:::[Nadech&Yaya Club]::: เมื่อรักเดินทาง...มาเจอกัน ตอนที่ 155 : " แค่มองตา...ก็รู้ใจ "

กระทู้สนทนา
แตกประเด็นจาก http://pantip.com/topic/32696669

Hello! จ้า ได้หัวข้อกระทู้มาจากหนูนา เลยหาบทความดีๆ มาโพสเป็นหัวกระทู้ซะเลย อิอิ


อมยิ้ม33อมยิ้ม33อมยิ้ม33


มองตากันแล้วรู้ใจ มันเป็นไปได้จริงหรือ ?

โดย คุณหลวง

“ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ” คือคำกล่าวที่เราเคยได้ยินกันมา แต่ก็มักจะหลงลืมไป หรือไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร ทั้งที่จริงๆ แล้ว ดวงตาของเราแต่ละคน สามารถสื่อสารได้ลึกซึ้งกว่าคำพูด บอกความจริงได้กระจ่างชัด โดยไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำเดียว เชือหรือไม่ ?

เราทราบกันว่า ภาษาใดๆ ในโลกนี้แบ่งออกเป็น 2 อย่างคือ หนึ่ง “วัจนภาษา” คือภาษาที่ใช้คำพูด อาจมีตัวอักษรหรือไม่มีก็ได้ และสอง “อวัจนภาษา” คือภาษาท่าทาง ที่แสดงออกทางร่างกายทั้งที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจ แต่จริงๆ แล้ว ยังมีภาษาอีกชนิดหนึ่ง ที่เราทุกคนรู้จักกันดี แสดงออกเป็นประจำ แต่ก็มักจะไม่ค่อยสนใจกันนัก นั่นก็คือ “ความรู้สึก”

ความรู้สึกเป็นภาษาที่แท้จริง ที่ไม่อาจโกหกบิดเบือนได้ แม้ว่าคำพูดหรือท่าทางจะเป็นอย่างไร แต่ความรู้สึกนั้นไม่อาจเสแสร้งปั้นแต่ง แต่ทว่า วิธีการสื่อสาร หรือการอ่านความรู้สึกนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

สำหรับคนในครอบครัว คนใกล้ชิด คนที่คบหากันมานาน หรือใครบางคนที่ “คลิ๊ก” บางสิ่งบางอย่างกัน การอ่านความรู้สึกจะง่ายกว่าการพยายามอ่านจากคนที่ไม่คุ้นเคย

เช่น เพื่อนสนิทเราเพิ่งจะอกหัก และไม่ได้บอกใคร แม้ว่าเขาจะร่าเริงเป็นปกติ แต่กลับมี “บางอย่าง” ที่ทำให้เรารู้สึกว่า จริงๆ แล้วเขาเศร้ามาก, น้องของเรามาขอเงินแม่โดยบอกว่า อยากจะเรียนพิเศษเพิ่ม แต่เรากลับรู้สึกได้ว่า น้องของเรามี “บางอย่าง” ในน้ำเสียงซึ่งกำลังปิดบังอยู่, เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมักจะชอบมองเรา และเรารู้สึกได้ว่ามี “บางอย่าง”อยู่หลังดวงตาคู่นั้น ,เพื่อนคนหนึ่งมาร้องไห้บอกว่า พ่อเข้าโรงพยาบาลไม่มีเงินผ่าตัด อยากจะขอยืมเงินจำนวนหนึ่ง แต่เรารู้สึกถึง “บางอย่าง” ว่าเขาไม่ได้พูดความจริง หรือ นักกีฬาคู่หูที่ร่วมทีมกันมานาน แค่มองตากันแว้บเดียว ก็รู้ถึง “บางอย่าง” รู้ถึงทิศทางที่จะต้องดำเนินเกม โดยไม่ต้องพูดกันสักคำ

“บางอย่าง” ที่ว่านี้ คือความจริงที่ไม่ได้พูดออกมา แต่สามารถรับรู้ได้

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาแสดงออกนั้น เราเชื่อได้แค่ไหน ?

กระจกที่สามารถสะท้อนความรู้สึกในใจออกมาได้นั้น ก็คือ “ดวงตา” นั่นเอง

ขณะที่เรากำลังสนทนากับใคร ลองมองเข้าไปในดวงตาของคู่สนทนาของเรา โดยขอให้มองเขาเสมือนเราเป็นเครื่องบันทึกเสียง ที่จะรับทุกสื่งทุกอย่างที่เขาพูด โดยไม่คาดคั้น ไม่จับผิด ไม่คุกคาม ไม่ตัดสิน ไม่ว่าคำพูดหรือท่าทางของเขาจะเป็นอย่างไร เราจะค่อยๆ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของเขา

แน่นอน เราไม่อาจสื่อสารกันได้ เพียงแค่การมองตา เราจำเป็นต้องพูด ต้องแสดงออก แต่บ่อยครั้ง ที่เราไม่อาจสื่อสารได้ด้วยคำพูดหรือการแสดงออก แต่แค่ “มองตา” กันเท่านั้น เราก็เข้าใจทุกอย่างทันที

เราไม่ค่อยเชื่อเรื่องความรู้สึกกันนัก อาจเพราะเราเติบโตมาในสังคมที่ให้ความสำคัญกับเหตุผล เราเชื่อในสมองมากกว่าหัวใจ เราอาจคิดอะไรได้มากมาย คิดกลับไปกลับมาได้ไม่รู้จบ แต่ในที่สุดแล้ว เราจะต้องเลือกตามที่หัวใจเราเรียกร้อง เพราะเราไม่อาจฝืนความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองได้

การ “มองตาแล้วรู้ใจ” ฟังผ่านๆ ก็เป็นแค่สำนวน แต่ถ้าเราต้องการที่จะมองตาแล้วรู้ใจคน กลับไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่เราต้องให้ความสำคัญกับการรับฟัง และการสัมผัสกับความรู้สึกด้วยการมองเข้าไปในดวงตาให้มากขึ้น แล้วสักวันหนึ่ง เราอาจจะเข้าใจคนอื่นได้ โดยไม่ต้องพูดให้มากเลย



หัวใจหัวใจหัวใจหัวใจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่