ฝันคืนทิศ บทที่ 3

กระทู้สนทนา
บทที่ 1 http://pantip.com/topic/33223537
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/33226042

“คุณอ่านเรื่องสั้นกับเขาด้วยเหรอ เห็นทุกทีเอาแต่ดูทีวี สงสัยวันนี้ฝนจะตก”เยาว์พูดแซวเล่น
เมื่อเห็นวุฒิบรรจงสายตาท่องไปในตัวอักษรที่ถืออยู่ในมือ วุฒิวางหนังสือลง

“แหมคุณ ก็ผมก็อยากคลายเครียดบ้าง เห็นคุณชอบอ่านจัง อยากรู้ว่าในหนังสือมีอะไรดี
ถึงทำให้คุณติดใจในงานวรรณกรรม ก็สนุกดีผมอ่านถึงตอนเพื่อนที่หวังดีน่ะ
ดูแล้วอัศดานี่เป็นเด็กที่น่าสงสารเนอะ ตั้งใจจะเป็นสถาปนิกแต่คบเพื่อนไม่ดี
จนเสียอนาคตไม่ได้เป็นสถาปนิกเหมือนเราเลย”


“ต้องมนต์เสน่ห์ของตัวอักษรแล้วล่ะสิ นักเขียนคนนี้น่ะได้รางวัลบ่อยนะคุณ คุณรู้จักนามปากกาเขามั้ย เขาดังนะ”

“อืม เขาเก่งนะ ต่อไปนี้ผมจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น อ่านแล้วทำให้ผมมีปัญญาขึ้นเยอะเลย
เออว่าแต่ช่วงนี้เราสองคนไม่ค่อยมีงานให้ทำเลยนะ เสร็จงานบ้านคุณวิทย์ก็ไม่มีงานอื่นให้ทำต่อใช่มั้ยเนี่ย
อยากจะลองเขียนเรื่องสั้นไว้รวมเล่มแบบ ฟ้าคำแพง บ้างจัง ” วุฒิเริ่มพูดเข้างาน

“เอาจริงอ่ะ แล้วจะเขียนได้เหรอคุณไม่ได้เรียนมาทางนี้นะ เอางานนี้ก่อนเหอะ
ช่วงนี้เศรษฐกิจแย่ หลังจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เดี๋ยวก็มีข่าวชุมนุมประท้วงอยู่บ่อยๆ
คนรวยๆก็ไม่มีใครอยากจะลงทุนก่อสร้างอะไรเลย ไม่เหมือนตอนเราเรียนจบใหม่ๆช่วงก่อนฟองสบู่
ที่ธุรกิจภาคการก่อสร้างขยายตัว จนเราสองคนมีรายได้สามารถซื้อบ้าน ซื้อรถได้เป็นของตัวเอง
เราสองคนต้องช่วยกันหางาน ถึงจะได้โครงการเล็กก็ยังดีกว่าไม่ได้งานนะ
เดี๋ยววันนี้ฉันจะเปิดแฟนเพจรับงานออกแบบของเรา”

เยาว์พูดเสริมสาธยายเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลกระทบถึงครอบครัวของเธอ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของวุฒิก็ดังขึ้น

“ติ๊ด ๆๆ ติ๊ด ติ่ด ติด ติ๊ดๆๆ” เขายกหูโทรศัพท์ขึ้น

“สวัสดีครับ คุณวิทย์ มีธุระอะไรสำคัญให้ช่วยหรือเปล่าครับ”

เสียงโทรศัพท์“สวัสดีคุณวุฒิ ไม่มีอะไรมากครับ ผมแค่โทรมาชวนไปทานข้าวกัน

จะได้ถือโอกาสคุยเรื่องแบบบ้านผมด้วยน่ะ” เสียงคุณวิทย์ ลูกค้าคนล่าสุดจากสายโทรศัพท์

“ทานข้าวที่ไหนครับ วันไหนครับคุณวิทย์ ได้เลยครับผม ถ้าคุณวิทย์สะดวกวันไหนผมไปได้ครับ”

“ร้านไก่กา เกษตร-นวมินทร์ คุณรู้จักมั้ย เป็นร้านฟังเพลงนั่งสบายๆ คนไม่มาก
เอาเป็นวันศุกร์นี้ตอนหกโมงเย็นนะ คุณไปรอผมที่ร้านแล้วผมจะตามไป อ้ออย่าลืมชวนคุณเยาว์ไปด้วยกันนะ ผมเลี้ยงเอง”

“ครับผม ขอบคุณครับ”การสนธนาจบลง คุณวิทย์วางสาย

“ใครโทรมาชวนไปทานข้าวเหรอคะคุณ”

“อ๋อคุณวิทย์ลูกค้าเราเอง เขาโทรมาชวนเราสองคนไปนั่งฟังเพลงกันที่ร้านแถวเกษตร-นวมินทร์วันศุกร์นี้
เขาให้ผมชวนคุณไปด้วย ไปกันมั้ย”

“อ่อ ฉันคงไปไม่ได้น่ะ เดี๋ยววันศุกร์นี้ กะว่าลูกกลับบ้านเสร็จ จะพาไปทานข้าวบ้านตายายกัน
ถ้าฉันไปกับคุณ ลูกต้องอยู่บ้านกันแค่สองคน คงพาลูกนอนค้างกับพ่อแม่ที่บ้านนั้นเลยน่ะ”

เยาว์ปฏิเสธคำชักชวน

“แล้วแต่ ตามใจ ผมไปคนเดียวก็ได้” วุฒิกล่าวทิ้งท้าย


            เย็นวันศุกร์มาถึง ทั้งฟางและใบฟิร์นกลับจากโรงเรียนแล้ว
ฟางกำลังแต่งตัวเพื่อไปเยี่ยมตากับยายที่บางลำพู ส่วนใบเฟิร์นกำลังซ้อมร้องเพลงคาราโอเกะที่ห้องนั่งเล่นรอไปพลาง
อยู่กับวุฒิที่กำลังรอจะไปส่งทั้งสามขึ้นรถแท๊กซี่

“มายฮาร์ทวิวโกออน มายฮาร์ทวิวโกออน” เสียงใบเฟิร์นร้องเพลงที่ยังไม่ค่อยถูกคีย์

“ร้องให้ถูกคีย์ด้วยลูกเฟิร์น เพลงจะได้เพราะ มายฮาร์ทวิวโกออน
ต้องร้องเสียงสูงขึ้นไปอีกนิดแบบพ่อร้องนี่”

วุฒิสาธิตการร้องเพลงอย่างถูกคีย์ ให้ลูกสาวฟัง

“มายฮาร์ทวิวโกออน มายฮาร์ทวิวโกออน”
ใบเฟิร์นร้องดีขึ้น หลังจากได้ฟังครูร้องเป็นตัวอย่าง

“เออ แบบนั้นแหล่ะลูก เก่งมากลูก ซ้อมแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ
ลูกพ่อจะต้องชนะเลิศได้รางวัลของโรงเรียนแน่ เชื่อพ่อสิ แล้วต่อไปลูกจะได้เป็นนักร้องชื่อก้องฟ้าเมืองไทย”
วุฒิชมลูกสาวเปาะ

“ไปกันใบเฟิร์นลูก เสร็จแล้วค่ะคุณ มาลูกฟางใส่รองเท้าเร็ว”เยาว์บอกให้ทุกคนออกจากบ้าน

         พอไปถึงบ้านตายายของใบเฟิร์นและฟาง หลังจากที่เยาว์และลูกทานอาหารค่ำ
ทุกคนนั่งเล่นคุยกันที่หน้าทีวีที่โถงบ้าน ยายแต๋ว ชื่นชมหลานคนเก่งที่เล่าเรื่องประกวดร้องเพลงให้ฟัง

“เก่งจังเลยหนูใบเฟิร์น นี่หัดร้องไปถึงไหนแล้วล่ะ ใกล้จะถึงวันประกวดแล้วสินะ”

“อีกสามวันฮับ คุณยาย พี่เฟิร์นเขาจะร้องเพลง วิวโคนม”ฟางพูดชื่อเพลงแบบผิดๆ ทุกคนหัวเราะขึ้น

“ไม่ใช่ พูดไม่ถูก เพลงมายฮาร์ทวิวโกออนตะหากล่ะ ลองพูดซิ”ใบเฟิร์นสอนน้องให้พูดใหม่

“มายฮาร์ทวิวโกนอน พูดได้แล้ว”

“ไม่ใช่ๆ มายฮาร์ทวิวโกออน”ใบเฟิร์นพูดเป็นตัวอย่างน้องอีกครั้ง
บรรยากาศในบ้านตาลพและยายแต๋วขณะนี้กำลังสนุกสนาน ด้วยฟางเป็นตัวโจ๊กให้ทุกคนหัวเราะโครม

“คุณพ่อสอนให้ร้องให้ถูกคีย์ค่ะคุณยาย เมื่อตอนเย็นนี้ค่ะ”หลานสาวตอบคำถามที่ยายรอ

“อืม ขอให้หนูเฟิร์นชนะประกวดได้รางวัลที่หนึ่งแล้วได้เป็นนักร้องดังสมความตั้งใจของคุณพ่อนะ”
คุณตาลพ พูดอวยพรให้กับหนูใบเฟิร์น ด้วยใจจริง

“ค่ะ หนูจะร้องให้สุดฝีมือเลย เดี๋ยวจะเอารางวัลมาอวดคุณยายกับคุณตานะคะ”

“ดีมากหลานตา ร้องให้เพราะๆที่สุดเท่าที่หนูเคยร้องเลยนะ ส่วนฟางก็ตั้งใจเรียน
จะได้อ่านเขียนเก่งๆ กว่าตาละหลาน” ตาลพ พูดคุยกับหลานอย่างอบอุ่น


          เยาว์กำลังล้างจานอยู่ในครัว ยายแต๋วเดินออกจากวงสนทนาหน้าทีวี
ตามเยาว์มาช่วยกันล้างจานกันสองแม่ลูก
“หนูรู้สึกเหนื่อยค่ะแม่ กับใจที่ไม่มั่นคงของวุฒิ เขายังรักและเสียดายกับแววอยู่
หนูไม่อยากให้ลูกต้องเป็นสิ่งสนองความขาดของชีวิตเขา หนูอยากให้ลูกเรียนอะไรที่ลูกเป็นคนเลือกเอง
ที่หนูยอมให้เขาส่งลูกเข้าโรงเรียนฝรั่ง เพราะหนูสงสารเขาค่ะ หนูไม่อยากเห็นเขาเสียใจ
หนูไม่กล้าหาญพอที่จะปฏิเสธ”

เยาว์ร้องไห้น้ำตาอาบสองแก้มในขณะที่เล่าบรรยายสิ่งที่เธออัดอั้นให้ยายแต๋วผู้เป็นแม่ฟัง


“เอาน่าลูก วุฒิเขาอาจจะตัดใจจากแววแล้วก็ได้ ที่เขาอยากให้ลูกมีอนาคตแบบนั้น
อาจจะเป็นเพราะเป็นความฝันของเขาเองก็ได้ไม่น่าจะเกี่ยวกับแววก็ได้นะลูก”

แม่ของเยาว์พูดให้กำลังใจ

“แต่แม่คะ หนูรู้สึกว่าช่วงนี้วุฒิเขาเปลี่ยนไป วันก่อนอยู่ดีดีก็
อารมณ์เสียตอนกินข้าว หนูไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ หนูกลัวค่ะแม่ หนูกลัวเขาจะเตลิด”

“เอาน่าลูกไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวให้หนูใบเฟิร์นโตขึ้นมีชื่อเสียง อะไรๆก็คงดีขึ้นน่ะลูก เมื่อวุฒิสบายใจ”

เยาว์หยุดร้องไห้แล้วล้างจานต่อจนเสร็จ คืนนี้เธอและลูกนอนค้างคืนที่บ้านตาลพพ่อของเธอ
            
            ที่ร้านไก่กา ทันทีที่วุฒิมาถึงร้านก่อนลูกค้า เขาเดินไปที่โต๊ะที่คุณวิทย์จองเอาไว้กับร้าน
เขากวาดสายตามองดูศิลปะการตกแต่งภายในร้านมีเอกลักษณ์ที่แสดงความเป็นบ้านพื้นถิ่น
แบบรีสอร์ท แต่ดูหรูทีเดียว ดวงไฟสีเหลืองนวลสง่างพอเห็นทุกอย่างได้ไม่ถึงกับสว่างนัก
เขาบรรจงนั่งลงที่เก้าอี้ไม้บุนวมสไตส์แปลกตา

ในระหว่างที่เขานั่งฟังเพลงไทยยุคเก่าพลาง รอคุณประวิทย์นั้น
บรรยากาศในร้านอาหารทำให้วุฒิคิดถึงบ้านเกิด เขาหวนกลับไปคิดถึงตอนเด็ก


             เมื่อนานๆครั้งจะมีหนังกลางแปลงเข้ามาฉายในหมู่บ้าน เด็กชายวุฒิ
เด็กชายวัยแปดขวบ อ้อนวอนผู้เป็นบิดาที่ไม่ค่อยสนับสนุนการเที่ยวเล่นกลางคืนกับเพื่อนคนอื่นในหมู่บ้าน
แต่ด้วยความที่เขาต้องการจะเปิดโลกทัศน์จากสิ่งที่มาบริการความบันเทิงถึงบ้านไร่ปลายนาแห่งนี้
เขาจึงตื้อพ่อกับแม่อยู่นานจนสำเร็จ โดยโปรแกรมที่เขาวางไว้กับเพื่อนวัยเดียวกันถูกเตรียมไว้หมดแล้ว
แล้วค่ำคืนแห่งความระทึกก็เริ่มขึ้น เด็กชายวุฒิรีบรับประทานอาหารค่ำ
อาบน้ำแต่งตัวพร้อม นั่งถือเสื่อต้น กก ในมือรอเพื่อนอยู่ที่แคร่หน้าบ้านที่จะมารับไปที่ลานวัดในหมู่บ้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่