เรื่องเก่าเอามาเล่าต่อ ฝากติดตามและให้กำลังใจด้วยนะครับ
หล่มไฟร้ายรัก
ในบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดหน้ากว้างห้าเมตร สามห้องนอน สองห้องน้ำหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ชานเมืองมหานคร
ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูราคาแพงมียี่ห้อโด่งดังทางทีวี
มีการจัดวางข้าวของภายในบ้านอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นบ้านและที่ทำงานของ”วุฒิ”
ชายวัยรูปร่างสูงสมส่วน เขายังจำได้ดีถึงเมื่อครั้งที่เรียนมหาวิทยาลัยตอนที่พบรักกับ “เยาว์”
ภรรยาคู่ชีวิตที่ช่วยกันทำงานเป็นสถาปนิกในบ้านทาวน์เฮาส์ที่มีห้องทำงาน อยู่ชั้นล่าง
โดยมีเยาว์ภรรยาทำหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นคนออกแบบ ร่างแบบเพื่อส่งต่อให้ วุฒินำไปเขียนเป็นแบบก่อสร้าง
เพราะไม่ค่อยถนัดในการออกความคิดสร้างสรรค์ แต่จะถนัดในการเขียนแบบในคอมพิวเตอร์
เพื่อปริ้นซ์เป็นแบบก่อสร้างเพื่อส่งต่อให้ผู้ว่าจ้างในขั้นสุดท้ายของการรับจ้างทาน
ในทุกวันจันทร์ถึงศุกร์วุฒิต้องทำหน้าที่ขับรถพาลูกสาวคนโตไปเข้าโรงเรียนอินเตอร์
เขาขับรถเก๋งยี่ห้อตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเรียงกันที่เขาและเธอช่วยกันเลือกซื้อ
ด้วยเงินที่ทั้งคู่ช่วยกันเก็บหอมรอมริบตั้งแต่เริ่มแต่งงานอยู่กินกันมา
รถจอดไว้ในโรงจอดรถที่มุงด้วยหลังคาเมทัลชีทแผ่นสีเงินคล้ายสังกะสีแต่ดูใหม่เอี่ยม
บนเสาซีเมนต์ต้นใหญ่หนาดูมั่นคง วุฒิเดินเข้าบ้านตรงไปยังเก้าอี้ทำงาน
นั่งเบาะที่มีพนักพิงหลังสูงปุด้วยหนังเทียมสีดำ เขารู้สึกผ่อนคลายทันทีที่นั่งลง
ส่วนลูกชายคนเล็กเป็นหน้าที่ของเยาว์ในการดูแลพาไปขึ้นรถโรงเรียนที่มารับส่งถึงปากซอยหน้าหมู่บ้าน
หลังจากอาหารเช้าที่เธอเลือกซื้อเองจากตลาดในหมู่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่
เยาว์ต้องรับบทบาทเป็นคุณแม่และภรรยาเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน
เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจยามเช้าเพื่อลูกของทั้งสองสามีภรรยาที่ถูกต้องตามประเพณีและตามกฎหมาย
เสียงโทรทัศน์จากทีวีจอแบนขนาดสามสิบสองนิ้วที่เยาว์เปิดค้างไว้เมื่อตอนที่วุฒิไปส่งลูกสาวเข้าโรงเรียน
เขานั่งดูทีวีจอแบนอย่างจดจ่อ รายการข่าวของสถานียอดนิยม ดำเนินถึงช่วงข่าวบันเทิงในเช้าแก่ของวันจันทร์
“เยาว์คุณดูสิเดี่ยวนี้แววเพื่อนคุณเป็นดารามาตั้งแต่สมัยเรายังเรียน
มันรวยใหญ่แล้วนะซื้อบ้านหลังใหม่หรูเลย อยู่วงการนี้เขาคงมีรายได้ดี มากเลยนะผมว่า”
เขาเอ่ยถึงดาราสาวคนสวยอดีตเชียร์ลีดเดอร์ประจำมหาวิทยาลัยเก่าเพื่อนเก่าสมัยเรียนของเยาว์
ซึ่งปัจจุบันวุฒิใช้ชีวิตไปด้วยความรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองเหมือนคนที่ต้องวิ่งตามหลังคนอื่นอย่างไม่มีหวังว่าจะตามทัน
“ยังรักเขาอยู่ละสิ ทั้งสวยและรวยด้วยไม่เคยเห็นมีข่าวกับผู้ชายคนไหนอีกต่างหาก”
เธอพูดประชด
“คุณนี่ก็พูดอะไรที่มันสร้างสรรค์หน่อยสิ ป่านนี้เขามีลูกมีผัวไปแล้วมั้ง
คนสวยๆวงการนี้ชอบปิดข่าวเรื่องส่วนตัว คุณไม่รู้หรอกเหรอ แม้เราจะไม่เคยเห็นมีข่าว”
วุฒิบ่นอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินภรรยาพูดอย่างนั้น เขาเดินออกไปบ้าน
นั่งลงที่ม้านั่งใต้ต้นมะม่วง แล้วยกแบบที่เขาเพิ่งปรินซ์มาตรวจทาน เยาว์เดินมานั่งสมทบที่ม้านั่งฝั่ตรงข้าม
ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องงานที่ยังค้างส่งมอบให้ลูกค้า ที่ยังทำไม่เสร็จ
“แบบที่ฉันร่างมาให้คุณเขียนแบบขออนุญาตปลูกสร้าง ฉันขอแก้ไขใหม่อีกรอบ แบบมันยังไม่ลงตัว”
“นี่คุณแก้แบบมาสองรอบแล้วนะ นี่จะแก้อีกเป็นครั้งที่สาม ผมไม่ไหวจะเขียนแบบใหม่แล้วนะ
ยังไงก็สรุปให้แน่นอนสิ ลูกค้าคุณวิทย์ เขาคงไม่ซีเรียสเรื่องแบบเท่าไหร่
เพราะล่าสุดที่คุยกันกับผม เขายังบอกกำชับให้ผมเรื่องมือ จะได้ขออนุญาตทางเทศบาลให้ผ่านไว
นี่เขารอมาตั้งสองสามเดือนเข้าแล้ว คุณน่าจะตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะออกแบบบ้านหลังนี้ยังไง
ทำๆให้จบๆงานไปเถอะ”
วุฒิบ่นด้วยความเหนื่อยกับงานที่ยังไม่เสร็จ
“เออน่าคุณ งานนี้น่ะฉันตั้งใจออกแบบสุดฝีมือ
หลังจากบ้านสร้างเสร็จฉันจะลองส่งผลงานของเราไปให้นิตยสารมีทำรีวิว
เราจะได้มีประวัติผลงานลงนิตยสาร จะได้มีอะไรอ้างลูกค้า เวลาโปรโมทรับงานมาทำไง”
“ก็แล้วแต่คุณ ก็ดีอย่างเราสองคนจะได้มีชื่อเสียงในวงการกะเขาบ้าง
ลำพังรับงานฟรีแลนซ์นานๆจะได้งานเข้ามาทำทีนึง เงินยังไม่พอใช้เลย
เดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ลูกค้ารวยๆมาจ้างให้ออกแบบ เขียนแบบ อย่างคุณวิทย์ หายากกว่าเมื่อก่อน”
วุฒิพูดสมทบ เขากำลังเบื่อหน่ายกับปัญหาเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเขาและภรรยา
เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี งานให้ทำยิ่งมีน้อย เพราะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสองสามีภรรยา
ก็โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานไปตามๆกัน จะหาคนมีเงินถุงเงินถังมาลงทุนก่อสร้างยาก เงินซื้อบ้านและรถที่เป็นสินสมรสของทั้งคู่เป็นการซื้อด้วยเงินสด เขา
ภูมิใจกับสิ่งที่เขาและภรรยาหามาได้ตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจดี
วงการก่อสร้างขยายตัวมีทำให้เขามีลูกค้ารวยๆมาจ้างงานให้เขาเขียนแบบ ไม่ขาดสาย
ในขณะเดียวกันที่คนรุ่นราวคราวเดียวกับสองสามีภรรยาต้องทำงาน
ซึ่งเพื่อนฝูงส่วนใหญ่สองทั้งสองต่างทำงานประจำแยกย้ายกันไปอยู่ตามบ้านเกิดของตัวเองหลังจากร่ำเรียนสำเร็จการศึกษาแล้ว
ในยามว่างช่วงวันหยุดกิจกรรมผ่อนคลายที่สองสามีภรรยาก็คือการพาลูกออกไปทานอาหารนอกบ้านท่องเที่ยวต่างหวัดบ้าง
ทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาไปพบปะเพื่อนเก่าสักเท่าไหร่เพราะทุกคนล้วนมีภาระครอบครัวให้ดูแล
คงมีแต่เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันกับที่เขาอาศัยอยู่นี้
ในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่วุฒิไปรับลูกสาวจากโรงเรียนระหว่างทางที่กลับบ้าน
ลูกสาวที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้ารถข้างคนขับ บนถนนที่การจราจรวันนี้สะดวกโล่ง มีรถเมถ์ เท๊กซี่และมอเตอร์ไซค์
วิ่งอยู่ประปรายอย่างคล่องตัวทีเดียว เขาพูดคุยถึงอนาคตขอเทอมแพงลูกสาวที่เขาอุตสาห์ส่งเสียให้เรียนในโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงยิบ
“วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างลูก เรียนที่โรงเรียนสนุกดีมั้ยลูก”
“สนุกมากเลยค่ะ วันนี้คุณครูที่โรงเรียนสอนให้หนูวาดรูปบ้านในฝันด้วยค่ะคุณพ่อ”
ลูกสาวคนสวยเอ่ยตอบ
“เหรอ เมื่อตอนสมัยที่พ่อเป็นเด็กเหมือนลูก พ่อเคยได้คะแนนเต็มวิชาวาดเขียนจากคุณครูเลยนะ”
แม้จะมีท่าทีเรียบเฉยเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวเล่าให้ฟังแต่เขาก็คุยฟุ้งถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กนักเรียนประถมที่บ้านเกิด
ซึ่งเขาเป็นเด็กเรียนเก่งที่สอบได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนเป็นประจำ
และสิ่งที่เขาชอบและถนัดที่จะทำอย่างหนึ่งมา
ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านนอกที่ห่างไกลความเจริญ
คือการวาดรูปด้วยดินสอชนวนขีดๆเขียนๆลงบนแผ่นหินตามจินตนาการที่มีประสาเด็กบ้านนอก
เขาได้รับคำชมจากครูและเพื่อนในโรงเรียนทุกครั้งที่มีการวาดรูปส่งครูประจำชั้น
และก็เป็นความสามารถที่ติดตัวเขาเรื่อยมา ตั้งแต่เป็นเด็กชั้นประถมศึกษาที่บ้านเกิด
จนถึงตอนที่เขาเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนประจำอำเภอ
ทำให้เขาเลือกที่จะสอบเข้าเรียนสถาปัตย์ เมื่อครั้งสอบชิงทุนการศึกษาได้เข้าเรียนระดับปริญญา
จนสามารถสอบรับใบประกอบวิชาชีพสถาปนิก อาชีพในฝันของเขามาเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก
แต่เดี๋ยวอาชีพในฝันที่เขาพากเพียรมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กบ้านนอกไม่สามารถนำมาซึ่งฐานะและความสุขใจ
ถึงโอกาสทางการศึกษาจะเข้าไปไม่ถึงแต่ด้วยความที่วุฒิเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานเป็นทุนเดิม
ทำให้เขาเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน และด้วยฐานะทางครอบครัวที่ดีกว่าเด็กคนอื่น
ที่กำเนิดมาจากท้องไร่ท้องนาในหมู่บ้านเดียวกัน
ทำให้วุฒิมีโอกาสมากกว่าการเรียนเขียนอ่านตามปกติในโรงเรียน นั่นคือการดูได้ทีวี
ตามปกติที่หมู่บ้านชายทุ่งห่างไกลจากตัวอำเภอราวห้าสิบกิโลเมตร
ในยุคที่รัฐบาลสมัยนั้นเริ่มต้นเพิ่งโครงการเร่งรัดพัฒนาชนบทเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์
ให้เท่าเทียมอารยประเทศ เครื่องรับโทรทัศน์เพียงเครื่องเดียวของหมู่บ้านตั้งอยู่กลางบ้านไม้หลังใหญ่ของเขา
ภาพบรรยากาศแห่งความทรงจำสมัยยังเป็นเด็กตัวเล็กอายุรุ่นราวใบเฟิร์นคือช่วงที่นั่งบนตักพ่อเพื่
อชมรายการทีวีที่ตั้งอยู่ตรงหน้าบนโต๊ะไม้เต็ง ในวันหยุดอย่างจดจ่อ ยังคงอยู่ในความคิดของวุฒิเรื่อยมา
ชีวิตที่มีภาระและรับมากมายในเมืองหลวงของวุฒิ
เขาจึงไม่ค่อยมีเวลาหยุดพักผ่อนและขาดดการติดต่อกับทางบ้านเกิด
เขาเกิดภาวะตรึงเครียดสูงบ้างในบางครั้ง เขายังคงหนักใจเรื่องค่าเทอมของลูกสาว
เขาวาดอนาคตของใบเฟิร์นเอาไว้สวยหรู ด้วยมุ่งหมายอยากให้ลูกสาวมีโอกาส
จากแมวมองในวงการบันเทิงที่มักจะหาเด็กเข้าสังกัดจากโรงเรียนนานาชาติตามกรุงเทพมหานคร
ให้ได้เป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าเยาว์ผู้เป็นภรรยาดูมีท่าทีไม่สนับสนุน
เธอดูจะมีอคติเกี่ยวกับวงการบันเทิง เธอคิดว่าวุฒิยังคงมีใจและยังเสียดายที่วุฒิไม่ได้เป็นคู่ชีวิตของแววเพื่อนดาราสาวคนดัง
สิ่งนี้เองเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เธอคิดต่างจากที่สามีฝันถึงกับอนาคตของลูกสาว
แต่ในที่สุดวุฒิก็สามารถหาเหตุผลโน้มน้าวให้เยาว์ใจอ่อนยอมส่งเสียลูกสาวเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติตามที่วุฒิคาดหวัง
“แล้วก็สัปดาห์หน้าที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมวันเด็กนะคะคุณพ่อ
คุณครูที่โรงเรียนให้หนูร้องเพลงประกวดชิงรางวัลของโรงเรียนด้วย”
ใบเฟิร์นเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้วุฒิที่กำลังขับรถผ่านเส้นทางที่การจรจรดูเหมือนจะไม่สร้างความรื่นรมย์สักเท่าไหร่
“จริงเหรอลูก”
วุฒิตื่นเต้นด้วยความดีใจ
“จริงค่ะคุณพ่อ คุณครูให้หนูซ้อมร้องเพลงภาษาอังกฤษนึงเพลง แต่ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรดี หนูนึกไม่ออก”
“เดี๋ยวพ่อเลือกให้ เอาเพลงมายฮาร์ทวิวโกออนของมารายแครี่ ลูกว่าดีมั้ย พ่อชอบเพลงนี้”
ใบเฟิร์น “
เพลงอะไรเหรอคะคุณพ่อ”
เด็กสาวฉงนในสิ่งที่เขาได้ยินจากคำพูดของพ่อ
เมื่อวุฒิกล่าวถึงประกอบหนังดัง ตั้งแต่ครั้งสมัยที่ใบเฟิร์นยังไม่เกิด
“เพลงประกอบหนังฝรั่งเรื่องดังสมัยที่ลูกยังไม่เกิดน่ะ เดี๋ยวกลับบ้านพ่อจะเปิดแผ่นคาราโอเกะให้ฟัง”
วุฒิอธิบายถึงเพลงประกอบหนังไททานิค หนังฝรั่งชื่อดังที่เขาประทับใจในช่วงที่เพิ่งรู้จักกับเยาว์
“เฟิร์นร้องไม่เป็นน่ะคุณพ่อ”เด็กสาวพูดด้วยความไม่มั่นใจ
“เดี๋ยวฝึกร้องจากแผ่นคาราโอเกะที่บ้าน เดี๋ยวก็ร้องเก่งเองแหล่ะลูก”
“ ได้ค่ะคุณพ่อ” ลูกคนเก่งของวุฒิเริ่มคลายกังวล แล้วเอื้อมมือเปิดวิทยุหน้ารถ ฟังรายการเพลงข่าวต้นชั่วโมงห้าโมงเย็น
“
เป็นข่าวใหญ่ที่สุดในรอบวันเลยทีเดียวสำหรับข่าวของ คุณแวว วัชรา
นางเอกสาวชื่อดังที่ประกาศสละโสด
และกำลังจะเข้าประตูวิวาห์สายฟ้าแลบกันในสัปดาห์หน้า
กับเศรษฐีหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจพันล้านวัยสี่สิบโดยมีคฤหาสหรู
ใจกลางเมืองราคาร้อยล้านเป็นสินสอดสินสอด.....................................................”
เสียงวิทยุยังดังต่อไป วุฒิเอะใจและงึงงันกับเสียงข่าวที่ได้ยินจากวิทยุ
เขาเอื้อมมือไปหมุนปุ่มเพิ่มความดังบนหน้าปัด ใบเฟิร์นตั้งใจฟังตามพ่ออย่างสนใจ
นวนิยาย ห้วงไฟเก่า ฝากวิจารณ์ เสนอแนะ ครับ
ในบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดหน้ากว้างห้าเมตร สามห้องนอน สองห้องน้ำหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ชานเมืองมหานคร
ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูราคาแพงมียี่ห้อโด่งดังทางทีวี
มีการจัดวางข้าวของภายในบ้านอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นบ้านและที่ทำงานของ”วุฒิ”
ชายวัยรูปร่างสูงสมส่วน เขายังจำได้ดีถึงเมื่อครั้งที่เรียนมหาวิทยาลัยตอนที่พบรักกับ “เยาว์”
ภรรยาคู่ชีวิตที่ช่วยกันทำงานเป็นสถาปนิกในบ้านทาวน์เฮาส์ที่มีห้องทำงาน อยู่ชั้นล่าง
โดยมีเยาว์ภรรยาทำหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นคนออกแบบ ร่างแบบเพื่อส่งต่อให้ วุฒินำไปเขียนเป็นแบบก่อสร้าง
เพราะไม่ค่อยถนัดในการออกความคิดสร้างสรรค์ แต่จะถนัดในการเขียนแบบในคอมพิวเตอร์
เพื่อปริ้นซ์เป็นแบบก่อสร้างเพื่อส่งต่อให้ผู้ว่าจ้างในขั้นสุดท้ายของการรับจ้างทาน
ในทุกวันจันทร์ถึงศุกร์วุฒิต้องทำหน้าที่ขับรถพาลูกสาวคนโตไปเข้าโรงเรียนอินเตอร์
เขาขับรถเก๋งยี่ห้อตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเรียงกันที่เขาและเธอช่วยกันเลือกซื้อ
ด้วยเงินที่ทั้งคู่ช่วยกันเก็บหอมรอมริบตั้งแต่เริ่มแต่งงานอยู่กินกันมา
รถจอดไว้ในโรงจอดรถที่มุงด้วยหลังคาเมทัลชีทแผ่นสีเงินคล้ายสังกะสีแต่ดูใหม่เอี่ยม
บนเสาซีเมนต์ต้นใหญ่หนาดูมั่นคง วุฒิเดินเข้าบ้านตรงไปยังเก้าอี้ทำงาน
นั่งเบาะที่มีพนักพิงหลังสูงปุด้วยหนังเทียมสีดำ เขารู้สึกผ่อนคลายทันทีที่นั่งลง
ส่วนลูกชายคนเล็กเป็นหน้าที่ของเยาว์ในการดูแลพาไปขึ้นรถโรงเรียนที่มารับส่งถึงปากซอยหน้าหมู่บ้าน
หลังจากอาหารเช้าที่เธอเลือกซื้อเองจากตลาดในหมู่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่
เยาว์ต้องรับบทบาทเป็นคุณแม่และภรรยาเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน
เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจยามเช้าเพื่อลูกของทั้งสองสามีภรรยาที่ถูกต้องตามประเพณีและตามกฎหมาย
เสียงโทรทัศน์จากทีวีจอแบนขนาดสามสิบสองนิ้วที่เยาว์เปิดค้างไว้เมื่อตอนที่วุฒิไปส่งลูกสาวเข้าโรงเรียน
เขานั่งดูทีวีจอแบนอย่างจดจ่อ รายการข่าวของสถานียอดนิยม ดำเนินถึงช่วงข่าวบันเทิงในเช้าแก่ของวันจันทร์
“เยาว์คุณดูสิเดี่ยวนี้แววเพื่อนคุณเป็นดารามาตั้งแต่สมัยเรายังเรียน
มันรวยใหญ่แล้วนะซื้อบ้านหลังใหม่หรูเลย อยู่วงการนี้เขาคงมีรายได้ดี มากเลยนะผมว่า”
เขาเอ่ยถึงดาราสาวคนสวยอดีตเชียร์ลีดเดอร์ประจำมหาวิทยาลัยเก่าเพื่อนเก่าสมัยเรียนของเยาว์
ซึ่งปัจจุบันวุฒิใช้ชีวิตไปด้วยความรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองเหมือนคนที่ต้องวิ่งตามหลังคนอื่นอย่างไม่มีหวังว่าจะตามทัน
“ยังรักเขาอยู่ละสิ ทั้งสวยและรวยด้วยไม่เคยเห็นมีข่าวกับผู้ชายคนไหนอีกต่างหาก”
เธอพูดประชด
“คุณนี่ก็พูดอะไรที่มันสร้างสรรค์หน่อยสิ ป่านนี้เขามีลูกมีผัวไปแล้วมั้ง
คนสวยๆวงการนี้ชอบปิดข่าวเรื่องส่วนตัว คุณไม่รู้หรอกเหรอ แม้เราจะไม่เคยเห็นมีข่าว”
วุฒิบ่นอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินภรรยาพูดอย่างนั้น เขาเดินออกไปบ้าน
นั่งลงที่ม้านั่งใต้ต้นมะม่วง แล้วยกแบบที่เขาเพิ่งปรินซ์มาตรวจทาน เยาว์เดินมานั่งสมทบที่ม้านั่งฝั่ตรงข้าม
ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องงานที่ยังค้างส่งมอบให้ลูกค้า ที่ยังทำไม่เสร็จ
“แบบที่ฉันร่างมาให้คุณเขียนแบบขออนุญาตปลูกสร้าง ฉันขอแก้ไขใหม่อีกรอบ แบบมันยังไม่ลงตัว”
“นี่คุณแก้แบบมาสองรอบแล้วนะ นี่จะแก้อีกเป็นครั้งที่สาม ผมไม่ไหวจะเขียนแบบใหม่แล้วนะ
ยังไงก็สรุปให้แน่นอนสิ ลูกค้าคุณวิทย์ เขาคงไม่ซีเรียสเรื่องแบบเท่าไหร่
เพราะล่าสุดที่คุยกันกับผม เขายังบอกกำชับให้ผมเรื่องมือ จะได้ขออนุญาตทางเทศบาลให้ผ่านไว
นี่เขารอมาตั้งสองสามเดือนเข้าแล้ว คุณน่าจะตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะออกแบบบ้านหลังนี้ยังไง
ทำๆให้จบๆงานไปเถอะ”
วุฒิบ่นด้วยความเหนื่อยกับงานที่ยังไม่เสร็จ
“เออน่าคุณ งานนี้น่ะฉันตั้งใจออกแบบสุดฝีมือ
หลังจากบ้านสร้างเสร็จฉันจะลองส่งผลงานของเราไปให้นิตยสารมีทำรีวิว
เราจะได้มีประวัติผลงานลงนิตยสาร จะได้มีอะไรอ้างลูกค้า เวลาโปรโมทรับงานมาทำไง”
“ก็แล้วแต่คุณ ก็ดีอย่างเราสองคนจะได้มีชื่อเสียงในวงการกะเขาบ้าง
ลำพังรับงานฟรีแลนซ์นานๆจะได้งานเข้ามาทำทีนึง เงินยังไม่พอใช้เลย
เดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ลูกค้ารวยๆมาจ้างให้ออกแบบ เขียนแบบ อย่างคุณวิทย์ หายากกว่าเมื่อก่อน”
วุฒิพูดสมทบ เขากำลังเบื่อหน่ายกับปัญหาเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเขาและภรรยา
เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี งานให้ทำยิ่งมีน้อย เพราะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสองสามีภรรยา
ก็โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานไปตามๆกัน จะหาคนมีเงินถุงเงินถังมาลงทุนก่อสร้างยาก เงินซื้อบ้านและรถที่เป็นสินสมรสของทั้งคู่เป็นการซื้อด้วยเงินสด เขา
ภูมิใจกับสิ่งที่เขาและภรรยาหามาได้ตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจดี
วงการก่อสร้างขยายตัวมีทำให้เขามีลูกค้ารวยๆมาจ้างงานให้เขาเขียนแบบ ไม่ขาดสาย
ในขณะเดียวกันที่คนรุ่นราวคราวเดียวกับสองสามีภรรยาต้องทำงาน
ซึ่งเพื่อนฝูงส่วนใหญ่สองทั้งสองต่างทำงานประจำแยกย้ายกันไปอยู่ตามบ้านเกิดของตัวเองหลังจากร่ำเรียนสำเร็จการศึกษาแล้ว
ในยามว่างช่วงวันหยุดกิจกรรมผ่อนคลายที่สองสามีภรรยาก็คือการพาลูกออกไปทานอาหารนอกบ้านท่องเที่ยวต่างหวัดบ้าง
ทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาไปพบปะเพื่อนเก่าสักเท่าไหร่เพราะทุกคนล้วนมีภาระครอบครัวให้ดูแล
คงมีแต่เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันกับที่เขาอาศัยอยู่นี้
ในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่วุฒิไปรับลูกสาวจากโรงเรียนระหว่างทางที่กลับบ้าน
ลูกสาวที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้ารถข้างคนขับ บนถนนที่การจราจรวันนี้สะดวกโล่ง มีรถเมถ์ เท๊กซี่และมอเตอร์ไซค์
วิ่งอยู่ประปรายอย่างคล่องตัวทีเดียว เขาพูดคุยถึงอนาคตขอเทอมแพงลูกสาวที่เขาอุตสาห์ส่งเสียให้เรียนในโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงยิบ
“วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างลูก เรียนที่โรงเรียนสนุกดีมั้ยลูก”
“สนุกมากเลยค่ะ วันนี้คุณครูที่โรงเรียนสอนให้หนูวาดรูปบ้านในฝันด้วยค่ะคุณพ่อ”
ลูกสาวคนสวยเอ่ยตอบ
“เหรอ เมื่อตอนสมัยที่พ่อเป็นเด็กเหมือนลูก พ่อเคยได้คะแนนเต็มวิชาวาดเขียนจากคุณครูเลยนะ”
แม้จะมีท่าทีเรียบเฉยเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวเล่าให้ฟังแต่เขาก็คุยฟุ้งถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กนักเรียนประถมที่บ้านเกิด
ซึ่งเขาเป็นเด็กเรียนเก่งที่สอบได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนเป็นประจำ
และสิ่งที่เขาชอบและถนัดที่จะทำอย่างหนึ่งมา
ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านนอกที่ห่างไกลความเจริญ
คือการวาดรูปด้วยดินสอชนวนขีดๆเขียนๆลงบนแผ่นหินตามจินตนาการที่มีประสาเด็กบ้านนอก
เขาได้รับคำชมจากครูและเพื่อนในโรงเรียนทุกครั้งที่มีการวาดรูปส่งครูประจำชั้น
และก็เป็นความสามารถที่ติดตัวเขาเรื่อยมา ตั้งแต่เป็นเด็กชั้นประถมศึกษาที่บ้านเกิด
จนถึงตอนที่เขาเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนประจำอำเภอ
ทำให้เขาเลือกที่จะสอบเข้าเรียนสถาปัตย์ เมื่อครั้งสอบชิงทุนการศึกษาได้เข้าเรียนระดับปริญญา
จนสามารถสอบรับใบประกอบวิชาชีพสถาปนิก อาชีพในฝันของเขามาเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก
แต่เดี๋ยวอาชีพในฝันที่เขาพากเพียรมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กบ้านนอกไม่สามารถนำมาซึ่งฐานะและความสุขใจ
ถึงโอกาสทางการศึกษาจะเข้าไปไม่ถึงแต่ด้วยความที่วุฒิเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานเป็นทุนเดิม
ทำให้เขาเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน และด้วยฐานะทางครอบครัวที่ดีกว่าเด็กคนอื่น
ที่กำเนิดมาจากท้องไร่ท้องนาในหมู่บ้านเดียวกัน
ทำให้วุฒิมีโอกาสมากกว่าการเรียนเขียนอ่านตามปกติในโรงเรียน นั่นคือการดูได้ทีวี
ตามปกติที่หมู่บ้านชายทุ่งห่างไกลจากตัวอำเภอราวห้าสิบกิโลเมตร
ในยุคที่รัฐบาลสมัยนั้นเริ่มต้นเพิ่งโครงการเร่งรัดพัฒนาชนบทเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์
ให้เท่าเทียมอารยประเทศ เครื่องรับโทรทัศน์เพียงเครื่องเดียวของหมู่บ้านตั้งอยู่กลางบ้านไม้หลังใหญ่ของเขา
ภาพบรรยากาศแห่งความทรงจำสมัยยังเป็นเด็กตัวเล็กอายุรุ่นราวใบเฟิร์นคือช่วงที่นั่งบนตักพ่อเพื่
อชมรายการทีวีที่ตั้งอยู่ตรงหน้าบนโต๊ะไม้เต็ง ในวันหยุดอย่างจดจ่อ ยังคงอยู่ในความคิดของวุฒิเรื่อยมา
ชีวิตที่มีภาระและรับมากมายในเมืองหลวงของวุฒิ
เขาจึงไม่ค่อยมีเวลาหยุดพักผ่อนและขาดดการติดต่อกับทางบ้านเกิด
เขาเกิดภาวะตรึงเครียดสูงบ้างในบางครั้ง เขายังคงหนักใจเรื่องค่าเทอมของลูกสาว
เขาวาดอนาคตของใบเฟิร์นเอาไว้สวยหรู ด้วยมุ่งหมายอยากให้ลูกสาวมีโอกาส
จากแมวมองในวงการบันเทิงที่มักจะหาเด็กเข้าสังกัดจากโรงเรียนนานาชาติตามกรุงเทพมหานคร
ให้ได้เป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าเยาว์ผู้เป็นภรรยาดูมีท่าทีไม่สนับสนุน
เธอดูจะมีอคติเกี่ยวกับวงการบันเทิง เธอคิดว่าวุฒิยังคงมีใจและยังเสียดายที่วุฒิไม่ได้เป็นคู่ชีวิตของแววเพื่อนดาราสาวคนดัง
สิ่งนี้เองเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เธอคิดต่างจากที่สามีฝันถึงกับอนาคตของลูกสาว
แต่ในที่สุดวุฒิก็สามารถหาเหตุผลโน้มน้าวให้เยาว์ใจอ่อนยอมส่งเสียลูกสาวเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติตามที่วุฒิคาดหวัง
“แล้วก็สัปดาห์หน้าที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมวันเด็กนะคะคุณพ่อ
คุณครูที่โรงเรียนให้หนูร้องเพลงประกวดชิงรางวัลของโรงเรียนด้วย”
ใบเฟิร์นเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้วุฒิที่กำลังขับรถผ่านเส้นทางที่การจรจรดูเหมือนจะไม่สร้างความรื่นรมย์สักเท่าไหร่
“จริงเหรอลูก”
วุฒิตื่นเต้นด้วยความดีใจ
“จริงค่ะคุณพ่อ คุณครูให้หนูซ้อมร้องเพลงภาษาอังกฤษนึงเพลง แต่ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรดี หนูนึกไม่ออก”
“เดี๋ยวพ่อเลือกให้ เอาเพลงมายฮาร์ทวิวโกออนของมารายแครี่ ลูกว่าดีมั้ย พ่อชอบเพลงนี้”
ใบเฟิร์น “
เพลงอะไรเหรอคะคุณพ่อ”
เด็กสาวฉงนในสิ่งที่เขาได้ยินจากคำพูดของพ่อ
เมื่อวุฒิกล่าวถึงประกอบหนังดัง ตั้งแต่ครั้งสมัยที่ใบเฟิร์นยังไม่เกิด
“เพลงประกอบหนังฝรั่งเรื่องดังสมัยที่ลูกยังไม่เกิดน่ะ เดี๋ยวกลับบ้านพ่อจะเปิดแผ่นคาราโอเกะให้ฟัง”
วุฒิอธิบายถึงเพลงประกอบหนังไททานิค หนังฝรั่งชื่อดังที่เขาประทับใจในช่วงที่เพิ่งรู้จักกับเยาว์
“เฟิร์นร้องไม่เป็นน่ะคุณพ่อ”เด็กสาวพูดด้วยความไม่มั่นใจ
“เดี๋ยวฝึกร้องจากแผ่นคาราโอเกะที่บ้าน เดี๋ยวก็ร้องเก่งเองแหล่ะลูก”
“ ได้ค่ะคุณพ่อ” ลูกคนเก่งของวุฒิเริ่มคลายกังวล แล้วเอื้อมมือเปิดวิทยุหน้ารถ ฟังรายการเพลงข่าวต้นชั่วโมงห้าโมงเย็น
“ เป็นข่าวใหญ่ที่สุดในรอบวันเลยทีเดียวสำหรับข่าวของ คุณแวว วัชรา
นางเอกสาวชื่อดังที่ประกาศสละโสด
และกำลังจะเข้าประตูวิวาห์สายฟ้าแลบกันในสัปดาห์หน้า
กับเศรษฐีหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจพันล้านวัยสี่สิบโดยมีคฤหาสหรู
ใจกลางเมืองราคาร้อยล้านเป็นสินสอดสินสอด.....................................................”
เสียงวิทยุยังดังต่อไป วุฒิเอะใจและงึงงันกับเสียงข่าวที่ได้ยินจากวิทยุ
เขาเอื้อมมือไปหมุนปุ่มเพิ่มความดังบนหน้าปัด ใบเฟิร์นตั้งใจฟังตามพ่ออย่างสนใจ