แล้ว ไปสานฝันต่อกันเอาเองนะจ๊า ขอบคุณที่อ่านรีวิวเวิ้นๆ โปรดักชั่นลำบากลำบนด้วยกันมาจนบรรทัดนี้ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น