โยโย่เอฟเฟกต์ - คนคิดจะลดน้ำหนัก ต้องอ่าน !!! (จากเพจ Strong by Science)

กระทู้สนทนา
พอดีไปเจอบทความน่าสนใจจากเพจ Strong by Science มาค่ะ
ลิงค์นี้เลย>>> https://www.facebook.com/strongbyscience/posts/1556624271220164

แอดมินเขียนไว้ได้ใจความ อ่านสนุก เข้าใจง่ายมาก หลายๆ คนอาจจะไม่ได้ติดตามเพจนี้อยู่
เลยขออนุญาตเจ้าของบทความนำมาลงในพันทิพนะคะ จะได้อ่านกันทั่วๆ
เพราะมีคนยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ และใช้วิธีผิดๆ กันอยู่มากเลยทีเดียวค่ะ
เห็นสูตรประเภทกินวันละ 500 kcal   / สูตร 7 วันบรรลัย / สูตรอดมื้อเย็น แล้วรู้สึกเพลียมาก
ลองใช้ smart search ดูแล้ว เห็นยังไม่มีใครลงไว้ ..... ขอคัดลอกมาให้อ่านกันเลยแล้วกันนะคะ






เห็นกระทู้ลดน้ำหนัก ในพันทิปแล้วอดทนไม่ได้ ...

มีชีวิตอยู่กันได้ยังไง .. นั่นกินหรือเอามาดมเฉยๆ แล้วถ่ายรูป ..
“ สูตรลด 10 วัน 10 โล “

“ อย่ากินแป้ง ตัดไปเลยยิ่งดี “

“ กินวันละ 500 Kcal “

ผมรู้ครับว่าคุณเอง ก็เคยคิดคำถามนี้ขึ้นมาในหัว หรือ ไม่แม้แต่คนอื่นเคยมาถามคุณ จนจวบทุกวันนี้ก็ยังเป็นคำถามที่ ล่องลอยไปมาอย่างเลื่อนลอยยยย
___________________________________

สวัสดีครับชาว Strong by Science เจอกันอีกแล้วนะครับ วันนี้กระผมจะมาพูดถึงเรื่องข้อข้องใจ กับเรื่องที่หลายๆคนมักสืบทอดต่อกันมาและ ทำไปโดยไม่รู้ตัวว่าทำไปทำไม และ มันจริงหรอ ?

“ YOYO EFFECT โยโย่เอฟเฟคมันคืออะไร ? “

Q : โยโย่เอฟเฟคมันคืออะไรคะ ?

A : .. ตอนเด็กๆ เคยเล่นโยโย่ใหมครับ ?

โยโย่ ถ้าลองนึกย้อนดูแล้ว ตอนเราเล่นเราจะต้องจับลูกโยโย่โยนลงพื้น โดยถ้าหากเราส่งเเรงน้ำหนักทิ้งลงไปมาก ลูกโยโย่ก็จะดีดกลับขึ้นมาเร็วเเละเเรง
___________________________________

Q : พอนึกภาพตามออกใหมครับ

A : ประมาณว่า ถ้าเราลดน้ำหนักเร็วมากๆ น้ำหนักก็จะดีดกลับมาเร็ว ใช่มั้ยคะ ?

ถูกต้องครับ ในทางสรีระวิทยาของมนุษย์ ร่างกายของคนเรามีความสลับซับซ้อน มากกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนึงซะอีก เช่น สมดุลเคมีต่างๆ

ฮอร์โมนเป็นสิบๆตัวจากต่อมไร้ท่อ ระบบประสาทส่วนกลาง และอื่นๆอีกมากมาย มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์มากครับ พวกมันเรียนรู้และวิวัฒนการได้อย่างสุดยอด และ พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้มันอยู่รอดจนสืบพันต่อไปได้
___________________________________

Q: มหัศจรรย์ยังไงคะ ?

A : ยกตัวอย่างให้เห็นกันแบบชัดๆเลยคือ

นางสาว A ในทุกๆวันกินอยู่วันละ 2,000 Kcal/Day จู่ๆวันนึง เพื่อนเรียกว่า อิอ้วน นางสาว A เกิดนอยด์ น้อยใจ จึงค้นหาข้อมูลในการลดน้ำหนัก จนไปเจอ สูตรของ จอน วิญญาน ว่าให้กินวันละ 500 Kcal/Day น้ำหนักจะลดได้เยอะมาก อาทิตย์นึง 10 โลได้

นางสาว A จึงลองทำไปได้ซัก 1 อาทิตย์ เริ่มรู้สึก เก็บกด อดกลั้น ทนไม่ได้อยากจะกินนู่นนี่ จึงตะบะแตก เมื่อเลิกงานเย็นวันศุกร์จึงรีบแจ้น ไประเบิดบุฟเฟ่ วันหยุดสุดสัปดาห์ ยัดเค้ก รัวๆๆ แล้วคิดปลอบใจว่า เดี๋ยววันจันทร์ค่อยลดต่อ

แต่เมื่อวันจันทร์กลับพบว่า น้ำหนักที่ลงไปนั้น กลับเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาก และมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ลดด้วยซ้ำไป นางสาวA จึงเกิดอาหารนอย จึงเลิกลดน้ำหนักต่อไป จนใช้คำปลอบโยนว่า “กระดูกชั้นใหญ่ ชั้นอ้วนแต่น่ารัก บลาๆๆๆ “

( ดีออกกก มโน )
___________________________________

Q : ทำไมนางสาว A น้ำหนักจึงขึ้นมาเยอะมากคะ ?

A : วันนึงเรากินอยู่ที่ 2,000 Kcal ตามที่กล่าวไว้ ระบบเผาผลาญก็ขึ้นสูงตาม 2,000 Kcal แล้วจู่ๆวันนึงกินแค่ 500 – 1,000 Kcal ร่างกายร่างกายคนเราอาศัยความเคย ชินกับปริมาณอาหารและปริมาณแคลลอรี่ ที่ได้รับในแต่ละวัน รวมทั้งกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองในแต่ละวัน
___________________________________

ร่างกายซึ่งจะต้องทำงานควบคุมกับการผลิต ฮอร์โมนบางตัวจากต่อมไร้ท่ออย่าง ไทรอยด์ฮอร์โมน เพื่อควบคุมการเผาผลาญพลังงาน ความสมดุลของการกิน การใช้พลังงานและระดับไทรอยด์ฮอร์โมน ร่างกายจึงค่อยๆ ลดระดับการเผาผลาญลงมา ให้สมดุลกับพลังงานที่รับเข้ามา
___________________________________

โยโย่นั้นเกิดจากการที่เรา ลดน้ำหนักด้วยวิธีผิดๆ ที่ทำให้ร่างกายเราเผาผลาญน้อยลง เช่น จากเดิมเผาผลาญประมาณ 2,000 Kcal/Day

หลังจากลดน้ำหนักไปซักระยะหนึ่งแล้ว ระดับการเผาผลาญอาจจะลดลงเป็น 500 Kcal/Day ( ตามปริมาณการกินตอนลดน้ำหนักนั้นๆ ) และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของโยโย่
___________________________________

วันหนึ่งเมื่อเรากลับมาทานอาหารปกติ ซึ่งเราจะได้พลังงานประมาณ 2,000 Kcal/Day แต่ตอนนี้ร่างกายเราเผาผลาญเพียง 500 Kcal/Day

เราก็จะอยู่ในสภาพที่ได้พลังงานจากอาหารที่ทานมากกว่าพลังงานที่ใช้ พลังงานที่เข้ามามากเกิน ก็จะถูกสะสมเป็นแหล่งพลังงานสำรอง หรือ ที่เรียกว่า ไขมันเราก็จะอ้วนขึ้นนั่นเอง
___________________________________

เปรียบเทียบเป็นการ์ตูนสนุกๆคือ : ร่างกายในภาวะปรกติมีการเผาผลาญอยู่ที่ 2,000 Kcal/Day ร่างกายได้รับอาหารไปเรื่อยๆปรกติ จู่ๆวันนึงเชื้อเพลิงที่เข้ามา น้อยเกิน

ร่างกายก็มีการแจ้งเตือนจากสมองว่า “ แอ่ด แอ่ด แอ่ด เชื้อเพลิงมีน้อย เชื้อเพลิงมีน้อย โปรดลดระดับการเผาผลาญ ลดระดับการเผาผลาญลง

“ นี่เป็นหนึ่งในภาวะ Homeostasis หรือ ภาวะดำรงดุลย์
___________________________________

ทำไมต้องลดระดับการเผาผลาญลง? : ร่างกายฉลาดมากพอ ที่จะเรียรรู้ให้มันอยู่รอด ถ้าเชื้อเพลิงที่เข้ามาน้อยแล้วระบบเผาผลาญของร่างกายยังสูงอยู่ เชื้อเพลิงที่เข้ามาก็หมดเร็วตาม มันจะคิดว่ามันกำลังจะตายแน่ๆ ชั้นมีพลังงานเข้ามาแค่นี้เอง

ร่างกายจึงรีบหาวิถีทางให้อยุ่รอดคือ

“ ลดระดับการเผาผลาญลงซะ “

ให้เผาผลาญน้อยๆช้าๆ แหล่งพลังงานสำรองต่างๆในร่างกาย จึงเก็บไว้ก่อน ยังไม่อยากเอามาใช้นะ ร่างกายเราจะคิดว่าอยู่ในสภาวะอดอยากจึงเปลี่ยนระบบการทำงานให้ประหยัดพลังงานที่สุด ทำให้อยู่ในสภาวะคล้ายสัตว์จำศีล

อวัยวะแต่ละส่วนจะพยายามทำงานให้น้อยที่สุด ส่งผลให้ร่างกายเราเผาผลาญพลังงานน้อยลง ยิ่งอยู่ในสภาวะที่ได้พลังงานน้อยเกินไปนานแค่ไหน ร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญพลังงานน้อยลงเท่านั้น
___________________________________

อย่าคิดว่าจะหลอกร่างกายได้ : ไม่กินแป้ง ไม่กินข้าวเย็น ตัดแป้งเลย ร่างกายจะได้ดึงแป้งเก่า ดึงไขมันมาใช้ เหอะๆ ร่างกายฉลาดกว่าที่คุณคิดล้านเท่าครับ มันไม่โง่ตามหรอกครับ ใครเรียนหมอ เรียนสรีรวิทยาของมนุษย์มา ย่อมรู้ดีว่า ร่างกายมัน ฉลาด และ ซับซ้อนยิ่งกว่าโครงข่าย คอมพิวเตอร์ทั้งโลกอีก
__________________________________

เช่นเดียวกับสิ่งเทคโนโลยีของมนุษย์ Smart Phone ต่างๆ เมื่อแบตใกล้หมด คุณเองคุณยังกลัวโทรศัพท์ดับ คุณเลยก็ต้องปิด 3G, WIFI , ลดระดับแสงลง หรือ โหมดอื่นๆ เพื่อให้แบตยังยาวนานขึ้น เพื่อรอรับสายฉุกเฉินที่จะเข้ามา
___________________________________

Q : แล้วจะทำยังไงไม่ให้โยโย่ละคะ ?

A : " ทำให้ร่างกายเกิดการเรียนรู้ อย่าช้าๆ "

กล่าวคือ ลดระดับพลังงานลงมาอย่างช้าๆ ทีละน้อยๆ เช่น 300 - 500 Kcal / Day

รวมถึง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน กินให้ครบครับ อย่ากลัวที่จะกิน ถ้ากินอย่าง ฉลาดและถูกต้อง ยังไงมันก็ลงครับ โดดยเฉพาะโปรตีนครับ สำคัญมาก ป้องกันสลายตัวของกล้ามเนื้อได้

กล้ามเนื้อเป็นตัวเผาผลาญพลังานชั่นดีเลยครับ รวมถึง เล่นเวท คาร์ดืโออย่างสม่ำเสมอ นะครับ

__________________________________

จะลดน้ำหนัก หรือ ทำอะไรเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์จงศึกษาให้ดีถี่ถ้วนก่อนเสมอ ร่างกายคนเรามันฉลาด มิเช่นนั้นอาจจะเสียใจภายหลังได้

___________________________________

สรุปแล้ว : อย่าอดข้าว อย่าตัดแป้ง อย่าลดพลังงานลงเร็วๆ ใจเย็นๆ ค่อยๆทำ

" ยิ่งอยู่ในสภาวะที่ได้พลังงานน้อยเกินไปนานแค่ไหน ร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญพลังงานน้อยลงเท่านั้น "

อย่างที่ในหลวงพูดว่า " อย่าดึงต้นกล้าให้โตไวๆ" หมายถึง อย่าใจร้อน

ปล. สูตรลด 3 วัน 7 วัน บอกตรงๆ " กากครัช " ลดได้จริง แต่ไม่ยั่งยืนแถมรอมี Side Effect ตามมาได้เลยครับ

Strong by Science
ทุกปัญหาสุขภาพ และ กีฬา
วิทยาศาสตร์การกีฬา มีคำตอบ !

*******************************************************
สุดท้ายนี้ขอบคุณเจ้าของบทความที่เขียนบทความนี้ขึ้นมานะคะ
ใครอ่านแล้วก็แวะเข้าไปให้กำลังใจเจ้าของบทความที่ลิงค์ด้านบนด้วยนะค้า
*******************************************************



กระทู้นี้ไม่ต้อนรับม้า ไม่ต้อนรับแม่ค้า ถ้าใครมาแปะโฆษณาในนี้ แจ้งลบทันทีค่ะ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่