นวนิยาย ห้วงไฟเก่า ฝากวิจารณ์ เสนอแนะ ครับ

เรื่องเก่าเอามาเล่าต่อ ฝากติดตามและให้กำลังใจด้วยนะครับ หล่มไฟร้ายรัก

ในบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดหน้ากว้างห้าเมตร สามห้องนอน สองห้องน้ำหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ชานเมืองมหานคร

ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูราคาแพงมียี่ห้อโด่งดังทางทีวี

มีการจัดวางข้าวของภายในบ้านอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นบ้านและที่ทำงานของ”วุฒิ”

ชายวัยรูปร่างสูงสมส่วน เขายังจำได้ดีถึงเมื่อครั้งที่เรียนมหาวิทยาลัยตอนที่พบรักกับ “เยาว์”

ภรรยาคู่ชีวิตที่ช่วยกันทำงานเป็นสถาปนิกในบ้านทาวน์เฮาส์ที่มีห้องทำงาน อยู่ชั้นล่าง

โดยมีเยาว์ภรรยาทำหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นคนออกแบบ ร่างแบบเพื่อส่งต่อให้ วุฒินำไปเขียนเป็นแบบก่อสร้าง

เพราะไม่ค่อยถนัดในการออกความคิดสร้างสรรค์ แต่จะถนัดในการเขียนแบบในคอมพิวเตอร์

เพื่อปริ้นซ์เป็นแบบก่อสร้างเพื่อส่งต่อให้ผู้ว่าจ้างในขั้นสุดท้ายของการรับจ้างทาน
             
                   ในทุกวันจันทร์ถึงศุกร์วุฒิต้องทำหน้าที่ขับรถพาลูกสาวคนโตไปเข้าโรงเรียนอินเตอร์

เขาขับรถเก๋งยี่ห้อตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเรียงกันที่เขาและเธอช่วยกันเลือกซื้อ

ด้วยเงินที่ทั้งคู่ช่วยกันเก็บหอมรอมริบตั้งแต่เริ่มแต่งงานอยู่กินกันมา

รถจอดไว้ในโรงจอดรถที่มุงด้วยหลังคาเมทัลชีทแผ่นสีเงินคล้ายสังกะสีแต่ดูใหม่เอี่ยม

บนเสาซีเมนต์ต้นใหญ่หนาดูมั่นคง วุฒิเดินเข้าบ้านตรงไปยังเก้าอี้ทำงาน

นั่งเบาะที่มีพนักพิงหลังสูงปุด้วยหนังเทียมสีดำ เขารู้สึกผ่อนคลายทันทีที่นั่งลง

ส่วนลูกชายคนเล็กเป็นหน้าที่ของเยาว์ในการดูแลพาไปขึ้นรถโรงเรียนที่มารับส่งถึงปากซอยหน้าหมู่บ้าน

หลังจากอาหารเช้าที่เธอเลือกซื้อเองจากตลาดในหมู่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่

เยาว์ต้องรับบทบาทเป็นคุณแม่และภรรยาเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน

เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจยามเช้าเพื่อลูกของทั้งสองสามีภรรยาที่ถูกต้องตามประเพณีและตามกฎหมาย
               


                   เสียงโทรทัศน์จากทีวีจอแบนขนาดสามสิบสองนิ้วที่เยาว์เปิดค้างไว้เมื่อตอนที่วุฒิไปส่งลูกสาวเข้าโรงเรียน

เขานั่งดูทีวีจอแบนอย่างจดจ่อ รายการข่าวของสถานียอดนิยม ดำเนินถึงช่วงข่าวบันเทิงในเช้าแก่ของวันจันทร์

“เยาว์คุณดูสิเดี่ยวนี้แววเพื่อนคุณเป็นดารามาตั้งแต่สมัยเรายังเรียน
มันรวยใหญ่แล้วนะซื้อบ้านหลังใหม่หรูเลย อยู่วงการนี้เขาคงมีรายได้ดี มากเลยนะผมว่า”

เขาเอ่ยถึงดาราสาวคนสวยอดีตเชียร์ลีดเดอร์ประจำมหาวิทยาลัยเก่าเพื่อนเก่าสมัยเรียนของเยาว์

ซึ่งปัจจุบันวุฒิใช้ชีวิตไปด้วยความรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองเหมือนคนที่ต้องวิ่งตามหลังคนอื่นอย่างไม่มีหวังว่าจะตามทัน

“ยังรักเขาอยู่ละสิ ทั้งสวยและรวยด้วยไม่เคยเห็นมีข่าวกับผู้ชายคนไหนอีกต่างหาก”
เธอพูดประชด


“คุณนี่ก็พูดอะไรที่มันสร้างสรรค์หน่อยสิ ป่านนี้เขามีลูกมีผัวไปแล้วมั้ง
คนสวยๆวงการนี้ชอบปิดข่าวเรื่องส่วนตัว คุณไม่รู้หรอกเหรอ แม้เราจะไม่เคยเห็นมีข่าว”

วุฒิบ่นอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินภรรยาพูดอย่างนั้น เขาเดินออกไปบ้าน
นั่งลงที่ม้านั่งใต้ต้นมะม่วง แล้วยกแบบที่เขาเพิ่งปรินซ์มาตรวจทาน เยาว์เดินมานั่งสมทบที่ม้านั่งฝั่ตรงข้าม
ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องงานที่ยังค้างส่งมอบให้ลูกค้า ที่ยังทำไม่เสร็จ


“แบบที่ฉันร่างมาให้คุณเขียนแบบขออนุญาตปลูกสร้าง ฉันขอแก้ไขใหม่อีกรอบ แบบมันยังไม่ลงตัว”
  

“นี่คุณแก้แบบมาสองรอบแล้วนะ นี่จะแก้อีกเป็นครั้งที่สาม ผมไม่ไหวจะเขียนแบบใหม่แล้วนะ

ยังไงก็สรุปให้แน่นอนสิ ลูกค้าคุณวิทย์ เขาคงไม่ซีเรียสเรื่องแบบเท่าไหร่

เพราะล่าสุดที่คุยกันกับผม เขายังบอกกำชับให้ผมเรื่องมือ จะได้ขออนุญาตทางเทศบาลให้ผ่านไว

นี่เขารอมาตั้งสองสามเดือนเข้าแล้ว คุณน่าจะตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะออกแบบบ้านหลังนี้ยังไง

ทำๆให้จบๆงานไปเถอะ”

วุฒิบ่นด้วยความเหนื่อยกับงานที่ยังไม่เสร็จ



“เออน่าคุณ งานนี้น่ะฉันตั้งใจออกแบบสุดฝีมือ

หลังจากบ้านสร้างเสร็จฉันจะลองส่งผลงานของเราไปให้นิตยสารมีทำรีวิว

เราจะได้มีประวัติผลงานลงนิตยสาร จะได้มีอะไรอ้างลูกค้า เวลาโปรโมทรับงานมาทำไง”


“ก็แล้วแต่คุณ ก็ดีอย่างเราสองคนจะได้มีชื่อเสียงในวงการกะเขาบ้าง

ลำพังรับงานฟรีแลนซ์นานๆจะได้งานเข้ามาทำทีนึง เงินยังไม่พอใช้เลย

เดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ลูกค้ารวยๆมาจ้างให้ออกแบบ เขียนแบบ อย่างคุณวิทย์ หายากกว่าเมื่อก่อน”


วุฒิพูดสมทบ เขากำลังเบื่อหน่ายกับปัญหาเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเขาและภรรยา

เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี งานให้ทำยิ่งมีน้อย เพราะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสองสามีภรรยา

ก็โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานไปตามๆกัน จะหาคนมีเงินถุงเงินถังมาลงทุนก่อสร้างยาก เงินซื้อบ้านและรถที่เป็นสินสมรสของทั้งคู่เป็นการซื้อด้วยเงินสด เขา

ภูมิใจกับสิ่งที่เขาและภรรยาหามาได้ตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจดี

วงการก่อสร้างขยายตัวมีทำให้เขามีลูกค้ารวยๆมาจ้างงานให้เขาเขียนแบบ ไม่ขาดสาย

ในขณะเดียวกันที่คนรุ่นราวคราวเดียวกับสองสามีภรรยาต้องทำงาน

ซึ่งเพื่อนฝูงส่วนใหญ่สองทั้งสองต่างทำงานประจำแยกย้ายกันไปอยู่ตามบ้านเกิดของตัวเองหลังจากร่ำเรียนสำเร็จการศึกษาแล้ว
               


                    ในยามว่างช่วงวันหยุดกิจกรรมผ่อนคลายที่สองสามีภรรยาก็คือการพาลูกออกไปทานอาหารนอกบ้านท่องเที่ยวต่างหวัดบ้าง

ทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาไปพบปะเพื่อนเก่าสักเท่าไหร่เพราะทุกคนล้วนมีภาระครอบครัวให้ดูแล

คงมีแต่เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันกับที่เขาอาศัยอยู่นี้
               


             ในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่วุฒิไปรับลูกสาวจากโรงเรียนระหว่างทางที่กลับบ้าน

ลูกสาวที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้ารถข้างคนขับ บนถนนที่การจราจรวันนี้สะดวกโล่ง มีรถเมถ์ เท๊กซี่และมอเตอร์ไซค์

วิ่งอยู่ประปรายอย่างคล่องตัวทีเดียว เขาพูดคุยถึงอนาคตขอเทอมแพงลูกสาวที่เขาอุตสาห์ส่งเสียให้เรียนในโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงยิบ


“วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างลูก เรียนที่โรงเรียนสนุกดีมั้ยลูก”

“สนุกมากเลยค่ะ วันนี้คุณครูที่โรงเรียนสอนให้หนูวาดรูปบ้านในฝันด้วยค่ะคุณพ่อ”

ลูกสาวคนสวยเอ่ยตอบ


“เหรอ เมื่อตอนสมัยที่พ่อเป็นเด็กเหมือนลูก พ่อเคยได้คะแนนเต็มวิชาวาดเขียนจากคุณครูเลยนะ”

แม้จะมีท่าทีเรียบเฉยเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวเล่าให้ฟังแต่เขาก็คุยฟุ้งถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กนักเรียนประถมที่บ้านเกิด

ซึ่งเขาเป็นเด็กเรียนเก่งที่สอบได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนเป็นประจำ

และสิ่งที่เขาชอบและถนัดที่จะทำอย่างหนึ่งมา

ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านนอกที่ห่างไกลความเจริญ

คือการวาดรูปด้วยดินสอชนวนขีดๆเขียนๆลงบนแผ่นหินตามจินตนาการที่มีประสาเด็กบ้านนอก

เขาได้รับคำชมจากครูและเพื่อนในโรงเรียนทุกครั้งที่มีการวาดรูปส่งครูประจำชั้น

และก็เป็นความสามารถที่ติดตัวเขาเรื่อยมา ตั้งแต่เป็นเด็กชั้นประถมศึกษาที่บ้านเกิด

จนถึงตอนที่เขาเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนประจำอำเภอ

ทำให้เขาเลือกที่จะสอบเข้าเรียนสถาปัตย์ เมื่อครั้งสอบชิงทุนการศึกษาได้เข้าเรียนระดับปริญญา

จนสามารถสอบรับใบประกอบวิชาชีพสถาปนิก อาชีพในฝันของเขามาเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก

แต่เดี๋ยวอาชีพในฝันที่เขาพากเพียรมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กบ้านนอกไม่สามารถนำมาซึ่งฐานะและความสุขใจ

ถึงโอกาสทางการศึกษาจะเข้าไปไม่ถึงแต่ด้วยความที่วุฒิเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานเป็นทุนเดิม

ทำให้เขาเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน และด้วยฐานะทางครอบครัวที่ดีกว่าเด็กคนอื่น

ที่กำเนิดมาจากท้องไร่ท้องนาในหมู่บ้านเดียวกัน

ทำให้วุฒิมีโอกาสมากกว่าการเรียนเขียนอ่านตามปกติในโรงเรียน นั่นคือการดูได้ทีวี

ตามปกติที่หมู่บ้านชายทุ่งห่างไกลจากตัวอำเภอราวห้าสิบกิโลเมตร

ในยุคที่รัฐบาลสมัยนั้นเริ่มต้นเพิ่งโครงการเร่งรัดพัฒนาชนบทเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์

ให้เท่าเทียมอารยประเทศ เครื่องรับโทรทัศน์เพียงเครื่องเดียวของหมู่บ้านตั้งอยู่กลางบ้านไม้หลังใหญ่ของเขา


ภาพบรรยากาศแห่งความทรงจำสมัยยังเป็นเด็กตัวเล็กอายุรุ่นราวใบเฟิร์นคือช่วงที่นั่งบนตักพ่อเพื่

อชมรายการทีวีที่ตั้งอยู่ตรงหน้าบนโต๊ะไม้เต็ง ในวันหยุดอย่างจดจ่อ ยังคงอยู่ในความคิดของวุฒิเรื่อยมา        
            


                    ชีวิตที่มีภาระและรับมากมายในเมืองหลวงของวุฒิ

เขาจึงไม่ค่อยมีเวลาหยุดพักผ่อนและขาดดการติดต่อกับทางบ้านเกิด

เขาเกิดภาวะตรึงเครียดสูงบ้างในบางครั้ง เขายังคงหนักใจเรื่องค่าเทอมของลูกสาว

เขาวาดอนาคตของใบเฟิร์นเอาไว้สวยหรู ด้วยมุ่งหมายอยากให้ลูกสาวมีโอกาส

จากแมวมองในวงการบันเทิงที่มักจะหาเด็กเข้าสังกัดจากโรงเรียนนานาชาติตามกรุงเทพมหานคร

ให้ได้เป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าเยาว์ผู้เป็นภรรยาดูมีท่าทีไม่สนับสนุน

เธอดูจะมีอคติเกี่ยวกับวงการบันเทิง เธอคิดว่าวุฒิยังคงมีใจและยังเสียดายที่วุฒิไม่ได้เป็นคู่ชีวิตของแววเพื่อนดาราสาวคนดัง

สิ่งนี้เองเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เธอคิดต่างจากที่สามีฝันถึงกับอนาคตของลูกสาว

แต่ในที่สุดวุฒิก็สามารถหาเหตุผลโน้มน้าวให้เยาว์ใจอ่อนยอมส่งเสียลูกสาวเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติตามที่วุฒิคาดหวัง


“แล้วก็สัปดาห์หน้าที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมวันเด็กนะคะคุณพ่อ

คุณครูที่โรงเรียนให้หนูร้องเพลงประกวดชิงรางวัลของโรงเรียนด้วย”

ใบเฟิร์นเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้วุฒิที่กำลังขับรถผ่านเส้นทางที่การจรจรดูเหมือนจะไม่สร้างความรื่นรมย์สักเท่าไหร่

“จริงเหรอลูก”

วุฒิตื่นเต้นด้วยความดีใจ

“จริงค่ะคุณพ่อ คุณครูให้หนูซ้อมร้องเพลงภาษาอังกฤษนึงเพลง แต่ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรดี หนูนึกไม่ออก”

“เดี๋ยวพ่อเลือกให้ เอาเพลงมายฮาร์ทวิวโกออนของมารายแครี่ ลูกว่าดีมั้ย พ่อชอบเพลงนี้”
ใบเฟิร์น “

เพลงอะไรเหรอคะคุณพ่อ”

เด็กสาวฉงนในสิ่งที่เขาได้ยินจากคำพูดของพ่อ

เมื่อวุฒิกล่าวถึงประกอบหนังดัง ตั้งแต่ครั้งสมัยที่ใบเฟิร์นยังไม่เกิด


“เพลงประกอบหนังฝรั่งเรื่องดังสมัยที่ลูกยังไม่เกิดน่ะ เดี๋ยวกลับบ้านพ่อจะเปิดแผ่นคาราโอเกะให้ฟัง”

วุฒิอธิบายถึงเพลงประกอบหนังไททานิค หนังฝรั่งชื่อดังที่เขาประทับใจในช่วงที่เพิ่งรู้จักกับเยาว์


“เฟิร์นร้องไม่เป็นน่ะคุณพ่อ”เด็กสาวพูดด้วยความไม่มั่นใจ


“เดี๋ยวฝึกร้องจากแผ่นคาราโอเกะที่บ้าน เดี๋ยวก็ร้องเก่งเองแหล่ะลูก”


“ ได้ค่ะคุณพ่อ” ลูกคนเก่งของวุฒิเริ่มคลายกังวล แล้วเอื้อมมือเปิดวิทยุหน้ารถ ฟังรายการเพลงข่าวต้นชั่วโมงห้าโมงเย็น


เป็นข่าวใหญ่ที่สุดในรอบวันเลยทีเดียวสำหรับข่าวของ คุณแวว วัชรา

นางเอกสาวชื่อดังที่ประกาศสละโสด

และกำลังจะเข้าประตูวิวาห์สายฟ้าแลบกันในสัปดาห์หน้า

กับเศรษฐีหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจพันล้านวัยสี่สิบโดยมีคฤหาสหรู

ใจกลางเมืองราคาร้อยล้านเป็นสินสอดสินสอด
.....................................................”

เสียงวิทยุยังดังต่อไป วุฒิเอะใจและงึงงันกับเสียงข่าวที่ได้ยินจากวิทยุ


เขาเอื้อมมือไปหมุนปุ่มเพิ่มความดังบนหน้าปัด ใบเฟิร์นตั้งใจฟังตามพ่ออย่างสนใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่