กับเมืองนี้ สุราษฎร์ธานี เมืองคนดีแสนสุขสดใส ..

เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ ยืมแอคแฟนมาบอกเล่าเรื่องราวววววววววว  
ด้วยสกิวการถ่ายภาพแบบงูๆปลาๆ หากผิดพลาดประการใด โปรดอภัย หรือคอมเม้นมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เป็นครั้งแรกที่ออกเดินทางในปีนี้ เพราะตอนซัมเมอร์ 5 เดือนมัวแต่เรียนซัมเมอร์ที่คาราคาซังมาหลายๆตัว บวกกับนั่งแช่อยู่ออฟฟิศทำงานเลยไม่มีเวลาเดินทางซักเท่าไหร่
แต่พอใช้ชีวิตมาถึงจุดๆนึง ทุกอย่างมันบีบให้เราหาความสุขใส่ตัวเองบ้างหลังจากที่อดทนกับอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่ตัวเองมานาน เราอยู่ในเมืองที่มีรถวิ่งจนไม่มีพื้นที่จะยืน เราอยู่ในเมืองที่ผ่านไฟแดงเป็นสิบไฟแดงกว่าจะถึงโรงหนัง วุ่นวายสัส ระหว่างที่นั่งอ่านหนังสือในกลุ่มเป็น 4 - 5 คน ภาวะกดดันมันระเบิดสิ่งที่ไม่อาจคาดคิดได้ออกมา โดยบทสนธนาเริ่มจาก
ผม : ยิ้มห่าไรวะ หยั่งกับภาษาต่างดาว สัส
เพื่อน : สอบตัวนี้เสร็จมีเวลา 4 วัน ไปเที่ยวกันมั้ยครับ สัส
ผม : อยากไปก็ไป เก็บกระเป๋า พรุ่งนี้สอบเสร็จละหวดยิ้มเลย

เลยอาศัยช่วงเวลาที่มีเวลา 3-4 วันในช่วงสอบนั้นไปซะที !
เป็นทริปแรกๆนะครับที่มีคนร่วมเดินทางไปด้วยเพราะตลอดเวลาที่ผมชอบเดินทางนั้นจะไปคนเดียว เพราะเหตุผลจะได้ไม่มากเรื่อง ไม่เรื่องมาก โอเค ! พร่ามห่าไรเยอะแยะ เข้าเรื่องเหอะ
ผมกับเพื่อน นั่งรถของแถวจากหน้า ม. มาลงที่ตลาดเกษตรด้วยอากาศที่เรียกว่า ข้างทางคงมีแต่ไก่ย่าง ยิ้มแทบจะไม่ต้องก่อไฟก็สุกได้ พอมาถึงก็นั่งรถตู้เพื่อมุ่งสู่เมื่องที่เราทำการมาร์กไว้ตอนแรกคือ "สุราษฎร์ธานี"

เมื่อมาถึง ก็ปาเข้าไป ทุ่มนึง บรรยากาศมืด อารมณ์เซ็งเริ่มเข้ามา เพราะกะมาถึงเย็นจะได้หามุมถ่ายรูปตอนแสงสอดมาอย่างงามๆ แต่เอาวะ ไม่เป็นไร เดินหาของกินในตลาดใน มหาลัยราชภัฏไปก่อนที่จะไปหาร้านนั่งชิวๆ หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งมาเป็น 5 6 ชั่วโมง

โอเคหลังจากที่ได้รับสารจากเจ้าถิ่นว่า ที่นี่เด็ด เอาเด็ดก็เด็ด ขับรถจาก มหาลัยออกมาในเมืองราวๆ 7 กิโลก็เจอร้านที่มองจากด้านนอกก็คิดว่า ไอ่ห่าพากูมาร้านอะไร หรู แพงสัสแน่ๆ (เอฟเฟคเพิ่มเติ่ม) คุยๆกันหน้าร้านก็มาถึงละ ไม่อยากเสียเที่ยวเค้าว่าเด็ด ก็เอาวะ เข้าไปก่อน


มาถึงข้างในร้านที่เปิดเพลงเบา กล่อมลูกค้าที่กำลังอกหักให้ผูกคอตายในร้านได้ ถุ้ย ! บรรยากาศถือว่าโอเคครับ มีเพลงเบาๆ ราคาเบียร์หรือเหล้านั้นไม่ถึงว่าแพงมาก อยู่ในราคาที่พอรับได้ สิ่งที่เด็ดและอยากจะแนะนำสำหรับร้านนี้คือ B52 นะครับ ที่มิกซ์เหล้า + นม + ห่าเหวอะไรไม่รู้ แล้วเวลากินจะต้องจุดไฟ แล้วดูดทีเดียวให้หมด นี่มัน วอด เดอะ ฟัค อะไรกันวะะะะะ โอเค สั่งมากิน สัมผัสแรกที่กินเข้าไปคือร้อนครับ ก็ไฟ ร้อนสัสๆ เมื่อดูดไปถึงช่วงนึง ซึ่งจะแยกชั้นกันเป็นนมกับเหล้า พอถึงตอนนมนี่ลื่นคอครับ สรุปคือ เป็นอะไรที่ยิ้มเข้ากันไม่ได้ แต่กลับเข้ากันได้อย่างลงตัว ผมสั่งค๊อกเทลด้วยครับชื่อ pinklady เวิคครับมิกลงตัว  มีดนตรีสดให้ฟังครับ อันนี้เลยที่เด็ดกว่า เป็นวงที่เล่นสดได้โอเคครับ บีบน้ำตาคนอกหักให้ไปกระโดดสระน้ำข้างร้านตายไปข้างเลยก็ว่าได้ซึ่งถือว่าเป็นร้านที่ สมควรแก่การนั่งเมื่อคุณทรมานตัวเองด้วยการนั่งรถมาไกล ถือว่าคุ้มครับ
9/10



ด้วยอารมณ์ที่ตัวสัมผัสแอร์เย็นๆ ทั้งๆที่ตอนอยู่หอไม่มีแม้พัดลมใช้ตอนนอน เลยทำให้นอนตื่นซะ เกือบ 11 โมง 5555555 อาบน้ำอะไรเสร็จ หาข้าวกินแถวนั้นเลย มีความคิดที่ว่า "ทำบุญมั้ย" เพื่อนบอก ไปไหนก็ได้ กูไม่รู้ เลยโอเค ไปกัน ปิดตาจิ้มมาเลยเป็นวัดสมหวัง วรวราราม (ถุ้ย จริงๆก็ถามจากเจ้าถิ่นนั้นแหละครับ) ขับรถหนีออกจากตัวเมืองมา ราวๆ 8 กิโลเมตร ด้วยสองข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นสวนผลไม้ และขายกันเองหน้าสวนจึงทำให้ราคาถูกกว่าท้องตลาด ตลอดทางอากาศเย็นมากครับ เพราะส่วนนึงคงมาจาก ต้นไม้สองข้างทางที่มากมายก่ายกอง พอมาถึงบรรยากาศวัด เป็นอะไรที่สงบ เย็น ที่สุดเท่าที่เจอมาในรอบอาทิตย์ เพราะนั่งในห้องสอบนี่มีแต่อาการร้อนๆหนาวๆ ตลอดเวลา 55

ทำบุญเสร็จแล้วหิวครับ หลังจากเที่ยงไม่มีอะไรตกถึงท้อง ถ้าจะกินขนมปังให้ปลามันก็บาป (แล้วทำไมตอนให้อาหารปลามันเหลือน้อยๆวะ ถุ้ยย) เลยตัดสินใจมาร้านนี้ตามคำร่ำลือว่าเป็น ซิกเนเจอร์ของบ้านดอน (คนสุราษฎร์ธานีจะเรียกส่วนที่เป็นในเมืองว่า บ้านดอน) เป็นร้านนี้ครับ "ร้านเชย บ้านดอน"

ดูจากภายนอกร้านการตกแต่งภายในนี่สื่อถึงรสนิยมเยอะแยะนะครับ มีซูเปอร์ฮีโร่อย่าง เดอะฮัก กัปตันเมกา หรือเสื้อนักบอลที่มีแฟนบอลทั่วโลกรวมกันได้เป็นคนในประเทศไทยรวมกัน 5 เท่าอย่าง แมนยู หรือบาซ่า



ไปจนถึง ตู้ไข่หยอดเหรียญ ครั้งละบาท ที่พอกดออกมาไม่ได้แหวนพลาสติกที่บีบก็ได้ ก็อะไรสักอย่างที่กูเอามาทำ ยิ้มไรไม่ได้เลย ซึ่งพอมามิกซ์กันแล้ว เข้ากันครับออกสไตล์วินเทจย้อนยุค + กับพวกซูเปอร์ฮีโร่ที่เข้ามาทำให้ร้านมีมิติยิ่งขึ้น

ในด้านรสชาติของอาหารนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ สเต็กงานโตๆ เครื่องเคียง สองสามอย่าง ราคาไม่เกิน ร้อยยี่สิบ เหมาะสำหรับ แบ็คแพ็คเกอร์ งบน้อยอย่างพวกเราครับ  จานนี้เรียกสเต็กหมูอังกฤษ .. เนื้อสเต็กงี้นุ่มมากครับรสชาติเป็นเอกลักษณ์

รสชาติอาหารทุกอย่างโอเค ภาชนะที่ใส่อาหารก็เวิร์คนะครับ ซึ่งส่วนตัวผมชอบสะสมของพวกนี้อยู่แล้ว เสียดายขาดช้อนเขียวนะครับ (บอกอายุชิบเป๋ง 55)

อันนี้กุ้งซอสครีมมะนาวครับใบเขียว ๆ นั้นกินกับกุ้งซอสครีมมะนาวได้ลงตัวมากผมไม่ทราบชื่อใบอะไร  อร่อยครับ เด็ด

ไก่ปาปริก้า  รสชาติก็คือปาปริก้าแหละครับแต่เด็ดนี่คือไก่  ต้องลองครับเค้าทอดได้อร่อยกรอบและไม่แข็งเกินไปมันยังรุสึกถึงผงแป้ง

จานนี้ผมชอบครับ สปาเก็ตตี้ปลาหมึกไข่  น้ำซอสจะเป็นไปในแนวเค็มไม่เหมือนผัดปลาหมึกทั่วไปถูกเอามาผสมเป็นซอสราดสปาเกตตี้ได้ลงตัวมากก

น้ำมะพร้าวปั่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  > <
สำหรับร้านสุดท้ายของทริปนี้บอกเลยครับว่าประทับใจ เอาไปในระดับ 10/10 เลยครับ
เป็นกระทู้แรกของผมยังไงก็ฝากด้วยนะครับ ขอแท้กก้นครัวเพราะมีอาหารด้วย 6555
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่