เรื่อง หล่มไฟร้ายรัก ตอนจบ เป็นอย่างไรช่วยวิจารณ์ด้วยครับ

กระทู้คำถาม
ความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/32833878

              วุฒิอ่านเรื่องสั้นที่เยาว์วางทิ้งไว้ที่โต๊ะหินอ่อนจบ

ก็อึ้งด้วยความสงสารในตัวพระเอกที่ชื่ออัศดา ขึ้นมาทันที

เขาคิดว่าตัวเขาและอัศดาช่างเป็นความเหมือนที่แตกต่าง

การเป็นคนบ้านนอกที่เข้ามาเรียนในวิชาชีพเดียวกันและต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมือง

เป็นความเหมือนอย่างกับเป็นคนเดียวกันแต่แตกต่างวาสนากัน

ตรงที่อัศดาผู้ที่มีอุดมการณ์ที่จะพัฒนาบ้านเกิดนั้นเรียนไม่จบ

เพราะลาออกจากสถาบันเนื่องจากปัญหาทางสังคม

ส่วนวุฒิเรียนจบและได้ทำงานเป็นสถาปนิกสมใจทั้งที่เขาเองนั้นไม่เคยคิด

แม้แต่จะนำวิชาความรู้ที่มีกลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เขาละอายใจขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าตัวเองช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอะไรเช่นนี้

ในขณะที่เขานั่งพักอ่านหนังสือนอกจบตอน เยาว์ผู้เป็นภรรยาก็เดินจากในบ้าน

มานั่งสมทบที่ม้านั่งตรงข้าม บนโต๊ะมีทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค

และกระดาษร่างแบบและอุปกรณ์การเขียนเกลื่อนโต๊ะ


“คุณอ่านเรื่องสั้นกับเขาด้วยเหรอ เห็นทุกทีเอาแต่ดูทีวี

สงสัยวันนี้ฝนจะตก”เยาว์พูดแซวเล่น เมื่อเห็นวุฒิบรรจงสายตาท่องไปในตัวอักษรที่ถืออยู่ในมือ วุฒิวางหนังสือลง


“แหม คุณผมก็อยากคลายเครียดบ้าง เห็นคุณชอบอ่านจัง

อยากรู้ว่าเรามีอะไรดีถึงทำให้คุณติดใจในงานวรรณกรรม

สนุกดีผมอ่านถึงตอนเพื่อนที่หวังดีน่ะ ดูแล้วอัศดานี่เป็นเด็กที่น่าสงสารเนอะ

ตั้งใจจะเป็นสถาปนิกแต่คบเพื่อนไม่ดี จนเสียอนาคตไม่ได้เป็นสถาปนิกเหมือนเราเลย”


“ติดใจล่ะสิ นักเขียนคนนี้น่ะได้รางวัลบ่อยนะคุณ คุณรู้จักนามปากกาเขามั้ย เขาดังนะ”

“ต่อไป ผมจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น อ่านแล้วทำให้ผมมีปัญญาขึ้นเยอะเลย

เออว่าแต่ช่วงนี้เราสองคนไม่ค่อยมีงานให้ทำเลยนะ เสร็จงานบ้านคุณวิทย์

ก็ไม่มีงานอื่นให้ทำต่อใช่มั้ยเนี่ย” วุฒิเริ่มพูดเข้างาน


“ใช่ ช่วงนี้เศรษฐกิจแย่ หลังจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เดี๋ยวก็มีข่าวชุมนุมประท้วงอยู่บ่อยๆ

คนรวยๆก็ไม่มีใครอยากจะลงทุนก่อสร้างอะไรเลย ไม่เหมือนตอนเราเรียนจบใหม่ๆช่วงก่อนฟองสบู่


ที่ธุรกิจภาคการก่อสร้างขยายตัว จนเราสองคนมีรายได้สามารถซื้อบ้าน

ซื้อรถได้เป็นของตัวเอง เราสองคนต้องช่วยกันหางาน

ถึงจะได้โครงการเล็กก็ยังดีกว่าไม่ได้งานนะ เดี๋ยววันนี้ฉันจะเปิดแฟนเพจรับงานของเรา”

เยาว์พูดเสริมสาธยายเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง

ส่งผลกระทบถึงครอบครัวของเธอ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของวุฒิก็ดังขึ้น

“ติ๊ด ๆๆ ติ๊ด ติ่ด ติด ติ๊ดๆๆ” เขายกหูโทรศัพท์ขึ้น

“สวัสดีครับ คุณวิทย์ มีธุระอะไรสำคัญให้ช่วยหรือเปล่าครับ”

เสียงโทรศัพท์“สวัสดีคุณวุฒิ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่โทรมาชวนไปองแบบทานข้าวกัน

จะได้ถือโอกาสคุยเรื่องแบบบ้านผมด้วยน่ะ” เสียงคุณวิทย์ ลูกค้าคนล่าสุดจากสายโทรศัพท์

“ทานข้าวที่ไหนครับ วันไหนครับคุณวิทย์ ได้เลยครับผมคุณวิทย์สะดวกวันไหนผมไปได้ครับ”

“ร้านต่างๆนานา เกษตร-นวมินทร์ คุณรู้จักมั้ย เป็นร้านฟังเพลงนั่งสบายๆ คนไม่มาก

เอาเป็นวันศุกร์นี้ตอนหกโมงเย็นนะ คุณไปรอผมที่ร้านแล้วผมจะตามไป อ้ออย่าลืมชวนคุณเยาว์ไปด้วยกันนะ ผมเลี้ยงเอง”

“ครับผม ขอบคุณครับ”การสนธนาจบลง คุณวิทย์วางสาย

“ใครโทรมาชวนไปทานข้าวเหรอคะคุณ”

“อ๋อคุณวิทย์ลูกค้าเราเอง เขาโทรมาชวนเราสองคนไปนั่งฟังเพลงกัน

ที่ร้านแถวเกษตร-นวมินทร์วันศุกร์นี้ เขาให้ผมชวนคุณไปด้วย ไปกันมั้ย”

“อ่อ ฉันคงไปไม่ได้น่ะ เดี๋ยววันศุกร์นี้กะว่าลูกกลับบ้านเสร็จจะพาไปทานข้าวบ้านตายายกัน

ถ้าฉันไปกับคุณลูกอยู่บ้านกันสองคน คงพาลูกนอนค้างกับพ่อแม่ที่บ้านนั้นเลยน่ะ”
เยาว์ปฏิเสธคำชักชวน

“แล้วแต่ ตามใจ”
วุฒิกล่าวทิ้งท้าย
            

เย็นวันศุกร์ที่มาถึงฟางและใบฟิร์นกลับจากโรงเรียนแล้ว

ฟางกำลังแต่งตัวเพื่อไปเยี่ยมตากับยายที่บางลำพู

ส่วนใบเฟิร์นกำลังซ้อมร้องเพลงคาราโอเกะไปพลางอยู่กับวุฒิที่กำลังรอจะไปส่งทั้งสามขึ้นรถแท๊กซี่ที่หน้าทีวี


“มายฮาร์ทวิวโกออน มายฮาร์ทวิวโกออน”

เสียงใบเฟิร์นร้องเพลงที่ยังไม่ค่อยถูกคีย์

“ร้องให้ถูกคีย์ด้วยลูกเพลงจะได้เพราะ มายฮาร์ทวิวโกออน

ต้องร้องเสียงสูงขึ้นไปอีกนิดแบบพ่อร้องนี่” วุฒิสาธิตการร้องเพลงอย่างถูกคีย์ ให้ลูกสาวฟัง


“มายฮาร์ทวิวโกออน มายฮาร์ทวิวโกออน”

ใบเฟิร์นร้องดีขึ้น หลังจากได้ฟังครูร้องเป็นตัวอย่าง

“เออ แบบนั้นแหล่ะลูก เก่งมากลูก ซ้อมแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ

ลูกพ่อจะต้องชนะเลิศได้รางวัลของโรงเรียนแน่ เชื่อพ่อสิ”วุฒิชมลูกสาวเปาะ


“ไปกันใบเฟิร์นลูก เสร็จแล้วค่ะคุณ มาลูกฟางใส่รองเท้าเร็ว”

เยาว์บอกให้ทุกคนออกจากบ้าน


หลังจากที่เยาว์และลูกทานอาหารค่ำ ทุกคนนั่งเล่นคุยกันที่หน้าทีวีที่โถงบ้าน

ตายายคุยเล่นกับหลานต่างยายแต๋วชื่นชมหลานคนเก่งที่เล่าเรื่องประกวดร้องเพลงให้ฟัง


“เก่งจังเลยหนูใบเฟิร์น นี่หัดร้องไปถึงไหนแล้วล่ะ ใกล้จะถึงวันประกวดแล้วสินะ”


“อีกสามวันฮับ คุณยาย พี่เฟิร์นเขาจะร้องเพลง วิวโคนม”

ฟางพูดชื่อเพลงแบบผิดๆ ทุกคนหัวเราะขึ้น

“ไม่ใช่ พูดไม่ถูก เพลงมายฮาร์ทวิวโกออนตะหากล่ะ ลองพูดซิ”

ใบเฟิร์นสอนน้องให้พูดใหม่

“มายฮาร์ทวิวโกนอน พูดได้แล้ว”

“ไม่ใช่ๆ มายฮาร์ทวิวโกออน”

ใบเฟิร์นพูดเป็นตัวอย่างน้องอีกครั้ง บรรยากาศในบ้านตาลพและยายแต๋วขณะนี้กำลังสนุกสนาน

ด้วยฟางเป็นตัวโจ๊กให้ทุกคนหัวเราะ


“คุณพ่อสอนให้ร้องให้ถูกคีย์ค่ะคุณยาย เมื่อตอนเย็นนี้ค่ะ”
หลานสาวตอบคำถามที่ยายรอ


“อืม ขอให้หนูเฟิร์นชนะประกวดได้รางวัลที่หนึ่งแล้วได้เป็นนักร้องดัง

สมความตั้งใจของคุณพ่อนะ”คุณตาลพ พูดอวยพรให้กับหนูใบเฟิร์น ด้วยใจจริง


“ค่ะหนูจะร้องให้สุดฝีมือเลย เดี๋ยวจะเอารางวัลมาอวดคุณยายกับคุณตานะคะ”


“ดีมากหลานตา ร้องให้เพราะๆที่สุดเท่าที่หนูเคยร้องเลยนะ ส่วนฟางก็ตั้งใจเรียน

จะได้อ่านเขียนเก่งๆ กว่าตาละหลาน” ตาลพพูดคุยกับหลานอย่างอบอุ่น
           


                 เยาว์กำลังล้างจานอยู่ในครัว ยายแต๋วเดินออกจากวงสนทนาหน้าทีวี

ตามลูกสาวมาช่วยกันล้างจานกันสองแม่ลูก


“หนูรู้สึกเหนื่อยค่ะแม่ กับใจที่ไม่มั่นคงของวุฒิ เขายังรักและเสียดายกับแววอยู่

หนูไม่อยากให้ลูกต้องเป็นสิ่งสนองความขาดของชีวิตเขา

หนูอยากให้ลูกเรียนอะไรที่ลูกเป็นคนเลือกเอง

ที่หนูยอมให้เขาส่งลูกเข้าโรงเรียนฝรั่ง เพราะหนูสงสารเขาค่ะ หนูไม่อยากเห็นเขาเสียใจ

หนูไม่กล้าหาญพอที่จะปฏิเสธ”


เยาว์ร้องไห้น้ำตาอาบสองแก้มในขณะที่เล่าบรรยายสิ่งที่เธออัดอั้นให้ยายแต๋วผู้เป็นแม่ฟัง


“เอาน่าลูก วุฒิเขาอาจจะตัดใจจากแววแล้วก็ได้ ที่เขาอยากให้ลูกมีอนาคตแบบนั้น

อาจจะเป็นเพราะเป็นความฝันของเขาเองก็ได้ไม่น่าจะเกี่ยวกับแววก็ได้นะลูก”

แม่ของเยาว์พูดให้กำลังใจ


“แต่แม่คะ หนูรู้สึกว่าช่วงนี้วุฒิเขาเปลี่ยนไป วันก่อนอยู่ดีดีก็

อารมณ์เสียตอนกินข้าว หนูไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ

หนูกลัวค่ะแม่หนูกลัวเขาจะเตลิด”


“เอาน่าลูกไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวให้หนูใบเฟิร์นขึ้นมีชื่อเสียง อะไรๆก็คงดีขึ้นน่ะลูก”


เยาว์หยุดร้องไห้แล้วล้างจานต่อจนเสร็จ คืนนี้เธอและลูกนอนค้างคืนที่บ้านตาลพพ่อของเธอ

เพราะความรักเป็นได้ทุกสิ่ง เป็นที่พักพิงให้หัวใจ  

ใครต่อใครจึงได้ค้นหาความหมายเพื่อจะได้เป็นเจ้าของความรัก

แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้นั่นก็คือ แม้ความรักจะเป็นของคนทุกคนบนโลกใบนี้  

ความรักไม่ได้มีอายุและเปลี่ยนหน้าตาอยู่เสมอ

เพราะฉะนั้นความรักจึงไม่ใช่สิ่งที่ใช้ตาดูแล้วบอกได้มันคืออะไร

แต่ความรักคือสิ่งที่หัวใจจะบอกได้ซึ่งความหมายนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
สนุกดีครับ มีการบรรยายความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวได้ดี ใช้วิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ มีการเล่าสลับฉากปัจจุบันและอดีตได้ลงตัวกับเนื้อหาที่ต้องการสื่อ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อเรื่องและความจำเป็นของตัวละครได้ดี

ตอนจบผมว่ามันจบแบบห้วนๆไปหน่อย อธิบายเร็วไปเลยไม่รู้สึกว่าปมปัญหามันคลี่คลายยังไง และเรื่องคำผิด การใช้คำที่อ่านไม่เข้าใจ แต่โดยรวมก็ถือว่าดีครับ เพราะประเด็นของเรื่องที่พูดถึงเรื่องความรักความปราถนานั้นก็ตรงประเด็นอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่